ต้องขอระบายอารมณ์ผ่านข้อความแบบยาวๆหน่อยนะคะ เนื่องจากมันเป็นความอัดอั้นตันใจ ที่มีสะสมมานานหลายปีแล้ว ถ้าเขียนผ่านเฟสบุ๊คก็จะกลายเป็นว่าหนูพูดบ่นหัวหน้าตัวเองอีก
หนูทำงานในบริษัทเอกชนแห่งนี้ ได้ 4 ปีแล้ว งานในตำแหน่งปัจจุบันที่ทำอยู่คือเป็นฝ่ายประสานงานติดต่อกับทุกฝ่าย เพราะฉะนั้น ในทุกวันจะต้องมีการจัดประชุมคุยภายในกันอยู่ตลอด ว่าจะต้องดำเนินการเรื่องอะไรยังไงกันต่อ พอเริ่มงานได้ปีแรก หนูมีความรู้สึกดีกับเพื่อนร่วมงานที่นี่มาก เพราะสังคมที่ทำงานแห่งนี้ มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอด ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งเรื่องใหญ่โต กันสักเท่าไหร่ แต่ติดตรงที่หัวหน้าของหนู เค้าเป็นแนว bossy คือชอบสั่งๆๆ ให้ทำงานนู้นทำนี่ แต่บ่อยๆครั้งคือ ชอบสั่งให้ทำในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง และเป็นธุระส่วนตัวของ She ด้วยเหมือนกัน เช่น วันไหน She ไปช้อปปิ้งและมีสั่งรองเท้าแบบที่ชอบไว้ที่ห้างแห่งหนึ่ง แล้วถึงวันต้องไปรับเอาของที่สาขานั้น She ก็สั่งให้หนูไปเอาแทนค่ะ หนูก็จำต้องนั่งมอไซด์ไปเอาให้ แต่เบิกค่ารถไม่ได้นะคะ She จะให้เป็นค่าตอบแทน ร้อยเดียว ตลอด และบอกขอบใจ แค่นั้น บางครั้งค่ารถไปกลับมันมากกว่า เงินร้อยเดียวที่เค้าให้มาหน่ะค่ะ หนูเองตอนนั้นก็ค่อนข้างจะซื่อมากๆค่ะ เพราะว่าพึ่งเข้าทำงานได้ไม่นาน อะไรที่ไม่ได้หนักหนามาก หนูทำให้ได้ก็จะทำค่ะ จนตอนหลัง She เห็นว่า หนูใช้งานง่ายมั้งคะ เลยถูกใช้ประจำให้ไปทำเรื่องธุระส่วนตัวของตัวเองอยู่บ่อยๆ
เริ่มเข้าปีที่ 2 หัวหน้าหนูเรียกไปคุย และบอกว่า หนูเป็นคนขยันและดูมีความตั้งใจในการทำงานดี เลยอยากให้หนูฝึกความรับผิดชอบให้มากขึ้นโดย จะเอาหนูเข้าประชุมด้วย และเสมือนเป็นเลขาส่วนตัวที่คอยจดรายละเอียดการประชุม และประสานงาน follow up ต่างๆต่อ นี่คือจุดเริ่มต้นเสมือนสิ่งที่ใหม่ที่หนูไม่เคยทำมาก่อน งานก็หนักขึ้นเพราะรับผิดชอบเรื่องงานของตนเอง และมีการติดตามงานในที่ประชุมของหลายๆ ฝ่ายเข้ามาด้วย
เข้าสู่ปีที่ 3 งานก็หนักขึ้นๆเรื่อยๆ ค่ะ บอกตามตรงว่า บางวันเหนื่อยแบบสลบค่ะ คือหนูเข้างานเช้ามาก และกลับสายมาก กว่าจะได้ออกจากออฟฟิศบางครั้ง 2 ทุ่ม- 2 ทุ่มกว่าๆ เพราะมีงานหลายๆอย่างต้องเคลียร์ให้จบค่ะ บอกก่อนว่าไม่ได้ OT นะคะ หนูทำของหนูเอง ไม่ได้มีใครมาเคี่ยวเข็ญอะไร แต่ลึกๆ หนูก็มีหวังโบนัส หรือ โอที อยู่บ้างเหมือนกันค่ะ ที่ออฟฟิศเป็นระบบตอกบัตรแบบกระดาษค่ะ มีบ้างที่หนูลืมตอกบัตรออกค่ะ เพราะกลัวไม่มีรถกลับบ้าน พอนึกขึ้นได้ก็วิ่งจู๊ดออกนอกออฟฟิศไปเลย กลายเป็นหนูเข้างานเช้า และไม่ได้บันทึกออกค่ะ เซ็งเป็ดมาก ตอนเงินเดือนออกเลยโดนตัดเงินไปหน่อยนึงค่ะ
