ประเทศไทยช่วง 2530-2540 ตอนนั้นถือว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้ไหม ?

เขาบอกว่า 2530-2540 ประเทศไทยเศรษฐกิจเฟื่องฟู คนรวยเยอะ เกิดเศรษฐีใหม่ๆ

แล้วถ้าวิกฤตต้มยำกุ้งไม่เกิดขึ้น ประเทศไทย คือเสือตัว 5 ของเอเชียใช่ไหม
4 เสือเศรษฐกิจของเอเชีย
1.เกาหลีใต้
2.สิงคโปร์
3.ฮ่องกง
4.ไต้หวัน

สรุปแล้ว ประเทศไทยเจริญกว่า ฟิลิปินส์ / อินโดนีเซีย / มาเลเซีย / เวียดนาม ไหม?
บางคนก็บอกว่า เจริญพอๆกัน แล้วถ้าพอๆกัน ทำไม ปินส์/อินโด/มาเล/เวียดนาม ถึงไม่ได้รวมอยู่ในกลุ่มเสือล่ะ?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
"ประเทศไทยช่วง 2530-2540 ตอนนั้นถือว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้ไหม ?"

ตั้งคำถามได้แปลกประหลาดมากครับ สมัยนั้นขนาดเศรษฐกิจ รายได้ต่อหัว คุณภาพประชากร สภาพแวดล้อมต่างๆยังด้อยกว่าปัจจุบันนี้อีก

ขนาดปัจจุบันนี้ยังไม่ได้เสี้ยวประเทศที่พัฒนาแล้วเลยครับ คนที่ได้ไปต่างประเทศบ่อยๆจะยิ่งเห็นภาพได้ดี 555+

แล้ว 4 เสือเศรษฐกิจของเอเชีย ในตอนนั้นก็อย่าริอาจไปเทียบกับเค้า ประเทศพวกนั้นไปไกลกว่าเยอะแล้ว


ช่วงวิกฤติกราฟหักลงกันหมด แต่หลังจากวิกฤติยิ่งทิ้งห่างไทยไปไกลลิบ

ความคิดเห็นที่ 13
เดี๋ยวๆเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า
สาเหตุที่ไทยเคยเป็นประเทศที่(เสมือน)จะรํ่ารวย
เพราะปี 2535 รัฐบาลไทยมองเห็นว่า ฮ่องกง เป็นตัวแบบของความมั่งคั่ง ที่เป็นตลาดเงินทุนเสรี เป็นที่พักเงิน
ใครใคร่มาทำธุรกรรมทางการเงินก็ไม่มีการตรวจสอบ ทำให้นักลงทุน มาเฟีย เศรษฐีบางประเทศ (ที่มีระบบเข้มงวดในการตรวจสอบการโยกย้ายเงินตรา)
อีกทั้ง ในปี 2542 ฮ่องกงจะตกเป็นของจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะฮ่องกง หมดสัญญาเช่าจากอังกฤษ

รัฐบาลไทยมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ
ที่จะวางตัว ให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินโลก แทนที่ฮ่องกงในอีก 7 ปีข้างหน้า
เงินจากทั้งโลกจะมาแวะพักที่ไทย

เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
รัฐบาลชวน1  จึงได้เปิดเสรีการเงิน BIBF
อนุญาตให้เอกชนไทย สามารถตั้งสถาบันการเงิน หรือเป็นธนาคารที่จัดตั้งขึ้นเพื่อทำธุรกรรม
ในการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศแล้วนำมาทำธุรกรรมในการให้กู้ทั้งภายในและหรือภายนอกประเทศไทยได้



แต่รัฐบาลชวน 1 มีแนวคิดที่ดี
แต่ลืมวางเกราะคุ้มกัน และมาตรการรองรับ

เพราะหลังจากนั้น หายนะจึงเริ่มบังเกิด
เพราะขณะนั้นรัฐบาลไทยตั้งดอกเบี้ยเงินกู้แพงมาก
แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ของต่างประเทศตํ่า คนไทยหัวใสจึงแห่ไปกู้เงินต่างชาติสกุลดอลล่าร์มาใช้ ปล่อยกู้ในเมืองไทยต่อกินดอกเบี้ยส่วนต่าง
ภาคนายทุน นักธุรกิจไทย กู้เงินต่างชาติมาลงทุนระยะยาว สินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์กันมาก
เช่นการกว้างซื้อที่ดิน สร้างตึก คอนโด ตึกอาคารพาณิชย์สำนักงาน (ทั้งๆที่ไม่มีความต้องการขนาดนั้น)
แทนที่จะเอาเงินลงทุนไปลงทุนสิ่งที่ก่อให้เกิดรายได้

