ชีวิตของกุ๊ก

สวัสดีค่ะ วันนี้ก็มีเรื่องจะมาเล่าให้ฟัง คือว่าครอบครัวของดิฉันมีกันอยู่ 7 คน อยู่สระบุรี
พ่อ
แม่
พี่กุ้ง (ชาย)
พี่ก้อย
กิ๊ก
กุ๊ก(ดิฉันเอง)
แกล้ว ค่ะ

เรื่องคือตอนเด็กๆเรา5คนพี่น้อง ซนมากไปวิ่งเล่นกันตามประสา พี่กุ้งเป็นพี่ชายคนโตจะเป็นคนเดียวที่อายุเยอะสุดและไม่ค่อยเล่นกับน้องๆความคิดก็จะเป็นผู้ใหญ่มาก คุณพ่อคุณแม่คาดหวังไว้กับพี่คนโต จนพี่จบจากจุฬาฯจะกลับมาที่บ้านมาเปิดร้านขายยาในตลาด ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ที่พ่อเคยซื้อไว้ตอนมาขอแม่ แต่แล้วชีวิตก็เหมือนโดนแกล้งค่ะเมื่อวันหนึ่งพี่กุ้งไปเจอเพื่อนสนิทชื่อ ปู พี่ปูเลยชวนไปวิ่งรถส่งของทำแบบนี้มา เกือบ 4 ปี แล้ววันหนึ่งพี่กุ้งสงสัยว่าในรถเป็นอะไรก็เปิดออกดูเป็นบรรจุภัณฑ์พลาสติกเหมือนทุกครั้ง แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ลองรื้อค้นพบว่าในตุ๊กตาปูนปั้นที่หล่นแตก มีเศษก้อนผลึกใสๆเมื่อจับและลองดูดีๆแล้วพบว่าเป็นก้อนยาไอซ์ เค้าเลยลองเอาที่เหลือมาทุบดูพบว่าเป็นยาเสพติดหมดทุกอัน เค้าเลยโทรหาพี่ปูเพื่อจะปฏิเสธส่งของปรากฎว่า พี่กุ้งโดนเพื่อนด่าและขู่เอาชีวิตถ้าไม่เอาของไปส่งวันนั้น เขาเลยเอาไปส่งและวันต่อมาเขาก็เก็บตัวอยู่บ้านคนเดียวจน มีกลุ่มคนมาหาบ่อยๆกุ๊กเองก็กลัวมากตอนนั้นดิฉันอายุ 6 ขวบและเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย ทานอาหารไม่อร่อยและเดินลำบากมากค่ะ จนไปรักษาคุณหมอบอกว่า "หนูเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง" อาจจะเดินไม่ได้ในอีกไม่ช้าค่ะ ตอนนั้นที่บ้านเครียดมากจนวันนึง พี่ปูมาหาและพาตัวพี่กุ้งไป จนค่ำวันนั้นมีสายมาจากตำรวจว่า พี่ชายหนูโดนจับเนื่องจากขนสารเสพติด 200กิโลกรัม ตอนนั้นที่บ้านเครียดมากพ่อขายที่ขายทาง ไปประกันตัวแต่สุดท้ายศาลก็ตัดสินจำคุกค่ะ ร้านขายยาก็เลยทิ้งร้างและพ่อเลยให้คนแขกขายผ้ามาเช่าแค่ 2 ชั้นล่างเดือนละ 5000 พอได้มีคนดูแลตึกค่ะ ผ่านไป3ปีดิฉันก็ได้นั่งรถเข็นถาวรเพราะโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง จนดิฉันอายุ 23 เมื่อปี 2559 เนื่องจากคุณพ่อดิฉันทำงานเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มีโรงเรียนแห่งหนึ่งมาให้พ่อไปเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาบนตึก 3 ชั้น ปรากฎว่าพ่อพลาดตกลงมา ทำให้พิการขาอัมพาตเดินไม่ได้ บ้านนี้จึงมีพ่อและหนูที่พิการทางขา ทุกวันดิฉันยังคงทำภารกิจส่วนตัวได้เพราะแค่เดินไม่ได้แต่คุณพ่อ ทั้งเจ็บทั้งปวดหนูสงสารพ่อมาก พี่ก้อยพี่สาวของหนูได้เป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลห่างไกลแห่งหนึ่ง ด้วยความสงสารครอบครับจึงได้ทำเรื่องขอย้ายมาไกล้บ้านและมาดูแลพ่อ