ชีวิตสาวออฟฟิศนี่มันช่างแสนเศร้าจริงๆค่ะ วันๆ ทำงานๆๆ และกลับบ้าน พักผ่อน ตื่นเช้ามาก็เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหมือนโลกหนูแคบลง แต่ก็ยังไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี เพราะที่บ้านหนูก็ต้องช่วยที่บ้านผ่อนค่าบ้าน ด้วยส่วนนึง และหนูยังมีน้องชายอีกคน ที่ต้องช่วยส่งเค้าหน่อย อยากให้จบไวๆ จะได้รู้ว่าพี่สาวคนนี้ หวังดี อยากให้เค้ามีอนาคตค่ะ ฮือๆๆ จริงๆนะ พ่อไม่อยู่ มีก็แต่แม่นี่แหล่ะ เพราะเราก็อยู่กัน 3 คนในบ้าน มีอะไรก็ต้องช่วยๆกัน เพราะหนูว่าครอบครัวเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตค่ะ ถึงแม้ว่าครอบครัวหนูจะเกิดมาจน แต่หนูก็มีศักดิ์ศรีค่ะ และไม่อยากให้ใครดูถูกเราได้ ด้วยเหตุนี้ หนูจึงค่อนข้างจะทุ่มเทกับงานมากๆค่ะ เพราะหวังที่จะเติบโตในอนาคต แน่นอนหนูอยากได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น โบนัส หรือโอที อยู่แล้ว แต่เพราะว่าหนูหวังไปไกลกว่านั้น หนูเลยมีความตั้งใจมากๆ กับการทำงาน และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่หัวหน้าหยิบยื่นมาให้ลองทำอยู่ตลอดค่ะ
เริ่มเข้าปีที่ 4 อย่างที่บอกต้องมีประชุมทุกวัน แต่หลังๆมานี้หนูรู้สึกว่า หัวหน้าเข้าสายมากๆค่ะ กว่าจะได้ประชุมจริงๆ ต้องรออย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือเกือบ ชั่วโมงครึ่งก็มีนะคะ หนูเลยยกคอมพิวเตอร์มานั่งทำงานในห้องประชุมมันเลยค่ะ แน่นอนว่า จะโดนเพ่งเล็งบ้าง จากคนอื่นๆนะคะ แต่เอาเถอะ ขืนให้นั่งรอเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย งานหนูทำไม่ทันจริงๆ ค่ะ ความหย่นยาน ของการเข้างานของหัวหน้าหนู เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ เคยแอบถามเหมือนกันว่า ทำไมหัวหน้าเข้าสายจังเลยคะ ช่วงนี้ หัวหน้าหนูตอบว่า รถเสียบ้างเอย รถติดบ้างเอย บลาๆๆๆๆ เอาเป็นว่า หนูเองก็ไม่อยากก้าวก่ายกับเค้ามากนักนะคะ เพราะหัวหน้ายังไงก็คือหัวหน้าค่ะ แต่เอาจริงๆ ก็ควรต้องเป็นแบบอย่างที่ดีของลูกน้องป่ะคะ ? มันไม่ดีอ่ะ
