คือเรามีปัญหาค่ะ ตอนนี้เราอยู่ม.4 แล้วในอนาคต เราอยากที่จะเป็นสัตวแพทย์ ส่วนตัวเราเป็นคนไม่ได้เก่งวิทย์ คณิตมาตั้งแต่ ม.ต้น หรือง่ายๆคือ ม.ต้น ก็ตกๆผ่านๆ คาบเส้นบ้างไรบ้าง พอขึ้นม.ปลายด้วยคงามที่มุ่งมั่นอยากทำงานที่ตัวเองตั้งใจ ก็เลยเปลี่ยนแปลงตัวเอง เราเลยหาที่เรียนเพิ่มเพื่อที่จะปูพื้นฐานให้ดีและพัฒนาศักยภาพในด้านนั้นๆให้มากขึ้น (ถ้าจะให้พึ่ง รร. ก็คงไม่ไหว เพราะสอนเร่งรัดมากๆ ไม่ละเอียด และไม่มีอะไรเลยก็ว่าได้) เทอมแรกนี้ เราก็ได้ลองไปสมัครเรียนคณิตที่ๆหนึ่งราคาก็แพงพอสมควรเฉียดๆ 6,000 บาทต่อคอร์ส แต่จากเด็กที่โง่คณิต พื้นฐานไม่มีหรือน้อยมากๆ เราก็เข้าใจขึ้น จากที่เกลียด เขาทำให้เรารักวิชานี้มากขึ้น มีเทคนิคทำโจทย์ที่ดี สอนสิ่งดีๆในชีวิตให้ จนเราสอบได้ท็อปห้อง 18/20 เราก็ชอบครูที่สอนคณิตรร.กวดวิชานี้มากๆ เราก็วางแผนว่าจะเรียนกับเขาไปเรื่อยๆ
เราเลยคิดไว้ว่า ปิดเทอมเราจะลงเรียนอีก แล้วก็มีเพื่อนคนนึง เขาก็คอยพูดกับเราว่าทำไมที่เรียนนี้แพงจัง เปลี่ยนไหม ที่เรียนดีๆก็ไม่แพงเสมอไปนะ เราก็คิดว่าเขาหวังดี ไม่อยากให้เราเสียเงินเยอะ เราเลยไปทดลองเรียนที่อื่นๆ เราก็รู้สึกมันยังไม่ใช่ตัวเรา เรียนไปเครียดไป มันงงๆ เราก็เลยยังยึดมั่นที่จะเรียนที่เดิม
ส่วนวิทย์ต่างๆ เทอม 1 เราลงไปแค่ ชีวะ กับฟิสิกส์ เราก็รู้สึกว่านอกโรงเรียนกับในโรงเรียนต่างกับดี่งสวรรค์และนรก คือในรร.ไม่มีอะไรเลย ว่างเปล่ามากๆ สอนให้นร.รู้ไปงั้นๆ แล้วเราก็สอบได้ท็อปทั้ง ฟิสิกส์ ชีวะ เคมี (แต่เคมีเราไม่ได้ลงนะ เพราะค่ามช้จ่ายเยอะมาก เราไม่อยากใฟ้พ่อแม่ลำบากใจ) ปิดเทอมนี้เราก็เลยวางแผนว่าเราอยากจะเรียนเคมีของเทอม 1 เพื่อนก็บอกเราเรียนเยอะ (คือทั้งๆที่เขาก็เรียนเยอะไม่ต่างจากเราเลยด้วยซ้ำ แต่คะแนนก็ดิ่งลงเหวไปเลย) แล้วเราก็วางแผนอีกว่าจะเรียนอังกฤษเพิ่มด้วย เพราะเราโง่มากๆ เพื่อนก็บอกอีกว่าเรียนไปทำไม อ่านเอาก็ได้ (เราเคยมีพี่ที่สอบติดแพทย์มาแนะนำว่าอังกฤษเป็นวิชาที่คะแนนสอบเพียวๆมากกว่าวิทย์ 3 วิชารวมกันอีก หากเราได้อังกฤษ โอกาสติดเราก็มาก เราเลยอยากได้อังกฤษจริงๆ ให้อ่านอย่างเดียวคงไม่แตกฉาน)
เวลาเราพูดเรื่องเรียนทีไร เขาก็ชอบพูด-ดันเราตลอด ว่าเราเรียนเยอะ สงสารพ่อแม่(คือเราก็บอกท่านตลอดนะ ว่าเราอยากเรียนอะไร ท่านก็รับได้กับค่าใช้จ่าย และบอกให้เราทำตามฝันที่เราตั้งไว้) เราก็อยากบอกนะว่าบางทีเราก็ขี้เกียจ เราก็เหนื่อย เราไม่อยากเรียน แต่การแข่งขันมันสูง ปัจจุบันยังเยอะขนาดนี้ แล้วในอนาคตจะขนาดไหน เราก็อยากทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
เราควรพูดกับเพื่อนยังไงดีคะ เราลำบากใจนะเวลาเขาพูดแบบนี้ เขาพูดเหมือนเราทำให้พ่อแม่ลำบาก เราเสียใจที่เขาก็เป็นเพื่อนที่เรารัก เราก็หวังดีมีไรก็สอน เขาหวังดีกับเราหรอ หรืออิจฉาที่เราเรียนแล้วสอบได้ดีในขณะที่เขาก็ไม่ได้ดีกว่า
เพื่อนขี้อิจฉา หรือ เพื่อนที่หวังดี?
