ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราเป็นแฟนกัน...
ฉันก็เคารพการตัดสินใจของเธอ...
ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ฉันดีใจมากนะที่ได้เจอคนที่ทำให้ฉันหายเศร้า หายร้องไห้ และมีรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นอะไรที่ดีสำหรับการเริ่มต้นใหม่
เราไม่เคยมีใครมาดูแล เอาใจใส่เราขนาดนี้ ทำกับข้าวให้เรา พาเราไปเที่ยวทั้งๆที่เราไม่เพื่อนไป ขี่รถมอเตอร์ไซค์ตากฝนจากอีกฟากของอำเภอเพื่อมาหาเราที่ห้อง คอยบอกเราว่าสู้ๆนะ เราไม่ลังเลเลยว่า นี่อาจจะเป็นคนสุดท้ายที่เราจะฝากชีวิตเราไว้กับเค้าก็ได้
เมื่อความจริงที่ว่าเธอยังไม่เลิกกับแฟนเก่าแล้วมาคุยกับเรา เราถามตัวเองว่า นี่เราโดนหลอกอีกแล้วหรอ จะโดนทิ้งอีกแล้วหรอ จะต้องเสียใจแบบนี้อีกแล้วหรอ แต่เราเลือกที่จะให้อภัยเค้า เรายังเชื่อว่าเค้าเลือกเรา เราเชื่อแบบนั้นมาตลอด
เราผ่านอะไรมาหลายอย่าง ทั้งๆที่เราไม่รู้ตัวตนของเค้าเลย เราอยากให้เค้ามีของใช้ เราเลยถอยไอโฟน5sให้ พร้อมกับเราที่ออก ipad และ I6s หลังจากนั้นไม่นานรถมอไซค์พัง ชนก้อนหินจนเครื่องแตก ต้องซ่อม เปลี่ยนถังเครื่องใหม่ เราก็เข้าใจว่าไม่มีเงิน และมันคือสิ่งจำเป็นต้องใช้ เราซ่อมรถให้และให้รถมอไซค์เรายืมไปทำงาน
วันที่เราไปเที่ยวภาคเหนือกัน เราพาเค้าไปกับเพื่อนเรา มันสนุกดีนะ เราก็อยากให้เค้าไปเที่ยวด้วยกันแบบนั้นอีกในทุกๆที่ที่เราและเค้าอยากไป เค้าคงลืมไปแล้วว่าเค้าเป็นคนที่พาเราที่เมาเหล้าเข้าไปนอน
หลังจากนั้นไม่นาน...เราได้ยินข่าวดีสำหรับเขาและคนอื่น ส่วนเรามันคือข่าวร้าย เค้าได้งานที่สมุทรปราการ และต้องไปทำงานในมกราคมนี้ วันนั้นเราทำไรไม่ถูก เราเดินออกมาแล้วขับรถกลับจาก รพสต มาที่ รพ ทันที คือเราไม่อยากให้เขาไป เพราะกลัวว่าเขาจะอยู่ยังไงคนเดียวในเมืองใหญ่ และเราคงเลิกกันแน่ถ้าไกลขนาดนี้ที่เคยเจอกันทุกวันจะเหลือแค่เท่าไร เรากลัว แต่เราต้องให้เค้าไป เพราะมันคืออนาคตของเค้า มันจะมาหยุดที่เราไม่ได้
จนมาถึงวันรับปริญญาที่เชียงใหม่ เราเจอกับปม่เค้าครั้งแรก ยอมรับว่าเราทำตังไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเข้ากับแม่เค้าได้ไหม แต่เราโอเคกับแม่เค้ามากเลย พาท่านไปเที่ยว คุยกันหลายๆเรื่อง แต่มีคำพูดหนึ่งที่เราจำได้ "แม่ฝากดูแลลูกแม่ด้วยนะ" ตั้งแต่นั้นเราคิดว่าเราต้องทำให้เค้าเดินหน้าต่อไป โดยมีเรานี่แหละคอยอยู่ข้างๆ
