สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ผมตัดสินใจอยู่ประมาณ 2 เดือน
สุดท้าย ผมเลือกทิ้งความสบาย
ออกทะเล ไปเผชิญกับคลื่นลมแรง พายุในมหาสมุทรใหญ่
อยู่ตรงนี้ สบายทุกอย่าง แต่มันไม่ตอบโจทย์ชีวิตของผม
ผมอยากทำอะไรที่ได้ทุ่มเทเต็มที่กับมันจริงๆ สนุกกับมันจริงๆ
ทำงานให้สนุก มีความสุขกับมัน แล้วได้เงินเป็นของแถม
คือการใช้ชีวิตของผม
ตอนนี้คือ นั่งหายใจทิ้งไปวันๆ เพื่อรอได้เงินวันสิ้นเดือน
สำหรับผม มันทิ้งชีวิตไปเปล่าๆ
แต่เรื่องแบบนี้ ชีวิตใคร ชีวิตมันครับ
คนเราชอบไม่เหมือนกัน
ผมขอสนุกให้เต็มที่ ทำจนลืมวันลืมเวลา เพราะมันเพลิน
ชอบแบบนั้น ผม Happy แหละ
สุดท้าย ผมเลือกทิ้งความสบาย
ออกทะเล ไปเผชิญกับคลื่นลมแรง พายุในมหาสมุทรใหญ่
อยู่ตรงนี้ สบายทุกอย่าง แต่มันไม่ตอบโจทย์ชีวิตของผม
ผมอยากทำอะไรที่ได้ทุ่มเทเต็มที่กับมันจริงๆ สนุกกับมันจริงๆ
ทำงานให้สนุก มีความสุขกับมัน แล้วได้เงินเป็นของแถม
คือการใช้ชีวิตของผม
ตอนนี้คือ นั่งหายใจทิ้งไปวันๆ เพื่อรอได้เงินวันสิ้นเดือน
สำหรับผม มันทิ้งชีวิตไปเปล่าๆ
แต่เรื่องแบบนี้ ชีวิตใคร ชีวิตมันครับ
คนเราชอบไม่เหมือนกัน
ผมขอสนุกให้เต็มที่ ทำจนลืมวันลืมเวลา เพราะมันเพลิน
ชอบแบบนั้น ผม Happy แหละ
ความคิดเห็นที่ 26
จริงๆ มันไม่มีถูกมีผิดหรอกครับว่าจะเลือกทางไหน
แต่ไม่อยากให้คุณเจ้าของกระทู้มองแค่ ระยะสั้นๆ 2 - 3 ปี ครับ แต่มองไกลๆ อีกสัก 20-30 ปีข้างหน้า
สิ่งที่ควรมองคือ
1. ค่าครองชีพ หรือ ค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะเรื่องปัจจัย 4 ในอนาคตอีก 20 - 30 ปี ข้างหน้า จะเป็นอย่างไร
2. รายได้ที่คาดหวังจากการเป็นพนักงานกินเงินเดือน หรือ ธุรกิจส่วนตัว มีเพียงพอที่จะรองรับค่าใช้จ่ายตามข้อ 1 ได้ไหม
รวมถึงมีเหลือเก็บ และสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตตัวเอง และครอบครัวหรือไม่
ผมขอเล่าประสบการณ์ ของผมแล้วกัน
ตัวผม ประเมินตัวเองแล้ว เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนธรรมดาๆ ครับ ไม่มีความสามารถอื่น ทำธุรกิจส่วนตัวก็ไม่เป็น
ครอบครัวก็ไม่ได้ร่ำรวย ไม่มีเงินกงสี หรือ เงินมรดก ให้ใช้จ่ายแต่อย่างใด
ดังนั้น ผมจำเป็นต้องขวนขวายตักตวงรายได้จากการเป็นพนักงานกินเงินเดือนให้มากที่สุด เท่าที่ความรู้ความสามารถ
ของผมจะทำได้ และ ถ้าไม่รู้ หรือ ยังด้อยฝีมือ ก็พยายามขวนขวายหาความรู้ใส่ตัว พัฒนาความสามารถตัวเองไปเรื่อยๆ