ล่าสุดหัวหน้าฝาย HR เริ่มมีการให้พวกหนูลองทดลองใช้แอพพลิเคชั่นตอกบัตรดู 1 เดือน แต่ทดลองก่อนเฉพาะพนักงานทั่วไปนะคะ ระดับหัวหน้ายังไม่มีการสั่งการลงมาให้ลองใช้ค่ะ คือเอาจริงๆ หนูว่ามันก็ดีนะคะ คือมันสะดวกเวลาลางาน และแค่เข้าออฟฟิศก็เช็คอินได้เลย ไม่ต้องรอต่อแถวเข้าคิวตอกบัตรตอนเช้า ส่วนตอนกลางคืน หนูก็กดบันทึกออก เวลาออกจากออฟฟิศผ่านมือถือ และวิ่งจู๊ดออกไปขึ้นรถตอนกลับเลยค่ะ
อยากให้หัวหน้าหนูใช้จริงๆเลยหน่ะค่ะ เพราะหนูก็เซ็งเป็ดที่จะต้องรอประชุมตอนเช้านานๆ และหนูก็เชื่อว่า เพื่อนร่วมงานในแผนกอื่นๆก็คงคิดเช่นนี้เหมือนกันนะคะ คือถ้าทุกคนมาตรงเวลาตามประชุมมันก็จบไงคะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลากันทุกฝ่าย จะได้เอาเวลาเหล่านี้ไปทำงานอย่างอื่นต่อ หรือบางคนต้องไปหาลูกค้าที่อื่นต่อ จะได้แยกย้ายกันไปค่ะ
สุดท้ายนี้หนูก็แค่อยากแชร์ความรู้สึกของตัวเองผ่านการเขียนเรื่องของตัวเอง เพราะแค่อยากจะระบายเฉยๆค่ะ ใครไม่เห็นด้วยกับส่วนใดที่เขียน ก็อย่าว่ากันแรงนะคะ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่หนูเขียนผ่านทางนี้ค่ะ ใครที่เคยเจอปัญหาการเข้างานสายของหัวหน้าแบบหนู ก็มาลองแชร์วิธีการแก้ปัญหากันได้นะคะ เพราะจริงๆ หนูก็เคยบอกหัวหน้าไปแล้วเหมือนกันค่ะ ว่าอยากให้เข้าประชุมตรงเวลานิดนึง แต่เค้าทำได้อยู่ไม่กี่วัน ก็กลับมารูปแบบเดิมอีกแล้วหน่ะค่ะ เลยไม่รู้จะทำยังไง ขอบคุณนะคะที่รับฟังค่ะ
หัวหน้าเรียกประชุม 9 โมง แต่ตัวเองมาสาย 10 โมงครึ่งทุกวัน เซ็งมาก ต้องนั่งทนรอเป็นชั่วโมงบ่อยๆ
หนูทำงานในบริษัทเอกชนแห่งนี้ ได้ 4 ปีแล้ว งานในตำแหน่งปัจจุบันที่ทำอยู่คือเป็นฝ่ายประสานงานติดต่อกับทุกฝ่าย เพราะฉะนั้น ในทุกวันจะต้องมีการจัดประชุมคุยภายในกันอยู่ตลอด ว่าจะต้องดำเนินการเรื่องอะไรยังไงกันต่อ พอเริ่มงานได้ปีแรก หนูมีความรู้สึกดีกับเพื่อนร่วมงานที่นี่มาก เพราะสังคมที่ทำงานแห่งนี้ มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอด ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งเรื่องใหญ่โต กันสักเท่าไหร่ แต่ติดตรงที่หัวหน้าของหนู เค้าเป็นแนว bossy คือชอบสั่งๆๆ ให้ทำงานนู้นทำนี่ แต่บ่อยๆครั้งคือ ชอบสั่งให้ทำในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง และเป็นธุระส่วนตัวของ She ด้วยเหมือนกัน เช่น วันไหน She ไปช้อปปิ้งและมีสั่งรองเท้าแบบที่ชอบไว้ที่ห้างแห่งหนึ่ง แล้วถึงวันต้องไปรับเอาของที่สาขานั้น She ก็สั่งให้หนูไปเอาแทนค่ะ หนูก็จำต้องนั่งมอไซด์ไปเอาให้ แต่เบิกค่ารถไม่ได้นะคะ She จะให้เป็นค่าตอบแทน ร้อยเดียว ตลอด และบอกขอบใจ แค่นั้น บางครั้งค่ารถไปกลับมันมากกว่า เงินร้อยเดียวที่เค้าให้มาหน่ะค่ะ หนูเองตอนนั้นก็ค่อนข้างจะซื่อมากๆค่ะ เพราะว่าพึ่งเข้าทำงานได้ไม่นาน อะไรที่ไม่ได้หนักหนามาก หนูทำให้ได้ก็จะทำค่ะ จนตอนหลัง She เห็นว่า หนูใช้งานง่ายมั้งคะ เลยถูกใช้ประจำให้ไปทำเรื่องธุระส่วนตัวของตัวเองอยู่บ่อยๆ