เราเลยคิดไว้ว่า ปิดเทอมเราจะลงเรียนอีก แล้วก็มีเพื่อนคนนึง เขาก็คอยพูดกับเราว่าทำไมที่เรียนนี้แพงจัง เปลี่ยนไหม ที่เรียนดีๆก็ไม่แพงเสมอไปนะ เราก็คิดว่าเขาหวังดี ไม่อยากให้เราเสียเงินเยอะ เราเลยไปทดลองเรียนที่อื่นๆ เราก็รู้สึกมันยังไม่ใช่ตัวเรา เรียนไปเครียดไป มันงงๆ เราก็เลยยังยึดมั่นที่จะเรียนที่เดิม
ส่วนวิทย์ต่างๆ เทอม 1 เราลงไปแค่ ชีวะ กับฟิสิกส์ เราก็รู้สึกว่านอกโรงเรียนกับในโรงเรียนต่างกับดี่งสวรรค์และนรก คือในรร.ไม่มีอะไรเลย ว่างเปล่ามากๆ สอนให้นร.รู้ไปงั้นๆ แล้วเราก็สอบได้ท็อปทั้ง ฟิสิกส์ ชีวะ เคมี (แต่เคมีเราไม่ได้ลงนะ เพราะค่ามช้จ่ายเยอะมาก เราไม่อยากใฟ้พ่อแม่ลำบากใจ) ปิดเทอมนี้เราก็เลยวางแผนว่าเราอยากจะเรียนเคมีของเทอม 1 เพื่อนก็บอกเราเรียนเยอะ (คือทั้งๆที่เขาก็เรียนเยอะไม่ต่างจากเราเลยด้วยซ้ำ แต่คะแนนก็ดิ่งลงเหวไปเลย) แล้วเราก็วางแผนอีกว่าจะเรียนอังกฤษเพิ่มด้วย เพราะเราโง่มากๆ เพื่อนก็บอกอีกว่าเรียนไปทำไม อ่านเอาก็ได้ (เราเคยมีพี่ที่สอบติดแพทย์มาแนะนำว่าอังกฤษเป็นวิชาที่คะแนนสอบเพียวๆมากกว่าวิทย์ 3 วิชารวมกันอีก หากเราได้อังกฤษ โอกาสติดเราก็มาก เราเลยอยากได้อังกฤษจริงๆ ให้อ่านอย่างเดียวคงไม่แตกฉาน)
เวลาเราพูดเรื่องเรียนทีไร เขาก็ชอบพูด-ดันเราตลอด ว่าเราเรียนเยอะ สงสารพ่อแม่(คือเราก็บอกท่านตลอดนะ ว่าเราอยากเรียนอะไร ท่านก็รับได้กับค่าใช้จ่าย และบอกให้เราทำตามฝันที่เราตั้งไว้) เราก็อยากบอกนะว่าบางทีเราก็ขี้เกียจ เราก็เหนื่อย เราไม่อยากเรียน แต่การแข่งขันมันสูง ปัจจุบันยังเยอะขนาดนี้ แล้วในอนาคตจะขนาดไหน เราก็อยากทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
เราควรพูดกับเพื่อนยังไงดีคะ เราลำบากใจนะเวลาเขาพูดแบบนี้ เขาพูดเหมือนเราทำให้พ่อแม่ลำบาก เราเสียใจที่เขาก็เป็นเพื่อนที่เรารัก เราก็หวังดีมีไรก็สอน เขาหวังดีกับเราหรอ หรืออิจฉาที่เราเรียนแล้วสอบได้ดีในขณะที่เขาก็ไม่ได้ดีกว่า