ต่อมา คุณแม่เปิดร้านขายอาหารตามสั่ง คุณแม่แต่เดิมที่มารักกับคุณพ่อเพราะคุณพ่อเป็นช่างทาสีโรงลิเกและเป็นพระเอกลิเกคุณแม่ชื่นชอบมากค่ะแทบคลั่งแต่ในช่วงที่อยู่กับคุณพ่อก็ไม่เคยมีทีท่าว่าจะกลับไปดูอีก จนวันหนึ่งดิฉันรอคุณแม่ทานข้าวพร้อมด้วยคุณพ่อและน้องๆสองคนพบว่า คุณแม่ไปติดพระเอกลิเกและไม่ขายของนานถึง 3 เดือนจนพี่ก้อยมารอเจอคุณมาจนคุยและตกลงกันในเรื่องเงิน ถ้าไม่ขายของก็ไม่มีเงินคุณแม่เลยกลับมาขายของได้สัก 2 เดือนก็ไปอีก รอบนี้ไปกับวงเลยค่ะ และรุ่งเช้ามีคนมาขนรถเข็นบอกว่าแม่ขายเขาแล้วแต่เราไม่ให้และแจ้งตำรวจค่ะสรุปแม่กลับมาเคลียร์ด่าพวกหนู ด่าหนูว่าพิการไม่ทำงานเป็นภาระ หนูเสียใจมาก ยิ่งไปกว่านั้นด่าพ่อว่าเมื่อไหร่จะตายๆไปซะทีสร้างภาระให้กู แล้วแม่ก็หายไปค่ะ ในวันใหม่พี่ก้อยเลยพาพ่อไป สำนักงานที่ดินโอนย้ายบ้านและทุกอย่างโดยให้ก้อยและดิฉันเท่าๆกันและเราสองคนได้ให้คำสาบานว่าจะแบ่งให้น้องทุกคนไม่ต้องกังวลพ่อก็รู้ว่าหนูกับพี่ปราถนาดีค่ะ
ต่อมาพี่คนต่อมาชื้อพี่กิ๊ก พี่กิ๊กเรียนจบธุรกิจการบินได้ไปทำงานกับเพื่อนสนิทชื่อพี่ปอ อยู่ที่ครัวการบินแห่งหนึ่ง วันนั้นที่พ่อไปโอนที่ก็ทราบว่าได้แค่2คน แต่เราสองคนก็อธิบายแล้วนะคะว่าสิ้นบุญพ่อทุกคนถึงจะได้และตอนนี้พ่อยังอยู่ใครไม่ช่วยดูและน้องกะพี่ก้อยจะไม่ให้อะไรติดตัวเลยสักบาท ช่วงหลังพี่กิ๊กกับน้องแกล้วก็ช่วยมาดูแลพ่อตลอด จนที่ทำงานพี่กิ๊กเรียกตัวกลับค่ะ พี่กิ๊กไปทำงานไม่เคยส่งเงินมาเลย ใน IG พี่เค้าใช้ชีวิตดีมากอยู่คอนโดย่านดอนเมืองราคาแพง ทานอาหารแพง แถมมีเครื่องประดับเต็มไปหมด แต่โทรมาขอเงินพี่ก้อยทุกเดือนจนพี่ก้อยไม่ให้และโกรธกันและสุดท้ายไปทำงานที่กระบี่โดยแรกๆบอกเสริฟอาหารในร้าน ปรากฎว่าร้านที่ไปเป้นผับมีโชว์โป๊(ชุดว่ายน้ำจีสตริง) และพี่สาวเราก็อยู่บนเวที เราก็ไม่ได้ว่าอะไรจนมารู้ว่าเค้าคบอยู่กินกับผู้ชายคนหนึ่งและมีลูกด้วยกันหนึ่งคนแล้วค่ะ พี่ก้อยเลยเข้าไปคุยดีๆว่าทำไมไม่บอก แต่เค้าก็ตอบแค่ว่าจะรู้ไปทำไมครอบครัวหนู พี่ๆน้องๆก็รีบแบ่งๆที่แบ่งทางได้แล้ว จะได้ไม่ต้องเจอกันอีก พี่ก้อยน้อยใจมากเข็นรถหนูไปนั่งริมหาดร้องไห้ แต่กุ๊กเองก็ทำอะไรไม่ได้พอกลับไปบ้านที่สระบุรี พ่อเริ่มนั่งรถเข็นและทำอไรได้เองเราก็ให้กำลังใจพ่อเสมอ แต่วันไหนแม่มาแม่ก็จะดุด่าว่าพ่อเป็นภาระ สงสารพ่อมากค่ะอยากเอามีดหั่นเนื้อปลายแหลมไปแทงให้ตายๆเลยค่ะแต่ด้วยคำว่าแม่ เกลียดยังไงก็คือแม่แม่จะรู้ไหมว่าพวกหนูรักแม่แค่ไหน