เริ่มเข้าปีที่ 2 หัวหน้าหนูเรียกไปคุย และบอกว่า หนูเป็นคนขยันและดูมีความตั้งใจในการทำงานดี เลยอยากให้หนูฝึกความรับผิดชอบให้มากขึ้นโดย จะเอาหนูเข้าประชุมด้วย และเสมือนเป็นเลขาส่วนตัวที่คอยจดรายละเอียดการประชุม และประสานงาน follow up ต่างๆต่อ นี่คือจุดเริ่มต้นเสมือนสิ่งที่ใหม่ที่หนูไม่เคยทำมาก่อน งานก็หนักขึ้นเพราะรับผิดชอบเรื่องงานของตนเอง และมีการติดตามงานในที่ประชุมของหลายๆ ฝ่ายเข้ามาด้วย
เข้าสู่ปีที่ 3 งานก็หนักขึ้นๆเรื่อยๆ ค่ะ บอกตามตรงว่า บางวันเหนื่อยแบบสลบค่ะ คือหนูเข้างานเช้ามาก และกลับสายมาก กว่าจะได้ออกจากออฟฟิศบางครั้ง 2 ทุ่ม- 2 ทุ่มกว่าๆ เพราะมีงานหลายๆอย่างต้องเคลียร์ให้จบค่ะ บอกก่อนว่าไม่ได้ OT นะคะ หนูทำของหนูเอง ไม่ได้มีใครมาเคี่ยวเข็ญอะไร แต่ลึกๆ หนูก็มีหวังโบนัส หรือ โอที อยู่บ้างเหมือนกันค่ะ ที่ออฟฟิศเป็นระบบตอกบัตรแบบกระดาษค่ะ มีบ้างที่หนูลืมตอกบัตรออกค่ะ เพราะกลัวไม่มีรถกลับบ้าน พอนึกขึ้นได้ก็วิ่งจู๊ดออกนอกออฟฟิศไปเลย กลายเป็นหนูเข้างานเช้า และไม่ได้บันทึกออกค่ะ เซ็งเป็ดมาก ตอนเงินเดือนออกเลยโดนตัดเงินไปหน่อยนึงค่ะ
ชีวิตสาวออฟฟิศนี่มันช่างแสนเศร้าจริงๆค่ะ วันๆ ทำงานๆๆ และกลับบ้าน พักผ่อน ตื่นเช้ามาก็เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหมือนโลกหนูแคบลง แต่ก็ยังไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี เพราะที่บ้านหนูก็ต้องช่วยที่บ้านผ่อนค่าบ้าน ด้วยส่วนนึง และหนูยังมีน้องชายอีกคน ที่ต้องช่วยส่งเค้าหน่อย อยากให้จบไวๆ จะได้รู้ว่าพี่สาวคนนี้ หวังดี อยากให้เค้ามีอนาคตค่ะ ฮือๆๆ จริงๆนะ พ่อไม่อยู่ มีก็แต่แม่นี่แหล่ะ เพราะเราก็อยู่กัน 3 คนในบ้าน มีอะไรก็ต้องช่วยๆกัน เพราะหนูว่าครอบครัวเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตค่ะ ถึงแม้ว่าครอบครัวหนูจะเกิดมาจน แต่หนูก็มีศักดิ์ศรีค่ะ และไม่อยากให้ใครดูถูกเราได้ ด้วยเหตุนี้ หนูจึงค่อนข้างจะทุ่มเทกับงานมากๆค่ะ เพราะหวังที่จะเติบโตในอนาคต แน่นอนหนูอยากได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น โบนัส หรือโอที อยู่แล้ว แต่เพราะว่าหนูหวังไปไกลกว่านั้น หนูเลยมีความตั้งใจมากๆ กับการทำงาน และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่หัวหน้าหยิบยื่นมาให้ลองทำอยู่ตลอดค่ะ
