ไม่มีอะไรใหม่

ขอชี้แจงส่วนบุคคล เมื่อ
พระธรรมของพุทธ
ยาเวห์ของคริสต์
อัลลอฮ์ของอิสลาม
  คืออย่างเดียวกัน
    และสื่อผ่านสามัญสำนึกของทุกสิ่งทุกอย่าง มีร่างกายคือเอกภพซึ่งยิ่งใหญ่กว่าจักรวาล(กาแลกซี่)
พวกเราทั้งหมดเป็นแค่ส่วนหนึ่งในนี้
อะไรหรือใครก็ตามที่แอบอ้างว่าเป็นตัวแทนเหล่านี้
ที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือกลุ่มตนอย่างไม่เหมาะสม โดยเฉพาะที่มีกิเลสอย่างไม่มีเหตุผลที่ควร หากอยู่ในอิสลามถือว่าคือนัฟซู ซึ่งพ่วงร่วมกับกาเฟรที่ปฏิเสธความจริง จะได้รับผลจากการกระทำอย่างเหมาะสม  
   เพราะฉนั้น ขอความกรุณาให้สร้างสรรค์อย่างเหมาะสม เพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม
พระเจ้าก็คือพระธรรม(ชาติ) คืออัลลอฮ์ คือยาเวห์
... วิทยาศาตร์เรียกว่าฟิสิกส์ กฏฟิสิกส์ก็คือกฏพระเจ้า
f< = f> กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
....ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงกฏพื้นฐานทางฟิสิกส์ได้ นอกจากฝืนจนเป็นแรงต้านเท่านั้น
ทางที่ดีนำแรงจากผลลัพธ์นั้นๆมาใช้ประโยชน์ไปในทางที่ดีที่สร้างสรรค์ดีกว่า อย่างการที่นำแรงสะท้อนมาใช้ประโยชน์เปรียบเหมือกังหันลม รวมถึงการใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส
...อย่าไปฝืนเลยกรรมน่ะ เพราะ "กรรม" ความหมายคือ ผลลัพธ์จากการ/สิ่งที่ได้กระทำ
...กฏธรรมชาติมันก็เป็นของมันโดยปกติ เพื่อปรับสภาพธรรมชาติให้เกิดสมดุล
...หากไม่ยึดเหนี่ยวจิตใจด้วยใดๆ หรือใฝ่แต่อ้างโดยวิทยาศาตร์มาพิสูจน์ ไม่เชื่อกฏแห่งกรรมบาปบุญคุณโทษใดๆ ก็ขอให้ยึดถือกฏฟิสิกส์เป็นที่ตั้ง อย่าไปฝืนหรือออกแรงต้าน เพราะธรรมชาติได้หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่าง(เอกภพ)ด้วยตัวมันเอง เรามนุษย์ตัวเล็กๆควรทำตัวให้อยู่กับธรรมชาติให้ได้ คือสิ่งดีที่สุด
   เมื่อถึงจุดตัดเหตุการณ์ที่เหมาะ คุณก็จะได้รับผลตอบแทนเอง ทุกเวลาล้วนมีวันแห่งการตอบแทนอยู่ร่วมตลอด มันอยู่ที่ตัวเราว่าจะวางตัวได้เหมาะ กับจังหวะเวลา และโอกาสหรือเปล่า ไม่ต่างจากการเล่นเก้าอี้ดนตรีเท่าไหร่ เพียงแต่มีรูปแบบที่ซับซ้อนกว่าแค่นั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่