สุโขทัย หรือ “รุ่งอรุณแห่งความสุข” เมืองที่คนไทยอย่างเราๆ คงได้ยินชื่อกันมาตั้งแต่สมัยประถม แต่ว่าหลายๆคนก็คงยังไม่เคยได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนความสวยงามของอดีตราชธานีแห่งแรกของประเทศเรานี้ให้เห็นกับตา อย่าว่าแต่พี่ๆน้องๆเลย ชวนลูกท่องโลกเราก็เพิ่งเคยได้ไปเยือนสุโขทัยเมื่อช่วงวันหยุดเข้าพรรษาที่ผ่านมานี่เอง ขับรถตะเลงๆกันไปจากกรุงเทพฯ ชมวิวท้องทุ่งและนาสีเขียวๆไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ต้องขอบอกเลยว่าถึงแม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆและอยู่ไกลจากกรุงเทพฯ ดูเผินๆก็ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ แต่พอได้มาเยือน เราว่าความสนุก คุณค่า และคุณภาพของสถานที่ท่องเที่ยวที่นี่ เราขอยกให้ติดเป็นอันดับโลกได้เลยทีเดียว ก็ไม่รู้ใครจะคิดว่าอย่างไร แต่ชวนลูกท่องโลกเราเห็นว่าสุโขทัยนี่และหนึ่งใน Amazing Thailand and The World ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง (ก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่เราว่ามันใช่!)
สุโขทัยเคยเป็นราชธานีของไทยเมื่อกว่า 800 ปีมาแล้ว ถูกก่อตั้งเมื่อราวปี พ.ศ. 1780 โดยพ่อขุนบางกลางหาว (พ่อขุนศรีอินทราทิตย์) และพ่อขุนผาเมือง ได้ร่วมกันสถาปนาเอกราชให้สุโขทัยเป็นรัฐอิสระ สุโขทัยมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับและเพิ่มถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนจะค่อย ๆ ตกต่ำ และประสบปัญหาทั้งจากปัญหาภายนอกและภายใน สุโขทัยเป็นราชอาณาจักรของชาติไทยอยู่ประมาณ 200 ปี จึงถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 1981
สถานที่ทางประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นซากปรักหักพัง แต่บางส่วนก็ยังคงมีให้เห็นรูปร่างแบบดั้งเดิมและคงความงดงามให้ลูกหลานชาวไทยอย่างเราได้ภาคภูมิใจ ฝรั่งไม่ต้องพูดถึง เห็นเดินเข้ามาดูกันหลายอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่หนาตา (คิดว่าหน้าฝนนักท่องเที่ยวก็เลยน้อยมั๊ง) แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของสุโขทัยที่เราไปเยี่ยมชมคราวนี้ก็จะมี อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
(สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.sukhothai.go.th/tour/tour_01.htm)
จริงๆแล้ว ถ้ามีเวลาน้อย ใช้เวลาวันเดียวก็น่าจะสามารถครอบคลุมได้ทั้งสองที่ แต่เรามากับเด็กๆ ไม่รีบ ก็เลยเดินเล่นและขี่จักรยานเที่ยวในอุทยานไปเรื่อยๆ เลยใช้เวลาสองวัน (อ้อ ฝนตกด้วย) ส่วที่พักก็มีให้เลือกมากมาย แต่ของเรา พักที่ตัวเมืองสุโขทัยทั้ง 3 คืนเลย เน้นความสะดวกสบาย แล้วค่อยขับรถไปเที่ยวตามที่ต่างๆเอา
วันแรก อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยช่วงกลางคืน
กว่าจะขับรถมาถึงสุโขทัยก็ค่ำแล้ว เพราะขับไปก็แวะนู่นแวะนี่ไปตามประสาคนมาเที่ยวกับเด็กๆ หลังจากเช็คอินที่ รร. เจ้าของก็แนะนำว่าให้ไปชมอุทยานอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยช่วงกลางคืน เพราะวันนี้เป็นวันเข้าพรรษาเขาจะมีงานพิเศษประจำปีที่อุทยานและมีอาหารขายโดยชาวบ้านด้วย (อาหารอร่อย แต่เสียดายที่ฝนดันตกหนัก งานเลยต้องเลิกก่อนเวลา)
สำหรับอุทยานโดยปกติช่วงเวลาประมาณ 19.00-21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถานให้ แต่ยุงก็จะเยอะนิดนึง อยู่นิ่งๆ นานๆ ก็ไม่ไหว หากไม่มีที่สเปรย์หรือแผ่นแปะกันยุง
วันที่สอง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

ตัวอุทยานชั้นในมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร มีประตูเมืองอยู่ตรงกลางกำแพงเมืองแต่ละด้าน ภายในยังเหลือร่องรอยพระราชวังและวัดอีก 26 แห่ง อุทยานแห่งนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยกรมศิลปากรด้วยความช่วยเหลือจากองค์การยูเนสโก องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์ที่กำแพงเพชรและศรีสัชนาลัย ซึ่งสามารถเดินเท้าหรือขี่จักรยานเที่ยวชมได้
อัตราค่าเข้าชม นักท่องเที่ยวชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท หรือสามารถซื้อตั๋วรวมได้ ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท โดยบัตรนี้สามารถเข้าชมอุทยานฯ ต่าง ๆ ในจังหวัดสุโขทัยได้ ภายในระยะเวลา 30 วัน (แต่เราไปวันเข้าพรรษาเลยไม่เสียค่าเข้า)
ที่นี่เปิดให้ เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเวลา 18.00 น.)
