[CR] รีวิวหนังสือดีๆ ควรอ่าน DEPRESSION DIARY #มันไม่ได้เศร้าอย่างทีคิดหรอกนะ

ชี้แจงก่อนนะครับ ที่ผมตัดสินใจมาโพสพันทิปนี้เพราะผมอยากจะบอกเล่าสิ่งดีๆ ให้กับสังคมนะครับ ไม่ได้เป็นโพสส่งเสริมการขายหรืออะไร แต่ผมตั้งใจที่จะมาเขียนเพื่อเป็นการรีวิวหนังสือที่ผมเพิ่งได้อ่านซึ่งผมคิดว่ามันดีกับสังคมมากๆ ครับ อมยิ้ม04

[Creditรูปภาพจาก Siangthip book center นะครับ] พาพันขอบคุณ

ผมเองก็ไม่ใช่นักวิจารณ์มืออาชีพ ไม่ได้มีความรู้เรื่องการเขียนนะครับ ถ้ามีอะไรผิดพลาด ขัดข้าง ขออภัยมา ณที่นี้และขออนุญาตคุณนักเขียนด้วยนะครับหากผมกล่าวถึง ล่วงเกิน ไปด้วยวาจาสมควรหรือไม่สมควรนะครับ
เพี้ยนเพลีย

