Review: นิรันดร์ราตรี, Phantom of Illumination (วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย, 2017)

Review: นิรันดร์ราตรี, Phantom of Illumination (วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย, 2017)


By Form Corleone

"ทุกสิ่งล้วนล่วงเลยผ่านไปตามกาลเวลา" หนังสารคดีเล่าเรื่องราวของคนฉายหนังที่พาเราไปไกลเกินกว่าการตามติดชีวิตคนๆหนึ่ง ครั้งแรกที่เราได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้เรารู้สึกถูกใจในบริบทของตัวงานเรื่องนี้มากๆ เพราะส่วนตัวนิยมชมชอบดูหนังเกี่ยวกับเรื่องราวผู้คนที่เชื่อมโยงกับสถานที่เอาไว้เสมอ ยิ่งตัวหนังเล่นประเด็นเกี่ยวกับคนฉายหนังในโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนด้วยแล้วจึงไม่คิดว่าจะพลาดงานนี้ไปได้ ในที่นี้คือ โรงภาพยนตร์ธนบุรีรามา ที่เราเคยนั่งรถเมล์ผ่านในสมัยก่อน และตอนนี้สถานที่แห่งนี้เหลือทิ้งไว้เพียงความทรงจำเพราะตัวอาคารได้ถูกทุบทิ้งไปแล้ว ด้วยปัญหาเศรษฐกิจและการเข้ามาของโรงภาพยนตร์ระบบดิจิตอล ทำให้โรงภาพยนตร์ที่หนังด้วยระบบฟิลล์ต้องปิดตัวลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มนต์เสน่ห์ของการนั่งดูหนังควบในรอบเดียวจึงหายไปตามโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนประเภทนี้ แน่นอนว่าเมื่อวัตถุเสื่อมสลายลงไปสิ่งหนึ่งที่เป็นคำถามคือบุคคลที่อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนั้นจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร สารคดีเรื่องนี้จึงให้เรื่องราวของพี่สัมฤทธิ์ชายที่ใช้เวลาในการฉายหนังถึง 25 ปี ในโรงภาพยนตร์ธนบุรีรามา โดยไม่เคยเปลี่ยนอาชีพไปทำงานอย่างอื่นเลย ภาพยนตร์ถ่ายทอดเรื่องราวตั้งแต่ครั้งที่พี่เขาเริ่มทำงานที่นี้ผ่านบทสัมภาษณ์พร้อมภาพฟุตเทจสมัยเก่าและเล่าเรื่องผ่านภาพเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันของพี่สัมฤทธิ์ได้เป็นธรรมชาติและมีวิธีการแต่งเติมความพิเศษเพื่อทดลองกับความรู้สึกของคนดูในบางมุม เมื่อโรงภาพยนตร์ต้องปิดตัวลงเขาก็เปลี่ยนจากคนฉายหนังไปเป็นคนดูแลสถานที่แห่งนี้เพื่อรอวันโดนทุบและรอวันจากไปโดยที่ตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าอนาคตจะต้องไปอยู่ที่ไหน จะต้องทำงานอะไร หรือจะเป็นอย่างไรต่อไป ภาพประกอบของภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้มีความผสมผสานระหว่างเรื่องราวสมัยเก่าและสมัยใหม่ไปพร้อมกันทำให้อารมณ์ความรู้สึกในช่วงที่ได้ดูนั้นสามารถสะท้อนถึงความสัมพันธ์ของตัวบุคคลต่อโรงภาพยนตร์หรือต่อสถานที่ได้อย่างลึกซึ้งและในบางมุมทำให้เรารู้สึกเศร้าถึงกาลเวลาที่ทำให้หลายๆสิ่งเปลี่ยนแปลงไปแต่ไม่มีใครสามารถหยุดเหตุการณ์แบบนี้ได้ ไม่มีใครหยุดไม่ให้เวลาเลื่อนเลยผ่านไปได้ ทุกสิ่งจะสูญสลายตามกาลเวลาไม่ช้าก็เร็วในสักวันหนึ่ง


สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราประหลาดใจคือไม่คิดว่าตัวภาพยนตร์จะสามารถพาเราไปไกลกว่าประเด็นของการบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ของโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนแห่งหนึ่ง เมื่อช่วงท้ายเรื่องตัวหนังกลับเล่าประเด็นของพี่สัมฤทธิ์ที่ต้องกลับบ้านนอกไปทำสวนยางกับครอบครัว และเห็นถึงสภาพของชายวัยกลางคนที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ต้องประสบพบเจอกับการทำงานกลางแจ้ง และแม้กระทั่งการต่อสู้กับเครื่องเล่นดีวิดีหนึ่งเครื่องให้กลับมาทำงานปกติยังดูเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต ความสามารถในการฉายหนังที่สะสมมาไม่ได้มีประโยชน์อันใดต่อชีวิตที่เป็นอยู่ปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดจึงทำให้เราเห็นถึงการสิ้นสลายของวัตถุและการสิ้นสลายของชีวิตคนหนึ่งคนไปพร้อมๆกัน จนทำให้เราตื่นตะลึงถึงความสัมพันธ์ที่เราไม่เคยฉุดคิดมาก่อนว่ามันจะส่งผลกระทำได้มากขนาดนั้น ประกอบกับงานภาพที่ใช้แสงเป็นองค์ประกอบหลักในการสะท้อนภาวะของพี่สัมฤทธิ์จึงทำให้เรารู้สึกหม่นเศร้าไปด้วย นอกจากนั้นยังแฝงไปด้วยนัยยะซ่อนเร้นบางอย่างให้ชวนคิดต่อ ท้ายสุด 'นิรันดร์ราตรี' ถามว่าเป็นสารคดีที่ดำเนินเรื่องราวได้สนุกไหม? สำหรับเรานั้นภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้สามารถส่งมอบความสนุกพร้อมอารมณ์เศร้าหมอง+ขำขันได้ในเวลาเดียวกัน ไม่เบื่อที่จะตามติดชีวิตของคนๆหนึ่งเพราะเรื่องราวไม่ได้เล่าซับซ้อนเกินไปจนเข้าใจยาก เราจึงรู้สึกร่วมไปกับตัวตนของพี่สัมฤทธิ์ได้ตลอดจนภาพยนตร์จบลง เสน่ห์ของตัวงานนี้คือเรื่องราวที่บ่งบอกถึงสัจธรรมของโลกที่ไม่มีใครหนีพ้นไปได้แม้จะเป็นวัตถุที่แข็งแรงหรือตัวคนที่เข้มแข็งแค่ไหนก็ตามแต่ทุกสิ่งมักแพ้พ่ายต่อกาลเวลาเสมอ...และเราไม่อาจหนีพ้นได้เลย...


ขอให้มีความสุขกับการดูหนัง ยิ้ม

ตัวอย่างหนัง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่