เริ่มเข้าปีที่ 4 อย่างที่บอกต้องมีประชุมทุกวัน แต่หลังๆมานี้หนูรู้สึกว่า หัวหน้าเข้าสายมากๆค่ะ กว่าจะได้ประชุมจริงๆ ต้องรออย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือเกือบ ชั่วโมงครึ่งก็มีนะคะ หนูเลยยกคอมพิวเตอร์มานั่งทำงานในห้องประชุมมันเลยค่ะ แน่นอนว่า จะโดนเพ่งเล็งบ้าง จากคนอื่นๆนะคะ แต่เอาเถอะ ขืนให้นั่งรอเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย งานหนูทำไม่ทันจริงๆ ค่ะ ความหย่นยาน ของการเข้างานของหัวหน้าหนู เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ เคยแอบถามเหมือนกันว่า ทำไมหัวหน้าเข้าสายจังเลยคะ ช่วงนี้ หัวหน้าหนูตอบว่า รถเสียบ้างเอย รถติดบ้างเอย บลาๆๆๆๆ เอาเป็นว่า หนูเองก็ไม่อยากก้าวก่ายกับเค้ามากนักนะคะ เพราะหัวหน้ายังไงก็คือหัวหน้าค่ะ แต่เอาจริงๆ ก็ควรต้องเป็นแบบอย่างที่ดีของลูกน้องป่ะคะ ? มันไม่ดีอ่ะ
ล่าสุดหัวหน้าฝาย HR เริ่มมีการให้พวกหนูลองทดลองใช้แอพพลิเคชั่นตอกบัตรดู 1 เดือน แต่ทดลองก่อนเฉพาะพนักงานทั่วไปนะคะ ระดับหัวหน้ายังไม่มีการสั่งการลงมาให้ลองใช้ค่ะ คือเอาจริงๆ หนูว่ามันก็ดีนะคะ คือมันสะดวกเวลาลางาน และแค่เข้าออฟฟิศก็เช็คอินได้เลย ไม่ต้องรอต่อแถวเข้าคิวตอกบัตรตอนเช้า ส่วนตอนกลางคืน หนูก็กดบันทึกออก เวลาออกจากออฟฟิศผ่านมือถือ และวิ่งจู๊ดออกไปขึ้นรถตอนกลับเลยค่ะ
อยากให้หัวหน้าหนูใช้จริงๆเลยหน่ะค่ะ เพราะหนูก็เซ็งเป็ดที่จะต้องรอประชุมตอนเช้านานๆ และหนูก็เชื่อว่า เพื่อนร่วมงานในแผนกอื่นๆก็คงคิดเช่นนี้เหมือนกันนะคะ คือถ้าทุกคนมาตรงเวลาตามประชุมมันก็จบไงคะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลากันทุกฝ่าย จะได้เอาเวลาเหล่านี้ไปทำงานอย่างอื่นต่อ หรือบางคนต้องไปหาลูกค้าที่อื่นต่อ จะได้แยกย้ายกันไปค่ะ
สุดท้ายนี้หนูก็แค่อยากแชร์ความรู้สึกของตัวเองผ่านการเขียนเรื่องของตัวเอง เพราะแค่อยากจะระบายเฉยๆค่ะ ใครไม่เห็นด้วยกับส่วนใดที่เขียน ก็อย่าว่ากันแรงนะคะ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่หนูเขียนผ่านทางนี้ค่ะ ใครที่เคยเจอปัญหาการเข้างานสายของหัวหน้าแบบหนู ก็มาลองแชร์วิธีการแก้ปัญหากันได้นะคะ เพราะจริงๆ หนูก็เคยบอกหัวหน้าไปแล้วเหมือนกันค่ะ ว่าอยากให้เข้าประชุมตรงเวลานิดนึง แต่เค้าทำได้อยู่ไม่กี่วัน ก็กลับมารูปแบบเดิมอีกแล้วหน่ะค่ะ เลยไม่รู้จะทำยังไง ขอบคุณนะคะที่รับฟังค่ะ