วันที่10ม.ค.คืนสุดท้ายก่อนเค้ามาทำงาน เาาจึ้นเวรบ่าย อยุ่ๆเค้าโทรมาหาเราว่า "ตัว แลกเวรออกได้ไหม เค้าอยากให้ตัวลงไปส่ง" เราไม่ลังเลเลยที่จะหาแลกเวรหรือถ้าไม่มีเรากะจะลางาน1วัน เพื่อไปส่งเค้า จนสุดท้ายเราก็ได้หยุด11 มกรา กลับลงเวรมา เราใจหายเนาะ ของที่เคยวางรวมกันมันถูกเอาลงกระเป๋าและกล่องผ้าไปหมดแล้ว มันเหลือแต่ความว่างเปล่า
ตลอดทางที่มาส่งเราทำใจไม่ได้เลยที่จะบอกลา จนมาถึงสิ่งแรกที่ทำคือเอามอไซค์ลงจากรถ ขี่รถหาหอพักแล้วก็จ่ายเงินมัดจำ พาเค้าไปซื้อของใช้จำเป็น ที่นอน พักลม ราวตกผ้า ของใช้อื่นๆ ปล้วก็กินข้าวแล้วเราก็กลับเลย 2ชมนั้นเราเงียบ เราไม่อยากพูดอะไร กลับไปเราก็ไม่มีเวลามาเสียใจ เพราะต้องต่อเวรเช้า (ลงบ่าย ออฟ เช้า)
1เดือนผ่านไป...เราลงไปหาเค้า เรารู้สึกว่าบางอย่างไม่เหมือนเดิม คือ เรารู้ว่ามือถือเค้ามีข้อความมากมายที่คุยกับใครที่เราไม่รู้จัก ทั้งเรื่องทักทายปกติ จนไปถึง...รูปที่ส่งหากันทำนองว่าโชว์ของลับ เรานี่ทรุดเลย เรารู้แค่ว่าตอนนั้นมันปวดใจที่สุด ไม่คิดนะว่า มือถือที่เราซื้อให้ เงินที่เราให้ไว้ใช้จ่ายกลับกลายเป็นสะพานให้เค้าคุยกับคนอื่นมากมาย ตอนนั้นเรารับไม่ได้ เราอยากเลิก เป็นครั้งแรกที่เราคิดว่าเราไม่ไหวแล้ว กับคนที่ไม่รู้จักพอคนนี้ อะไรคือสิ่งที่เค้าทำ หยุดที่เราไม่ได้ใช่ไหม แต่เค้ามารั้งเราไว้ว่าเค้าขอโทษ จะไม่ทำแบบนี้อีก
เค้าว่าความลับไม่มีในโลกมันคือเรื่องจริง ต่อจากเมื่อคืนที่รู้เรื่องนั้น เราเจอกับความลับของเค้าอีกอย่างที่เราไม่ควรรู้ เรารวบรวมความกล้าอยู่ครึ่งวันจึงถามเค้า จนเรารับรู้ วินาทีเราอึ้ง เราทำไรไม่ถูกอีกแล้ว เกิดคำถามมากมายในหัวว่าจะทำอย่างไรต่อ จนสุดท้ายเราก็ตั้งสติได้ แต่ก็ใช้เวลาอยู่ไม่น้อยเลยกับการยอมรับความลับนี้