เม็ดเงินต่างชาติสะพัดเข้ามาเกินกว่าที่จะจัดการได้ ทำให้คนไทยเหลิงมาก
บริษัทธุรกิจก่อสร้างเฟืองฟู รัฐบาลมีรายได้ภาษีมากจากการใช้จ่ายของภาคเอกชน(ที่กู้เงินนอกมา)
เมื่อรัฐบาลมองเห็นว่ามีรายได้เยอะ ก็ยิ่งภาพมายา


สุดท้ายเมื่อถึงเวลาใช้หนี้ ที่ต้องจ่ายหนี้เป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐ
(เพราะหนี้ที่กู้มาเป็นหนี้ระยะสั้น)  ภาคเอกชนไทยก็ไม่มีปัญญาจ่ายคืนสิครับ เพราะดันเอาเงินไปหมุนในระบบเป็นหนี้ระยะยาว
สินทรัพย์จากเงินดอลล่าร์ กลายเป็นแบบอื่นไปแล้ว  

ซึ่งประจวบเหมาะกับที่มีพ่อมดทางการเงินชาวต่างชาติ มองเห็นถึงปัญหาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทยว่า
สิ่งที่มันบูม มันยังไม่ใช่ความเป็นจริง โครงสร้างพื้นฐานในประเทศยังไม่ครอบคลุม ปัจจัยผลิตภาพด้านอุตสาหกรรมยังตํ่า
ที่มันบูมก็จะเห็นแต่สถาบันการเงิน  
เมื่อต่างชาติเค้ามองเห็นถึงจุดอ่อน จึงได้มีการโจมตีเครดิต ถึงอันดับความน่าเชื่อถือเศรษฐกิจไทย และค่าเงินสกุลบาทไทยที่ใช้ระบบตะกร้าเงิน
รัฐบาลพยายามรักษาเสถียรภาพด้วยการนำเงินคงคลังไปเติมเข้าไปใน แต่ในที่สุดก็สู้ไม่ได้ ต้องประกาศลอยตัวค่าเงินบาท
จนทำให้เงินบาทที่มีมูลค่าจาก 26 บาท ทะยานทะลุไปหลัก 40 กลายเป็น 57 บาท ต่อดอลล่าร์
เมื่อค่าเงินลด คนที่กู้เงินไป ก็ไม่มีปัญญาจ่ายสิ

กู้ไป บวกดอกเบี้ย แถมเป็นเงินดอลล่าร์  (1ดอลล่าร์/25 บาท)
เวลาเอามากระจายใช้เป็นระบบ  (1ดอลล่าร์/45-57 บาท)

หลายบริษัทล้ม
บริษัท ธุรกิจคนไทยตกเป็นของต่างชาติ เพราะต้องขายสินทรัพย์ใช้หนี้
หนี้เสียเกิดขึ้นมากมาย และกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นหนี้ชั้นดีที่ก่อให้เกิดรายได้ ยังถูกเหมาเข่งจับไปแปรรูป ปรส เพื่อจัดการใช้หนี้
เศรษฐกิจพังเป็นแถบๆลูกโซ่


ไม่ได้พังแค่ประเทศไทยนะ แต่ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ มาเลเซีย ก็ตายไปด้วย
เพราะก่อนหน้านี้ เห็นว่าประเทศไทยน่าจะเศรษฐกิจดี ใช้จ่ายเงินเติบ เศรษฐกิจทยาน จึงเอาสินทรัพย์ และเงินมารวมลงขันเก็งกำไรในบ้านเราด้วย
ส่วนหนึ่งก็เป็นคนให้กู้เงิน  แต่เอ่อ ลูกหนี้ใหญ่ไทย ชักดาบ ล้มบนฟูก สถาบันวาณิชกิจล้ม เจ้าของ ผู้บริหารฆ่าตัวตาย
เอ่อ จะไปเอาเงินคืนจากไทย ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย

ทักษิณบอก ใช้หนี้ IMF ไปแล้ว  จะบอกว่า
IMF นั่นมันแค่เศษเสี้ยว ของเงินที่กู้มาแก้ไขวิกฤติเฉพาะหน้าจากกองทุนระหว่างประเทศ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่