ตอนที่ผมอายุใกล้เคียงกับคุณเจ้าของกระทู้ ผมเลือกการทำงานที่ลำบาก ท้าทาย แต่เงินดี และก็สร้างโปรไฟล์ให้ตัวเองไว้ต่อยอดในอนาคตได้
ทุกวันนี้ ผมอายุหลักสี่แล้ว สิ่งที่ผมเลือกมันเห็นผลได้ชัดเจนครับ โดยเฉพาะเรื่องรายได้เมื่อเทียบกับคนที่ทำงานรุ่นเดียวกัน
ขณะที่คนรุ่นเดียวกับผม จำนวนไม่น้อยที่ตอนแรก เลือกงานสบาย ไม่เครียด มีเวลาอยู่กับครอบครัว
ทำให้เงินเดือนปัจจุบันไม่กี่หมื่นบาท มีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถ จนการเงินตึงตัว พอมีเรื่องฉุกละหุก เมียป่วย ลูกเปิดเทอม
รถเสีย ก็วิ่งกู้หนี้ยืมสิน กดบัตรเงินสด บัตรเครดิตกันจ้าละหวั่น
ชีวิตที่กอดลูก กอดเมีย พร้อมกับกอดหนี้สินไปด้วย จะใช้จ่ายอะไรก็กระเหม็ดกระแหม่ เขียมไปทุกเรื่อง
ผมไม่คิดว่าจะมีความสุขนักหรอกครับ แล้วพอเกษียณหรือตายไปแล้ว เหลืออะไรให้ลูกไว้ต่อยอดบ้างไหมครับ
สำหรับงานของผม ก็ยอมรับครับว่า เป็นงานที่ค่อนข้างหนัก เครียด บางครั้งเลิกงาน 3 ทุ่ม 4 ทุ่ม บางทีวันเสาร์ก็ต้องเข้าไปเคลียร์งาน
ความรับผิดชอบก็สูง แต่เมื่อเทียบกับรายได้ในปัจจุบัน และ career path แล้ว ก็ยังเป็นที่น่าพอใจอยู่
เพราะรายได้ที่ผมได้รับทุกวันนี้ สามารถอำนวยความสุข ความสะดวกสบาย ให้แก่คนในครอบครัวของผมได้ตามฐานานุรูป
ถึงจะต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ก็ยังพอมีเงินเหลือไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา จับจ่ายใช้สอยซื้อความสุข ซื้อประกันสุขภาพเพื่อเข้ารักษา รพ.เอกชน
ไม่ต้องไปเข้าคิวเป็นชั่วโมงๆ ใน รพ.รัฐ มีเงินเก็บพอสมควร ที่จะไม่เดือดร้อนหากเกิดภาวะเศรษฐกิจแบบปี 40 อีก
อย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตของผม ก็เป็นแค่วิถีชีวิตของพนักงานกินเงินเดือน ที่ไม่มีความสามารถไปประกอบอาชีพส่วนตัว และมาจากครอบครัว
ธรรมดาๆ ที่ไม่ร่ำรวย ผมจึงเลือกทางนี้ครับ
แต่ไม่อยากให้คุณเจ้าของกระทู้มองแค่ ระยะสั้นๆ 2 - 3 ปี ครับ แต่มองไกลๆ อีกสัก 20-30 ปีข้างหน้า
สิ่งที่ควรมองคือ
1. ค่าครองชีพ หรือ ค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะเรื่องปัจจัย 4 ในอนาคตอีก 20 - 30 ปี ข้างหน้า จะเป็นอย่างไร
2. รายได้ที่คาดหวังจากการเป็นพนักงานกินเงินเดือน หรือ ธุรกิจส่วนตัว มีเพียงพอที่จะรองรับค่าใช้จ่ายตามข้อ 1 ได้ไหม
รวมถึงมีเหลือเก็บ และสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตตัวเอง และครอบครัวหรือไม่
ผมขอเล่าประสบการณ์ ของผมแล้วกัน