ตลอดเวลาที่เราห่างกัน เรามักจะโทรหาเค้าติดบ้างไม่ติดบ้าง แต่สิ่งที่เราเป็นห่วงเค้าคือ เค้าทำงานหนักกว่าเราที่ว่าไม่มีเวลาเสียอีก ทำงานตั้งแต่เช้าถึงค่ำทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่เสาร์อาทิตย์ รอยยิ้มของเค้าเริ่มจางหายจากเราไปจนมันแทบไม่มีเหลือ ตอนเราลงไปหาเราต้องดูแลตัวเอง อยู่หอเองให้ได้ เพราะเค้าไม่ว่างมาดูแลเรา เราโอเคนะ อยู่ห้องร้อนๆนอนอบเป็นวันๆ เหมือนซาวน่า อาบน้ำหลายๆรอบเอาให้คลายร้อน กลายเป็นว่า ออฟยาวทาเพื่อนอนของจริง พอเรากลับไปกลับมาเราก็รู้ว่าเค้ายังไม่หยุดคุยกับคนอื่น มันคงเป็นตัวตนของเค้าที่ไม่สามารถแก้ได้ วิธีการคุยของเค้าแยบยลมากขึ้น เราก็เผลี้ยนวิธีจับตามเค้าให้ทัน ยิ่งรุ้เราก็ยิ่งโมโห จนมาถึงจุดหนึ่งที่เรามองย้อนไปที่แม่เรา แม่เราอดทนมามากจริงๆ เราเข้าใจความรู้สึกแม่มากกว่าใครเลย ณ จุดๆนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรักเค้าจริงๆ เราจะอยู่กับเค้าแบบนี้ไหม
จนวันที่เค้าถูกหัวกน้าบอกว่าให้ลาออกจาก รพสต ที่สมุทรปราการ เราไม่รู้จะพูดอะไรเลย เข้าใจว่าเค้าคงรู้สึกแย่เหมือนกันที่ตัวเองจะตกงาน เราทำได้แค่ให้กำลังใจเค้าจริงๆ จนถึงตอนนี้เค้าได้ทำงานที่ใหม่มาได้2-3เดือนแล้ว เงินเดือนน้อยลง แต่เค้ามีเวลาพักผ่อนมากขึ้น เราเริ่มเห็นรอยยิ้มเค้าอีกครั้ง เรารู้ว่าเค้าพยายามแค่ไหนที่จะสร้างตัวเองให้อยู่ได้ด้วยตัวเองและส่งเงินไปให้แม่เค้าใช้บ้าง
มาจนถึงวันนี้...ตอนนี้ที่เราง่วงอยากนอนแต่เค้าดูหนัง พอเค้าจะนอน เราฟังเพลงดูการ์ตูน เค้ากลับโพสว่า ถ้ารักกูจริงคงไม่ทำแบบนี้ เราเลยคิดว่า ตอนนี้นะ ถ้าเราทำอะไรก็ผิด เราไม่ใช่สำหรับเค้าอีกแล้ว เราควรยอมรับความจริงเหมือนกันที่ผ่านๆมา ว่า คงถีงเวลาแล้วหรือเปล่า ที่เราจะจบการเป็นแฟนกันไง้แค่นี้ เพราะเค้าที่มีเราคงไม่มีความสุขกับการที่เราอยู่ในชีวิตเค้าอีกแล้ว ตอนนี้เรานอนพิมพ์เรื่องราวในขณะที่เค้าหลับ เราเก็บของทุกอย่างที่เราเคยซื้อให้ลงในกระเป๋าเดินทาง2ใบที่เราเอามาไว้สำหรับขนขุดทำงานที่เราจะออกไปซื้อพรุ่งนี้แทน
ถามว่าเรารักเค้าไหม เรารักเค้าเหมือนเดิม แต่เราอยากให้เค้ารู้บ้างว่า การที่เค้าทำอะไรเค้าไม่ได้มำได้อยู่คนเดียวนะ เราอภัยให้เค้าได้ แต่ถ้าวันหนึ่งที่เราทนไม่ไหว เราก็อยากเค้ารับรู้บ้างเรารู้สึกอย่างไร
เราควรจะทำอย่างไรต่อดี ระกว่างอยู่กับเค้าต่อไปหรือปล่อยเค้าไปดี
ถ้าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราเป้นแฟนกัน...