พี่ก้อยก็ใจดีไปกดเงินให้แม่ 3000 บอกว่าใช้ประหยัดเพราะพ่อเราต้องรักษาน้องกุ๊กก็ต้องหาหมอทุกเดือน แม่ก็ดีใจขับมอไซค์ออกไป โดยไม่สนใจจะจับจะต้องพ่อเลย เราก็กอดพ่อค่ะให้กำลังใจพ่อเสมอว่าพ่อคือชีวิตถ้าไม่มีพ่อพวกเราอยู่ไม่ได้ พ่อก็สู้ต่อเสมอค่ะ น้องแกล้วน้องคนเล็กจบ ปวส. ด้านอาหาร น้องก็ออกแนวเกย์ค่ะ แต่ที่บ้านเรารับได้เพราะน้องแกล้วทำทุกอย่างในบ้าง โดยไม่รังเกียจอะไรเลย น้องไปสมัครเป็นกุ๊กโรงแรมชื่อดังแต่ไม่มีประสบการเขาหลอกใช้ เงินเดือนก็น้อย จนทนไม่ไหวค่ะออกมาดูแลพ่อและกุ๊กอีกแรงจนมาเปิดกระกายได้ว่าบ้านเราเคยขายตามสั่ง วันรุ่งขึ้นแกล้วหายไปพร้อมรถกระบะพ่อที่จอดไว้เป็นเดือนๆได้ใช้เมื่อพาเราสองคนไปพบหมอค่ะ เขากลับมาพร้อมอุปกรณ์ขายของและอาหารสด ตอนนั้นเราก็สงสารน้องมากเพราะเราเดินไม่ได้ เขาก็มีฝีมือในการทำงานไม้นะคะ ซ่อมโต๊ะและที่สำคัญทำจุดนึงไว้ให้หนูกับพ่อนั่งเล่น และช่วยหั่นผักหั่นหมูเด็ดพริกเรื่อยเปื่อยได้อีกด้วยกลายเป็น เอาคนพิการมาช่วยกันสร้างรายได้ค่ะ บ้านเราติดคลองวิวก็จะดี ลมเย็นลูกค้าช้าราชการเยอะมากและที่สำคัญ ลูกค้าโรงงานก็โทรสั่งทีละเป็นสิบกล่อง ตอนนี้เราอยู่ดัวได้สบาย พี่ก้อยก็มาบอกข่าวดีว่าเจอคนดีๆแล้วนะ น้องแกล้วเลยเอาเงินเก็บให้แต่พี่ก้อยเอามาสร้างบ้านในที่ดินข้างๆอีกหลังและเราก็อยู่ร่วมกันได้ประมาณ 5 ปี จนฝ่ายชายบอกว่าอยากไปอยู่บ้านไกล้แม่ตัวเองพี่ก้อยเลยไปๆมาๆค่ะ ในอาทิตย์เราเจอกันตลอดจนไม่ได้มองว่าห่างกันเลย คุณแม่หรอคะ แล้วแต่เขาค่ะให้เขามีความสุขไปเราอยู่ได้ แต่อาทิตย์ละ 3000 ไม่แฟร์นะคะ พี่ก้อยลดเหลือาทิตย์ละ 1000 ถ้ามาดูแลพ่อครบ 4วันจะได้3พัน แรกๆก็มานานเข้าก็หายไป เราเลยตามข่าวว่าสบายดีก็พอค่ะ ปล่อยเขาไป

ชีวิตเริ่มดีขึ้นจนกระทั่งวันหนึ่งมีโทรศัพท์มากบอกว่า "ทำใจดีๆไว้นะครับ คุณก้อยเสียชีวิตแล้ว" โดนฆาตกรรม เราไปที่เกิดเหตุพบสามีพี่และลูกนอนกอดศพ ตำรวจบอกว่าคนร้ายได้เข้ามาหวังจะข่มขืนแต่ผู้ตายขัดขืนเลยใช้มีดแทงที่คอตัดหลอดลมสิ้นใจ

