[CR] รีวิวเที่ยวฮอกไกโดโดยไม่ใช้ JR-Pass/Hokkaido Pass ไปไหนไปกานนน!!

นี่เป็นการเดินทางไปญี่ปุ่นด้วยตัวเองครั้งที่ 6 ของเราแล้ว และเป็นการไปเยือนฮอกไกโดครั้งแรก โดยเดินทางช่วง summer (ุ6 - 12 กค.2017) โดยทริปนี้มีผู้ร่วมทริปทั้งสิ้น 6 คน  โดยเราได้จองตํ๋ว Scoot ไปกลับ BKK-Narita และบิน Domestic ของ Jetstar จาก Narita-CTS (Sapporo) รวมไปกลับ 2 สายการบินรวมกระเป๋าสัมภาระ 14,700 บาท

เกรินนำ
*เนื่องจากทริปนี้เราและเพื่อนๆเดินทางจากนาริตะไป hokkaidoโดยไม่ได้ใช้ JR pass จึงเลือกแผนการเดินทางแบบบินในประเทศไป Sapporo แทน เทียบกับการเดินทางด้วยรถไฟ 7 ชม.จากนาริตะ วิธีนี้ก็ประหยัดเวลาดี แต่เราก็จะตัดสถานที่เที่ยวไฮไลท์ไป 2 ที่คือ Hakodate และ Noboritsu เพื่อให้แผนเดินทางเรา Flexi และ Save Cost ที่สุด  โดย highlight สำคัญของทริปครั้งนี้คือการไปเที่ยวทุ่ง Lavender ที่ฟาร์มโทมิตะ และสิ่งที่เป็น must do ทุกครั้งในการไปญี่ปุ่นของเราคือการพัก Hotel ที่มีบ่อออนเซน/มียูกาตะ/บุฟเฟ่อาหารเย็น ซึ่งเวลาเพื่อนๆเห็นรูปการเดินทางของเราแต่ละครั้งจะถามว่า "นี่แกไปทัวร์ป่ะเนี่ย" "ป่าว นี่เราไปเที่ยวเองจริงๆนะ " มาเริ่มเดินทางกันเลย

ว๊าบบ>>>ไปที่สนามบินนาริตะกันเลย เราเดินทางเที่ยงคืนจากสนามบินดอนเมืองถึงนาริตะ 9 โมงเช้า นอนบนเครื่องหลับๆตื่นๆ มาถึงสนามบินนาริตะก็พร้อมเที่ยวทันที เริ่มแรกก็หาที่ฝากกระเป๋าสัมภาระที่ Baggage storage (ชั้นเดียวกับที่ออกจาก Gate ใกล้ๆทางออกไป Terminal3) จากนั้นก็ลงไปซื้อบัตร SUICA ที่ JR office ชั้น ฺB1F และเติมเงินประมาณ 4000 เยน โดยจะมีค่ามัดจำบัตรอีก 500 เยน สามารถใช้บัตรรูดเข้าออกสถานีรถใต้ดิน สถานีรถไฟ ได้ตั้งแต่นาริตะยันฮอกไกโด
เนื่องจากไฟล์ทต่อไปเราจะบินไป สนามบิน(CTS) Sapporo จะขึ้นเครื่อง Jetstar ตอน 4 โมงครึ่ง (ระหว่างนี้เราไปเดินเล่นที่วัดนาริตะซังพลางๆก่อนประมาณ 2 ชม.แล้วค่อยกลับมาสนามบิน....เวลาเหลือเฟือ)  การไปวัดนาริตะซัง เดินทางโดยรถไฟจากสนามบินนาริตะ Terminal 2 ไปยังสถานี "นาริตะ" เพียง 1 สถานี แล้วเดินไปวัดประมาณ 10 นาทีค่ะ (Naritasan Shinshoji Temple เป็นวัดพุทธเก่าแก่ ขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียงมากของเมืองนาริตะ) ทางเดินไปวัดเป็นถนน shopping omotesando และมีร้านข้าวหน้าปลาไหลน่าอร่อยมากมาย
พอใกล้เวลาเช็คอินขึ้นเครื่องสายการบิน Jetstar เราก็นั่งรถไฟกลับไปที่สนามบิน Terminal 2 เพื่อไปรับกระเป๋าที่ฝากและเดินไปที่ Terminal 3 ซึ่งเป็นอาคาร Domestic สายการบินในประเทศ สามารถเดินทางไปได้ 2 วิธีคือ วิธีการเดิน (ประมาณ 10 นาที) หรือนั่งรถบัสฟรี(ประมาณ 5นาที) เท่านั้น แน่นอนเราเลือกนั่งบัส บัสเหลืองมาจอดที่ป้ายจุดจอดที่ 1 รถมาทุกๆ 15นาที มีที่ให้วางสัมภาระ สะดวกสบาย
เช็คอินที่เคาเตอร์ของ Jetstar และรอขึ้นเครื่อง Terminal3 นี้ของฝาก ของกิน เยอะๆจริงๆ มีมินิมาร์ทด้วย ราคาเหมือนซื้อนอกสนามบิน ไม่แพง นั่งกินขนมก่อนไปขึ้นเครื่อง