ฉันก็เคารพการตัดสินใจของเธอ...
ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ฉันดีใจมากนะที่ได้เจอคนที่ทำให้ฉันหายเศร้า หายร้องไห้ และมีรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นอะไรที่ดีสำหรับการเริ่มต้นใหม่
เราไม่เคยมีใครมาดูแล เอาใจใส่เราขนาดนี้ ทำกับข้าวให้เรา พาเราไปเที่ยวทั้งๆที่เราไม่เพื่อนไป ขี่รถมอเตอร์ไซค์ตากฝนจากอีกฟากของอำเภอเพื่อมาหาเราที่ห้อง คอยบอกเราว่าสู้ๆนะ เราไม่ลังเลเลยว่า นี่อาจจะเป็นคนสุดท้ายที่เราจะฝากชีวิตเราไว้กับเค้าก็ได้
เมื่อความจริงที่ว่าเธอยังไม่เลิกกับแฟนเก่าแล้วมาคุยกับเรา เราถามตัวเองว่า นี่เราโดนหลอกอีกแล้วหรอ จะโดนทิ้งอีกแล้วหรอ จะต้องเสียใจแบบนี้อีกแล้วหรอ แต่เราเลือกที่จะให้อภัยเค้า เรายังเชื่อว่าเค้าเลือกเรา เราเชื่อแบบนั้นมาตลอด
เราผ่านอะไรมาหลายอย่าง ทั้งๆที่เราไม่รู้ตัวตนของเค้าเลย เราอยากให้เค้ามีของใช้ เราเลยถอยไอโฟน5sให้ พร้อมกับเราที่ออก ipad และ I6s หลังจากนั้นไม่นานรถมอไซค์พัง ชนก้อนหินจนเครื่องแตก ต้องซ่อม เปลี่ยนถังเครื่องใหม่ เราก็เข้าใจว่าไม่มีเงิน และมันคือสิ่งจำเป็นต้องใช้ เราซ่อมรถให้และให้รถมอไซค์เรายืมไปทำงาน
วันที่เราไปเที่ยวภาคเหนือกัน เราพาเค้าไปกับเพื่อนเรา มันสนุกดีนะ เราก็อยากให้เค้าไปเที่ยวด้วยกันแบบนั้นอีกในทุกๆที่ที่เราและเค้าอยากไป เค้าคงลืมไปแล้วว่าเค้าเป็นคนที่พาเราที่เมาเหล้าเข้าไปนอน
หลังจากนั้นไม่นาน...เราได้ยินข่าวดีสำหรับเขาและคนอื่น ส่วนเรามันคือข่าวร้าย เค้าได้งานที่สมุทรปราการ และต้องไปทำงานในมกราคมนี้ วันนั้นเราทำไรไม่ถูก เราเดินออกมาแล้วขับรถกลับจาก รพสต มาที่ รพ ทันที คือเราไม่อยากให้เขาไป เพราะกลัวว่าเขาจะอยู่ยังไงคนเดียวในเมืองใหญ่ และเราคงเลิกกันแน่ถ้าไกลขนาดนี้ที่เคยเจอกันทุกวันจะเหลือแค่เท่าไร เรากลัว แต่เราต้องให้เค้าไป เพราะมันคืออนาคตของเค้า มันจะมาหยุดที่เราไม่ได้
จนมาถึงวันรับปริญญาที่เชียงใหม่ เราเจอกับปม่เค้าครั้งแรก ยอมรับว่าเราทำตังไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเข้ากับแม่เค้าได้ไหม แต่เราโอเคกับแม่เค้ามากเลย พาท่านไปเที่ยว คุยกันหลายๆเรื่อง แต่มีคำพูดหนึ่งที่เราจำได้ "แม่ฝากดูแลลูกแม่ด้วยนะ" ตั้งแต่นั้นเราคิดว่าเราต้องทำให้เค้าเดินหน้าต่อไป โดยมีเรานี่แหละคอยอยู่ข้างๆ