หนูกระโจนเข้าไปกอดศพพี่ได้แต่มองและเช็ดคราบน้ำตาพี่ที่แก้มตอนนั้นดิฉันเหมือนคนบ้าเลยเพราะพี่คือเสาหลักที่สอง ชีวิตพวกเราเหมือนมีตราบาป ลำบากยังไม่พอยังต้องมาถูกเบียดเบียนชีวิตอีก ในใจตอนนี้รอให้พี่กุ้งพ้นโทษ แต่ก็ไม่วายในคุกเค้าเกิดทะเลาะกันไปติดต่อก็ไม่ได้เพราะทางเรือนจำไม่ให้เยี่ยม

กลับมาบ้านเราไม่ได้บอกพ่อกลัวจะเสียใจ พ่อก็ถามนะคะว่า เจ้าก้อยไปไหนเราก็บอกไปออกค่ายอาสา (ทางสามีจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพที่วัดได้ 2วัน) จนตอนเช้าพ่อถามว่าก้อยกลับยัง เมื่อคืนก้อยมานอนกอดพ่อร้องไห้ทั้งคืน กุ๊กกับแกล้วก็ไม่พูดอะไรเราสองพี่น้องกอดกันร้องไห้เข้าไปกราบขอโทษพ่อและเล่าทุกอย่างให้ฟังและแล้วพ่อก็ก็ชักเรารีบนำส่งโรงพยาบาล พ่อได้สติเราก็เข้าไปคุยเขาก็ไม่ได้โกรธอะไร เราก็ไปช่วยงานทุกวันแม้พี่เขยจะจ้างคนมาทำงานแต่เขาเป็นพี่สาวเราเราก็ทำทุกอย่างที่ดีที่สุดค่ะ
หนูโทรหากิ๊ก กิ๊กก็มา ชีวิตกิ๊กน่าสารมากสามีเอาแต่เมากิ๊กก็เล่าให้ฟังว่าช่วงนี้ตนเองขายบริการมาพักนึงเพราะสามีบังคับโดยพาเพื่อนมาที่ห้องมาร่วมเพศหลายคน  แกล้วเลยให้เพื่อนๆไปช่วยขนของของกิ๊กกลับมาบ้านพร้อมลูกสามีเขาก็มาราวี จนเราต้องแจ้งความจับและสุดท้ายก็ฟ้องหย่าและแล้วเราก็มีกัน 3 พี่น้อง พ่อและพี่กุ้งที่ไกล้จะออกจากเรือนจำ

วันที่6ก่อนการเผาศพพี่ก้อย ทางประกันก็มาดำเนินการให้วันนั้นแม่มาแม่ก็ไม่มีความเศร้าอะไรเลย อวดร่ำอวดรวย ว่าจะเอาลิเก เอางิ้ว เอาหนังกลางแปลงมาทำบุญ รอนะเพื่อนๆ และสุดท้ายมาสะกิดกุ๊กและบอกกุ๊กว่า เงินประกันได้เท่าไหร่อย่าลืม ตรูนะเว่ยนี่ก็แม่มัน แม่พวกมืง ดิฉันร้องไห้และถามเลยค่ะว่าถามจริงๆแม่เคยรักพวกเราบ้างไหม แม่รู้ไหมทุกวันนี้หนูตอบแทนแม่ทางด้านสินทรัพย์จนหมดแล้วเหลือแต่สินชีวิตแม่จะเอาไหม ถ้าเอาหนูจะตายตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดเลย แม่ไม่น่ามาเป็นแม่หนูเลย ก่อนหน้านี้หนูรักแม่มากแม้แม่จะไม่ได้ให้ความรักพวกหนูเลย ตอนนี้หนูพูดได้เต็มปากหนูเกลียดแม่มาก

แม่ก็เงียบไปและก็เข้าไปโรงครัวและไม่พูดกับใครอีกเลย
วันเผาศพก็ส่งวิญญาณเรียบร้อยในตอน6โมงเช้า แม่ก็พาผู้ชายของแม่มาที่บ้านบอกจะมาแบ่งส่วนแบ่งโดยจะต้องแบ่งครึ่งๆแต่พ่อไม่ให้ ผู้ชายคนนั้นก็เหยียบไปที่มือพ่อหนูได้แต่ร้องตะโกนเสียงดังไม่มีใครเลยจนผู้ใหญ่บ้านผ่านมาได้ยินโทรแจ้งและพาลูกบ้านในพื้นที่มาพาพ่อไปโรงพยาบาลวันนั้นหนูเสียใจมากใจแทบขาด หนูนอนกองขาสัปปะรังเคที่เดินไม่ได่ได้แต่ร้องให้ จนแกล้วกลับมาจากตลาดไม่เจอ เจอแต่ป้าช่วย ป้าข้างบ้านเล่าให้ฟังก็ไปเจอที่ รพ.ตำรวจถามจะเอาเรื่องไหม พ่อโมโหมากและพ่อบอกแล้วว่าพ่อไม่ไหวกับแม่แล้วจึงบอกตำรวจว่าเอาเรื่อง และฟ้องหย่าเนื่องจากคบชู้ ทำร้ายร่างกายและขโมยของในบ้านด้วย