ตัวผม ประเมินตัวเองแล้ว เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนธรรมดาๆ ครับ ไม่มีความสามารถอื่น ทำธุรกิจส่วนตัวก็ไม่เป็น
ครอบครัวก็ไม่ได้ร่ำรวย ไม่มีเงินกงสี หรือ เงินมรดก ให้ใช้จ่ายแต่อย่างใด
ดังนั้น ผมจำเป็นต้องขวนขวายตักตวงรายได้จากการเป็นพนักงานกินเงินเดือนให้มากที่สุด เท่าที่ความรู้ความสามารถ
ของผมจะทำได้ และ ถ้าไม่รู้ หรือ ยังด้อยฝีมือ ก็พยายามขวนขวายหาความรู้ใส่ตัว พัฒนาความสามารถตัวเองไปเรื่อยๆ
ตอนที่ผมอายุใกล้เคียงกับคุณเจ้าของกระทู้ ผมเลือกการทำงานที่ลำบาก ท้าทาย แต่เงินดี และก็สร้างโปรไฟล์ให้ตัวเองไว้ต่อยอดในอนาคตได้
ทุกวันนี้ ผมอายุหลักสี่แล้ว สิ่งที่ผมเลือกมันเห็นผลได้ชัดเจนครับ โดยเฉพาะเรื่องรายได้เมื่อเทียบกับคนที่ทำงานรุ่นเดียวกัน
ขณะที่คนรุ่นเดียวกับผม จำนวนไม่น้อยที่ตอนแรก เลือกงานสบาย ไม่เครียด มีเวลาอยู่กับครอบครัว
ทำให้เงินเดือนปัจจุบันไม่กี่หมื่นบาท มีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถ จนการเงินตึงตัว พอมีเรื่องฉุกละหุก เมียป่วย ลูกเปิดเทอม
รถเสีย ก็วิ่งกู้หนี้ยืมสิน กดบัตรเงินสด บัตรเครดิตกันจ้าละหวั่น
ชีวิตที่กอดลูก กอดเมีย พร้อมกับกอดหนี้สินไปด้วย จะใช้จ่ายอะไรก็กระเหม็ดกระแหม่ เขียมไปทุกเรื่อง
ผมไม่คิดว่าจะมีความสุขนักหรอกครับ แล้วพอเกษียณหรือตายไปแล้ว เหลืออะไรให้ลูกไว้ต่อยอดบ้างไหมครับ
สำหรับงานของผม ก็ยอมรับครับว่า เป็นงานที่ค่อนข้างหนัก เครียด บางครั้งเลิกงาน 3 ทุ่ม 4 ทุ่ม บางทีวันเสาร์ก็ต้องเข้าไปเคลียร์งาน
ความรับผิดชอบก็สูง แต่เมื่อเทียบกับรายได้ในปัจจุบัน และ career path แล้ว ก็ยังเป็นที่น่าพอใจอยู่
เพราะรายได้ที่ผมได้รับทุกวันนี้ สามารถอำนวยความสุข ความสะดวกสบาย ให้แก่คนในครอบครัวของผมได้ตามฐานานุรูป
ถึงจะต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ก็ยังพอมีเงินเหลือไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา จับจ่ายใช้สอยซื้อความสุข ซื้อประกันสุขภาพเพื่อเข้ารักษา รพ.เอกชน
ไม่ต้องไปเข้าคิวเป็นชั่วโมงๆ ใน รพ.รัฐ มีเงินเก็บพอสมควร ที่จะไม่เดือดร้อนหากเกิดภาวะเศรษฐกิจแบบปี 40 อีก
อย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตของผม ก็เป็นแค่วิถีชีวิตของพนักงานกินเงินเดือน ที่ไม่มีความสามารถไปประกอบอาชีพส่วนตัว และมาจากครอบครัว
ธรรมดาๆ ที่ไม่ร่ำรวย ผมจึงเลือกทางนี้ครับ
แสดงความคิดเห็น
ใครเคยมีโอกาสเลือกงานที่รายได้ดี เป็นที่นับหน้าถือตา แต่สุดท้ายไปเลือกงานที่สบายกว่า แม้เงินน้อยกว่ามั้ยครับ?