วันที่10ม.ค.คืนสุดท้ายก่อนเค้ามาทำงาน เาาจึ้นเวรบ่าย อยุ่ๆเค้าโทรมาหาเราว่า "ตัว แลกเวรออกได้ไหม เค้าอยากให้ตัวลงไปส่ง" เราไม่ลังเลเลยที่จะหาแลกเวรหรือถ้าไม่มีเรากะจะลางาน1วัน เพื่อไปส่งเค้า จนสุดท้ายเราก็ได้หยุด11 มกรา กลับลงเวรมา เราใจหายเนาะ ของที่เคยวางรวมกันมันถูกเอาลงกระเป๋าและกล่องผ้าไปหมดแล้ว มันเหลือแต่ความว่างเปล่า
ตลอดทางที่มาส่งเราทำใจไม่ได้เลยที่จะบอกลา จนมาถึงสิ่งแรกที่ทำคือเอามอไซค์ลงจากรถ ขี่รถหาหอพักแล้วก็จ่ายเงินมัดจำ พาเค้าไปซื้อของใช้จำเป็น ที่นอน พักลม ราวตกผ้า ของใช้อื่นๆ ปล้วก็กินข้าวแล้วเราก็กลับเลย 2ชมนั้นเราเงียบ เราไม่อยากพูดอะไร กลับไปเราก็ไม่มีเวลามาเสียใจ เพราะต้องต่อเวรเช้า (ลงบ่าย ออฟ เช้า)
1เดือนผ่านไป...เราลงไปหาเค้า เรารู้สึกว่าบางอย่างไม่เหมือนเดิม คือ เรารู้ว่ามือถือเค้ามีข้อความมากมายที่คุยกับใครที่เราไม่รู้จัก ทั้งเรื่องทักทายปกติ จนไปถึง...รูปที่ส่งหากันทำนองว่าโชว์ของลับ เรานี่ทรุดเลย เรารู้แค่ว่าตอนนั้นมันปวดใจที่สุด ไม่คิดนะว่า มือถือที่เราซื้อให้ เงินที่เราให้ไว้ใช้จ่ายกลับกลายเป็นสะพานให้เค้าคุยกับคนอื่นมากมาย ตอนนั้นเรารับไม่ได้ เราอยากเลิก เป็นครั้งแรกที่เราคิดว่าเราไม่ไหวแล้ว กับคนที่ไม่รู้จักพอคนนี้ อะไรคือสิ่งที่เค้าทำ หยุดที่เราไม่ได้ใช่ไหม แต่เค้ามารั้งเราไว้ว่าเค้าขอโทษ จะไม่ทำแบบนี้อีก
เค้าว่าความลับไม่มีในโลกมันคือเรื่องจริง ต่อจากเมื่อคืนที่รู้เรื่องนั้น เราเจอกับความลับของเค้าอีกอย่างที่เราไม่ควรรู้ เรารวบรวมความกล้าอยู่ครึ่งวันจึงถามเค้า จนเรารับรู้ วินาทีเราอึ้ง เราทำไรไม่ถูกอีกแล้ว เกิดคำถามมากมายในหัวว่าจะทำอย่างไรต่อ จนสุดท้ายเราก็ตั้งสติได้ แต่ก็ใช้เวลาอยู่ไม่น้อยเลยกับการยอมรับความลับนี้