พ่อและหนูได้ให้ความตามจริงพร้อมเพื่อนรักที่พ่อเคยให้เงินไปเรียนเพราะที่บ้านยากจน จบมาเป็นทนายก็มาช่วยว่าความ เราชนะค่ะ แม่ก็ได้แต่อ้อนวอนให้เราคุยยอมกันแต่สายไปมากเพราะศาลตัดสินแล้ว และผู้ชายใหญ่คุณแม่ก็เป็นพระเอกลิเกที่โดนไล่จากวงเพราะสำมะเลเทเมา ชอบขู่เพื่อนร่วมวงขโมยของค่ะ เจ้าของวงบอกมา
และเขาก็ไม่มีเงินพอจะประกันตัวเองออกมาก็คงชดใช้กรรมค่ะ ทุกวันนี้ไปเยี่ยมแม่แม่ก็ด่าเราตลอดว่าเรามันเณรคุณ เราเสียใจที่ทำแบบนี้แต่ทำไงได้ ถ้าไม่ทำต่อไปพ่อเราอาจจะต้องตายก็ได้เพราะที่บ้านไม่มีใครที่จะมาสู้รบปรบมือได้เลยเหลือแค่ พี่กิ๊ก กับน้องแกล้ว 2 คนคือพูดง่ายๆค่ะ มีแค่ผู้หญิงกับคนพิการ คงไปทำอะไรใครไม่ได้ค่ะ
และแล้วข่าวดีก็มาถึงพี่ปูถูกจับได้และโดนวิสามัญ พี่ชายเราได้ออกมาจากเรือนจำ คุณแม่ก็ออกมาจากเรือนจำเช่นกันและหาตัวแม่ไม่เจออีกเลย
พี่ชายเราได้ไปเริ่มเปิดร้านขายยาใหม่โดยตึกที่คนแขกเช่าเขาก็ยินดีเพราะจริงๆแล้วเขาใช้แค่ ชั้นเดียวพี่กุ้งเลยกั้นห้องพอเป็นทางเดินและทำบันได+ลิฟสำหรับขนาดขนของให้เขาก็โอเคและทำร้านใหม่
คุณพ่อแข็งแรงขึ้นมากแต่คงเดินไม่ได้ตลอดไปเหมือนกุ๊กนี่แหละค่ะ วันหนึ่งครอบครัวเราไปทำบุญให้พี่ก้อย พี่ชายขับรถให้คนพิการสองคนนั่งและพี่กิ๊กกับน้องแกล้วก็ไปด้วยกัน ระหว่างทำบุญเราก็สะดุดกับเสียงนึงเลยขยับรถเข็นไปบนทางคอนกรีตในวัดไปเรื่อยๆและเจอแม่ชีกำลังให้อาหารปลาอยู่เราก็ไปกราบท่านปรากฎว่าเป็นแม่ของพวกเรา หนูรีบโทรหาพี่ๆน้องๆบอกเจอแม่อยู่ที่บ่อปลาท้ายวัดทุกคนวิ่งมา พ่อใจร้อนรีบกว่าคนอื่น ทุกคนต่างร้องไห้คิดถึงแม่ แม่ก็นั่งคุยกับพวกเราว่า หลงผิดจนโงหัวไม่ขึ้น สุดท้ายไม่มีอะไร แม้แต่ลูกในใส้ก็ไม่เอาเราก็พยามกลับมาเป็นคนแล้วพอได้ไม่สะสมบาปเวรอีกทุกวันนี้มีความสุขดี สุขที่ไม่ต้องทำให้ตัวเองทุกข์ ไม่ต้องไปเบียดเบียนให้ครอบครัวทุกขืทำให้มีความรักในใจรักทุกคน ผิดมากแต่ก้าวมาแล้วก็คงไม่กลับไปผิดอีก
นับจากวันนั้นก็ไปหาแม่บ่อยๆจนสุดท้ายพ่อเสียชีวิตแม่ก็มาสองสามครั้ง และนับจากวันนั้นก็ไม่เจอแม่อีกเลย
และเราก็ยังนั่งอยู่บนรถเข็นรอความตายเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ครอบครัว ปัญหาครอบครัว ปัญหาชีวิต
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่