ถ้าคุณมีโอกาสเข้าทำงานที่รายได้ดี ในสายงานเดียวกันยกย่องว่า ดีมากในแง่ชื่อเสียงด้วย (คือโปรไฟล์ถึงพอให้เค้ารับนะครับ ไม่ใช่ฝันไปเอง)
.. แต่งานนี้หนักเอาเรื่อง งานเยอะ อาจต้องเบียดเบียนเวลาส่วนตัว กลับบ้านดึกสี่ห้าทุ่ม เสาร์อาทิตย์ก็อาจต้องเข้า
ทำให้ปฏิสัมพันธ์กับครอบแย่ลง
อาจต้องเก็บงานมาทำที่บ้าน อารมณ์หงุดหงิดและเผลอพูดห้วนๆ กับพ่อแม่ไป เครียดประมาณนั้นเลย
อ้อ .. งานเยอะก็อาจมีโอกาสพลาดสูงขึ้นด้วย
คุณจะเลือกงานนี้ไหมครับ?
หรือสุดท้ายแล้วคุณจะเลือกงานที่เงินแย่กว่า ชื่อเสียงยอมรับได้ระดับนึงแต่อาจด้อยจากที่แรกสักขั้นสองขั้น
แต่งานน้อยกว่าประมาณนึง (แต่ไม่ได้ชิลมาก) ไม่จำเป็นต้องอยู่ออฟฟิศดึก ไม่ต้องเอางานมาที่บ้าน จบในที่ทำงานได้เลย เสาร์อาทิตย์ไม่ต้องเข้า (หรือนานๆ เข้าที) อยู่บ้านกับพ่อแม่ เล่นกับหมาค้ากับแมวไปตามเรื่องตามราว
ผมน่ะ โคตรอยากทำอย่างหลังเลย แต่คนส่วนใหญ่ รวมถึงคนสนิท ก็อยากให้ผมเลือกแบบแรก
อยากให้ก้าวไปข้างหน้า ประมาณนั้น
ซึ่งผมเหนื่อย ผมฟาดฟันมาพอแล้ว ตั้งแต่เด็กตัวกะเปี๊ยกจนเข้ามหาลัย อยู่ในระบบการแข่งขันมาตลอด
มันน่าจะพอได้แล้ว อยากพัก ผมคิดว่างี้นะ แต่ไม่มีใครเห็นด้วยกับผมเลย
คือความสามารถผมมากพอถึงได้ผ่านการคัดเลือกเข้าไปทำตรฃนั้นได้ แต่ไม่มากพอที่จะทำงานนั้นได้ .. ประมาณนี้ครับ
ไลฟ์สไตล์ผมก็ใช้เงินประมาณนึง มีฟุ่มเฟือยบ้าง จากที่บ้านก็พอมีมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้จัดว่ารวยแน่ๆ
แต่ผมว่าเรื่องใช้จ่ายมันก็น่าปรับกันได้ ถ้าเราทำงานเงินไม่มาก เราก็จะจ่ายน้อยไปเอง
กลับกัน ถ้าทำงานได้เงินมากกว่า ก็ไม่รับประกันว่าจะมีเงินเก็บมากกว่า เพราะนิสัยผมนี่ซื้อแหลกครับ อยากได้อะไรต้องได้ มีเท่าไหร่ใช้เท่านั้น
ตอนนี้ก็ลังเลนิดนึงครับ ว่าจะบาลานซ์รายรับรายจ่าย กับงานยังไง
งานสบายก็อยากได้ เงินก็อยากได้ .. แต่มันคงไม่ได้ทั้งคู่
ถ้าให้เลือกผมก็ยังอยากเลือกสบายกว่าอยู่ดีครับ