ตลอดเวลาที่เราห่างกัน เรามักจะโทรหาเค้าติดบ้างไม่ติดบ้าง แต่สิ่งที่เราเป็นห่วงเค้าคือ เค้าทำงานหนักกว่าเราที่ว่าไม่มีเวลาเสียอีก ทำงานตั้งแต่เช้าถึงค่ำทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่เสาร์อาทิตย์ รอยยิ้มของเค้าเริ่มจางหายจากเราไปจนมันแทบไม่มีเหลือ ตอนเราลงไปหาเราต้องดูแลตัวเอง อยู่หอเองให้ได้ เพราะเค้าไม่ว่างมาดูแลเรา เราโอเคนะ อยู่ห้องร้อนๆนอนอบเป็นวันๆ เหมือนซาวน่า อาบน้ำหลายๆรอบเอาให้คลายร้อน กลายเป็นว่า ออฟยาวทาเพื่อนอนของจริง พอเรากลับไปกลับมาเราก็รู้ว่าเค้ายังไม่หยุดคุยกับคนอื่น มันคงเป็นตัวตนของเค้าที่ไม่สามารถแก้ได้ วิธีการคุยของเค้าแยบยลมากขึ้น เราก็เผลี้ยนวิธีจับตามเค้าให้ทัน ยิ่งรุ้เราก็ยิ่งโมโห จนมาถึงจุดหนึ่งที่เรามองย้อนไปที่แม่เรา แม่เราอดทนมามากจริงๆ เราเข้าใจความรู้สึกแม่มากกว่าใครเลย ณ จุดๆนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรักเค้าจริงๆ เราจะอยู่กับเค้าแบบนี้ไหม
จนวันที่เค้าถูกหัวกน้าบอกว่าให้ลาออกจาก รพสต ที่สมุทรปราการ เราไม่รู้จะพูดอะไรเลย เข้าใจว่าเค้าคงรู้สึกแย่เหมือนกันที่ตัวเองจะตกงาน เราทำได้แค่ให้กำลังใจเค้าจริงๆ จนถึงตอนนี้เค้าได้ทำงานที่ใหม่มาได้2-3เดือนแล้ว เงินเดือนน้อยลง แต่เค้ามีเวลาพักผ่อนมากขึ้น เราเริ่มเห็นรอยยิ้มเค้าอีกครั้ง เรารู้ว่าเค้าพยายามแค่ไหนที่จะสร้างตัวเองให้อยู่ได้ด้วยตัวเองและส่งเงินไปให้แม่เค้าใช้บ้าง
มาจนถึงวันนี้...ตอนนี้ที่เราง่วงอยากนอนแต่เค้าดูหนัง พอเค้าจะนอน เราฟังเพลงดูการ์ตูน เค้ากลับโพสว่า ถ้ารักกูจริงคงไม่ทำแบบนี้ เราเลยคิดว่า ตอนนี้นะ ถ้าเราทำอะไรก็ผิด เราไม่ใช่สำหรับเค้าอีกแล้ว เราควรยอมรับความจริงเหมือนกันที่ผ่านๆมา ว่า คงถีงเวลาแล้วหรือเปล่า ที่เราจะจบการเป็นแฟนกันไง้แค่นี้ เพราะเค้าที่มีเราคงไม่มีความสุขกับการที่เราอยู่ในชีวิตเค้าอีกแล้ว ตอนนี้เรานอนพิมพ์เรื่องราวในขณะที่เค้าหลับ เราเก็บของทุกอย่างที่เราเคยซื้อให้ลงในกระเป๋าเดินทาง2ใบที่เราเอามาไว้สำหรับขนขุดทำงานที่เราจะออกไปซื้อพรุ่งนี้แทน
ถามว่าเรารักเค้าไหม เรารักเค้าเหมือนเดิม แต่เราอยากให้เค้ารู้บ้างว่า การที่เค้าทำอะไรเค้าไม่ได้มำได้อยู่คนเดียวนะ เราอภัยให้เค้าได้ แต่ถ้าวันหนึ่งที่เราทนไม่ไหว เราก็อยากเค้ารับรู้บ้างเรารู้สึกอย่างไร
เราควรจะทำอย่างไรต่อดี ระกว่างอยู่กับเค้าต่อไปหรือปล่อยเค้าไปดี