เหมือนนั่งจากกรุงเทพ-เชียงใหม่ ใช้เวลา 2 ชม. ถึงเวลา 6 โมงครึ่ง  เรารีบลงไปขึ้นรถไฟ To sapporo เข้าที่พักหาของกินดีกว่า นั่งจากสนามบินมาถึง JR sapporo 37 นาที สะดวกสบายเพราะใช้บัตรเติมเงิน Suica ที่ซื้อจากสนามบินนาริตะ

ถึงสถานี JR Sapporo ซึ่งเป็นสถานีที่ใหญ่มากออกจากชานชาลามีทางลง West Exit /East Exit แต่โรงแรมที่พักเราต้องออกทาง North Exit ตอนแรกหาไม่เจอต้องถามพนักงาน

ที่พักของเราทริปนี้คือ โรงแรม Toyoko inn-Sapporo Kita Kuchi โดยเดินเลี้ยวขวาออกจาก North Exit เดินข้ามถนนแยกเดียว ที่พักอยู่ขวามือ
(Toyoko Inn hotel เป็น Business hotel มีสาขาทั่วญี่ปุ่น เป็นที่ชื่นชอบคนไทย เพราะห้องขนาดกว้าง มีห้องน้ำแยกและอาหารเช้าฟรี ส่วนใหญ่ติดสถานีรถไฟ ราคาห้องคู่ประมาณ 2,700-3,000 บาทต่อคืน เราเป็นลูกค้ามาประมาณ 4 ครั้ง นอนค้างมาแล้ว 10 คืน ^^ (แฟนประจำมาก) และสมัครสมาชิกตั้งแต่วันแรกที่เข้าพัก คืนที่ 3 ที่ฮอกไกโด เราได้ห้อง Single room ฟรีเพราะพักครบ 10 คืน แต่พอดีเราจองห้อง Double เลยได้ขอเป็นส่วนลดแทน คืนนั้นเลยได้นอนเตียง Double ห้องละ 2,000 เยน ประมาณ 600 บาทนอน 2 คน คุ้มมั่กๆๆๆๆๆ)
เวบไซด์จองโรงแรม : http://www.toyoko-inn.com/eng/index.html
เข้าที่พักแล้ววันนี้ยังไม่จบสำหรับทริปเรา ต้องไปหาข้าวเย็นทานกันก่อน ที่ห้าง Stella อยู่ในสถานี JR sapporo นี่แหละ ขึ้นไปที่ชั้น 6 จะมีร้านอาหารชื่อดังมากมาย ร้านที่ท๊อปฮิตลูกค้าต่อคิวยาว คือ Nemuro Hanamaru ซูชิสายพาน แต่เรามากัน 6 คนเลยไม่อยากจะรอนาน ไปเข้าคิวต่ออีกร้านที่อยู่อีกฝากนึงดีกว่า
นั่นคือ ข้าวหน้าหมูย่าง ฮอกไกโด "Tokachi Butadon Ippin" ร้านนี้ก็คนรอต่อคิวเหมือนกันแต่ไม่เยอะ ร้านเล็กนี่นา แต่ดีตรงคนกินกันเร็วไง ข้าวหมูย่างคนละชาม ย่างกันควันโขมงหน้าร้านน่ากินสุดๆ เมนูก็สั่งง่ายมาก เหมือนส่วนใหญ่ก็สั่งกันเมนูเดียว^ ^ ข้าวหน้าหมูย่าง ราคาไม่ถึง 1000 เยน
ข้าวหน้าหมูย่างเนื้อนุ่มคล้ายๆหมูปิ้งบ้านเรา แต่เนื้อหนากว่าน้ำซอสเข้ากันได้ดีกับข้าวญี่ปุ่น คนละเซตอิ่มพอดีๆ วันนี้คณะเราเดินทางต่อเครื่องบิน 2 รอบ รู้สึกเมื่อยล้า ยังไม่ได้เที่ยวเต็มอิ่มเท่าไหร่เลย ก็กลับที่พักผ่อนที่ห้องดีกว่า ขากลับอย่าลืมแวะ Seven หรือ Lawson ทางผ่านจากสถานีไปโรงแรม เข้านอนเตรียมพร้อมสำหรับแพลนแน่นเอี๊ยดวันพรุ่งนี้