ผมซื้อหนังสือเรื่อง Depression Diary มาจากร้านคิโนคุนิยะ สยามพารากอน แรกเริ่มผมไม่ได้สนใจเรื่องโรคซึมเศร้าครับ เพราะผมไม่เคยมีคนรอบข้างที่เป็นโรคหรือมีอาการนี้จนกระทั่งแฟนผมที่ผมกำลังคบอยู่ตอนนี้ เธอมีอาการแล้วผมก็อยากจะเข้าใจเธอให้มากขึ้น ผมจึงหยิบหนังสือเล่มนี้กลับบ้านไปแบบรีบๆ ไม่ได้เปิดอ่านก่อน
เมื่อผมได้มีเวลาเริ่มอ่าน ผมก็ต้องขนลุกตั้งแต่บทนำที่เป็นความรู้สึกจากใจพ่อของนักเขียนครับ มันเป็นอะไรที่สะเทือนใจมากๆ ที่พ่อคนออกมาพูดถึงความรู้สึกของตัวเองที่ต้องดูแลลูกสาวที่เป็นโรคซึมเศร้า ความยาวเพียงสามหน้านิดๆ ทำให้ผมเริ่มอินไปเลย
ส่วนตัวผมไม่เคยเป็นพ่อคนนะครับ แต่มองในมุมมองคนรักกันที่เป็นห่วงเป็นใยกัน ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่จริงใจมากครับ ตรงไปตรงมา แล้วก็สัมผัสได้จริงๆ จนผมต้องพลิกไปหาหน้าประวัติของนักเขียนเลย ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นนักเขียนนิยายมาก่อนนะครับ น่าจะมีประสบการณ์ทางด้านการเขียนมาแล้ว แล้วผมก็นับถือเธอครับที่เปิดเผยตัวตนจริงๆ เพราะเนื้อหาในเรื่องก็คือเรื่องราวชีวิตของเธอ เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงมหาลัยปีสอง ช่วงที่เป็นโรคจนถึงปัจจุบันี้ เธอเป็นโรคนี้และอยู่กับมันมากว่าแปดปีครับ
นักเขียนเล่าเรื่องราวส่วนตัวของตัวเองให้คนอื่นฟัง การไปหาหมอ การรักษาและการเผชิญหน้ากับโรคอย่างเพียงลำพังตั้งแต่สมัยที่ไม่มีใครรู้จักและกล่าวถึงโรคซึมเศร้ามาก่อน เธอเอาตัวรอดในยุคนั้นมาได้ แม้จะมีบางบทที่ผมรู้สึกว่ามันค่อนข้างจะแรงไปหน่อยเช่นเรื่องการฆ่าตัวตาย อาจจะดูเป็นเรื่องสังคมไทยยังรับไม่ได้และดูเป็นเรื่องน่าอายครับ แต่นักเขียนก็กล้าพูดอารมณ์ตอนนั้นออกมา อ่านไปเหมือนผมได้คุยกับเพื่อนคนนึง มันไม่เหมือนหาอ่านตามเน็ตครับ เพราะผมได้รู้ว่าเธอเป็นใครเนื่องจากเธอกล้าออกมาเปิดตัว ผมนับถือใจมากครับที่ออกมาเป็นตัวแทนบอกเล่าเรื่องราวที่คนอื่นอับอายแต่คุณนักเขียนกลับเขียนมันออกมาในมุมที่คนอื่นควรจะมองบ้างว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องน่าอาย แต่เป็นประเด็นที่สังคมควรให้ความสำคัญ
ที่ผมชอบอีกเรื่องในหนังสือนอกจากประเด็นการฆ่าตัวตายในเรื่องก็คือเรื่องการใช้ Social media ที่มีบทความกับชีวิต นักเขียนเล่าเรื่อง Cyber bully และมีกรณีศึกษายกตัวอย่างเอาไว้ อ่านง่ายครับ เข้าใจเลย เพราะกรณีศึกษานั้นก็คงต้องผ่านตาชาวพันทิปมาบ้างแน่นอน เป็นกรณีของชายที่มีรูที่รองเท้าแล้วโดนกล่าวหาว่าเป็นโรคจิตไงครับจนเขาหวาดระแวงกลัวสังคมไปเลย ผมคิดว่าน่าสนใจและควรให้ความสำคัญนะครับเพราะคนเราใช้อินเตอร์เน็ตมากขึ้นควรใช้กันอย่างสร้างสรรค์ไม่ใช่มาทำร้ายคนอื่นนะครับ มันสะท้อนให้เห็นเลยว่านิสัยพื้นฐานของคนในสังคมเราอย่างไร น่ากลัวนะครับ จากกรณีนี้
ส่วนเรื่องประเด็นครอบครัว ความสัมพันธ์ผมก็ประทับใจมาก ที่นักเขียนกล้าเล่าความรู้สึกในฐานะลูกที่โดนพ่อแม่กดดันมาแต่เด็กเนื่องจากมีความคาดหวังให้เธอแบกรับสูง แต่ในเนื้อหาก็ไม่ได้ออกมาแนวตำหนิว่ากล่าวผู้ปกครองครับ เธอเอาตัวเองเป็นกรณีศึกษาให้คนอื่นมองเห็นภาพว่าช่วงเวลาวัยเด็กและครอบครัวสำคัญมากแค่ไหนกับคนๆ นึง อันนี้ค่อนข้างคล้ายผม ผมเองก็มีปัญหาคล้ายๆ แบบนี้ มีหลายครั้งที่เครียดกลัวจะทำให้พ่อแม่ไม่ได้ แต่พอมาอ่านตรงนี้ผมรู้สึกเลยว่าผมต้องรักตัวเองก่อนก่อนที่จะทำให้ใครมีความสุขได้ตัวเราต้องมีความสุขด้วย เด็กไทยหลายคนลืมสิ่งนี้ไปครับ พ่อแม่เองก็เช่นกันลืมไปว่าเรามีลูกมาเพื่ออะไร มาเพื่อเติมเต็มครอบครัว ชีวิตคู่ให้สมบรูณ์ไม่ใช่มาแบกรับความหวังที่เติมเต็มให้กับตัวเองไม่ได้ นักเขียนสุดยอดครับ เดอะแบกจริงๆ เธอคงแบกเยอะมาก แต่ก็ยังทำงานเขียนออกมาได้
ข้อมูลอื่นๆ เช่นพวกการรักษาก็มีนะครับว่าการไปหาหมอจิตแพทย์ กินยา นอกจากนั้นยังมีการไปทำโรฉาดเทส สะกดจิต เยอะแยะมากมาย ที่นักเขียนผ่านมา ผมได้ความรู้ใหม่ๆมากเลยครับ ขอบคุณนะครับ ด้านหลังก็มีเบอร์โทรศัพท์ของหน่วยงานรัฐและเอกชน รวมไปถึงชื่อโรงพยาบาลที่รับรักษาโรคนี้ แล้วยังมี Q&A จากหมอแอร์รายการคนอวดผีด้วย
ภาพประกอบด้านในสวยครับ ตัวหนังสือออ่านง่าย คุ้มราคา พิมพ์สี่สีทั้งเล่ม จัดเต็มอัดแน่น
ความรู้สึกหลังจากอ่านจบ : เอาให้แฟนต่อเลยครับแล้วก็อยากบอกต่อคนอื่นๆ อีกครับ 10/10 สิ่งดีๆแบบนี้ อ่านจบแล้วรู้สึกว่า มันไม่ได้เศร้าอย่าที่คิดตามชื่อเรื่องเลยครับ ยังมีอีกหลายมุมที่ผู้ป่วยโรคนี้เข้าใจกัน ร่วมมือกัน เพื่อรักษาตัวเองให้หายจากความเศร้าได้ คนปกติๆ อย่างผมอ่านแล้วก็รู้สึกว่าคนพวกนี้เขารักกันเมตตากันเข้าใจกัน ถ้าสังคมเราเป็นแบบนี้ก็คงจะดีนะครับ ผมเองก็เข้าใจแฟนมากขึ้นตามที่ผมต้องการครับ ขอบคุณสำนักพิมพ์กัมบัตเตะและคุณแมนดี้นะครับที่ผลิตสื่อดีๆ แบบนี้ออกมา นับถือใจมากครับ หัวใจหัวใจ
ชื่อสินค้า:   DEPRESSION DIARY มันไม่ได้เศร้าอย่างทีคิดหรอกนะ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่