ตื่นเช้ามาวันที่ 2 แพลนวันนี้เราจะไปเที่ยวทั่ว Sapporo + Otaru กัน โดยเริ่มแรก หาข้าวเช้าทานที่ตลาดปลา Nijo กัน โดยมาเริ่มต้นที่ JR sapporo อีกนั่นแหละ แล้วเราก็หาทางเดินลงสถานีรถใต้ดิน sapporo(Subway)

นั่ง Subway Namboku line จาก Sapporo ไปยังสถานี Odori ใช้เวลาเพียง 2 นาที (ดูใกล้แบบเดินไปก็ได้ แต่ไม่แนะนำเพราะลงสถานีก็ต้องเดินหาทางออกอีก กว่าจะถึงทางออกก็เดินไกลพอสมควร)

เมื่อถึงสถานี Odori ไปเดินหาทางออก 35 เดินไกลหน่อยแต่ออกแล้วใกล้ตลาดปลามาก พอเดินขึ้นมาออกมาจากสถานี ตรงหน้าให้มองขวาจะเจอถนนนที่มีคลอง เดินข้ามสะพานและเดินมาตามคลอง

เดินข้ามสะพานข้ามคลองเลี้ยวขวาจะเห็นตลาดที่มีหลังคาฟ้าๆ คือ ตลาดปลานิโจนั่นเอง  หันหลังกลับจากตลาดปลาก็จะเห็น Sapporo TV tower ด้วย

ตลาดนิโจ(Nijo Market) เป็นตลาดเก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซัปโปโร เป็นตลาดสดขายอาหารทะเลและสินค้าแปรรูปต่างๆ บรรดาร้านค้าช่างดูน่าเพลิดเพลินยิ่งนัก เราก็ทำการสำรวจและเลือกร้านกันสักครู่หนึ่ง
พอเดินมาสุดทางอยู่ดีๆ ก็มีคุณลุงอุ้มเจ้ากล้ามปูยักษ์มาให้พี่สาวเราถือถ่ายรูป เราทุกคนก็เลยสนุกกันมากขอยืนถือปูถ่ายกันทุกคนเลย โดยมีคุณลุงเป็นตากล้องให้ ร้านลุงก็ขายอาหารแต่ไม่มีลูกค้าเลย ลุงแกไม่มีทีท่าชักชวนจะให้เข้าร้านเลย เราก็เลยไหนๆก็ไหนๆกินร้านลุงนี้แหละ (เสร็จตาลุง!!!)  สั่งกันคนละอย่าง 2 อย่างมากินด้วยกัน สำหรับคนเน้นประหยัดอาหารเค้ามี Size Half ด้วยนะ สำหรับข้าวหน้าปลาดิบของเราในรูปที่มีอูนิ(Size half)ราคาที่ 1,900 เยนเท่านั้น

จากตลาดปลาเดินไปทาง Sapporo TV Tower ที่ตั้งตระหง่านจะผ่านสวน Odori park ซึ่งเป็นสวนที่จัดเทศกาลน้ำแข็งในช่วงเดือนกุมภาพันธฺนั่นเอง มาลองดูบรรยากาศหน้าร้อนกันบ้าง แปลงดอกไม้ปลูกเป็นหย่อมๆ สวยยยย!!
นั่งพักให้หายเมื่อยที่สวน Odori สักแป๊บ ตอนนี้เป็นเวลา 10 โมงแล้ว จุดมุ่งหมายต่อไปของเราคือ Ishiya chocolate factory โรงงานชอคโกแลตแห่งฮอกไกโดนั่นเอง โดยเดินกลับสถานี Odori เดิม นั่ง Subway  สาย Tozai lineไปยัง สถานี Miyanosawa ประมาณ 15 นาที
เดินออกจากสถานีที่ทางออก 5 แล้วเลี้ยวซ้ายเดินเลียบกำแพงถึงถนน มองไปทางซ้ายจะเห็นโรงงานชอคโกแลตแต่ไกล เดินประมาณ 10 นาทีได้
บรรยากาศโรงงานชอคโกแลตเป็นตึกทรงยุโรปสวยงาม สวนดอกไม้งดงาม มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆเพียบ สาวๆต้องมา55
มาช่วงหน้าร้อนแดดแรงไปนิดแต่บรรยากาศอาคารสวนดอกไม้สวยงามมาก ถ้ามาหน้าหิมะคงจะเหมือนอยู่ยุโรป มีบริการนั่งรถไฟเข้าอุโมงค์ดูหุ่นตุ๊กตาเหมาะกะเด็กๆมาก แต่คนไทยอย่างเรามาก็ขอขึ้นสะหน่อยคนละ 300 เยนเท่านั้น
ชื่อสินค้า:   ประเทศญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่