หากขับรถมาใกล้จะถึงเขตอุทยานก็จะผ่านวัดตระพังทอง (คำว่าตระพังแปลว่า สระ หรือ หนองน้ำ) ตั้งอยู่ทางด้านซ้าย ซึ่งจะมีเจดีย์เก่าตั้งอยู่กลางสระน้ำ ต้องเดินข้ามสะพานไม้เข้าไป วิวดี สวยงาม บรรยากาศเลิศ มีอาหารสำหรับเลี้ยงปลาในสระขายด้วย
จากวัดตระพังทอง ตรงไปอีก 200 เมตรก็จะถึงเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ที่บริเวณลานจอดรถหลักของอุทยานฯที่อยู่ด้านใน จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีบริการ รถราง นำชมรอบ ๆ บริเวณอุทยานฯ อัตราค่าบริการ นักท่องเที่ยว ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 20 บาท นอกจากนั้นที่บริเวณด้านหน้าอุทยานฯ มีบริการ รถจักรยาน ให้เช่าในราคาคันละ 30 บาท และต้องเสียค่าธรรมเนียมการเอาจักรยานเข้าไปขี่ในอุทยานอีกคันละ 10 บาท (ค่าธรรมเนียมจ่ายกับคนที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วเข้าอุทยาน) แนะนำให้ขอแผนที่เส้นทางจักรยานจากเจ้าหน้าที่มาด้วยจะได้รู้ว่าต้องขี่จักรยานไปทางไหนเพื่อชมอะไร
เด็กๆเราเห็นจักรยานก็ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปจับจองของตัวเองทันที บ้านเรา 4 คน ใช้จักรยาน 3 คัน โดยให้เจ้าตัวเล็กนั่งซ้อนท้าย โชคดีที่ร้านเขามีแบบที่ให้เบบี๋นั่ง แอลลี่ก็เลยนั่งชมวิวสบายใจเลย อ้อต้องใช้บัตรประชาชนเป็นมัดจำจักรยานด้วยนะ ใบเดียวเช่าได้ทั้งครอบครัว
ที่นี่เขามี App. Sukhothai Kingdom Tour พร้อมไอแพดเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ใช้อ่านเพื่อเป็นความรู้สำหรับสถานที่สำคัญต่างๆของอุทยานด้วย ช่วงนี้อยู่ในช่วงทดลองให้ใช้ฟรี แค่ติดต่อพี่ตรงที่ขายตั๋ว แล้วก็แลกบัตรประชาชนไว้ เขาก็จะสอนวิธีการใช้ App และให้ไอแพดเราเพื่อใช้งาน บ้านเราลองใช้แล้วก็ได้ความรู้เพิ่มเติมมากมาย โดยเขาจะบอกจุดสังเกตที่สำคัญๆของวัดต่างๆด้วย เด็กๆชอบมากๆ ภาพก็สวย มีเสียงบรรยายด้วย แต่เขาบอกว่าอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา ก็ต้องรอดูต่อไปว่า จะทำให้ได้ดีขนาดไหน
ได้ของครบแล้วก็พาเด็กๆไปปั่นจักรยานเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยกันดีกว่า
ขี่จักรยานเข้ามาก็จะเจอวัดมหาธาตุ เป็นวัดที่สำคัญที่สุดในสมัยอาณาจักรสุโขทัย เคยเป็นที่ประดิษฐานพระศรีศากยมุนี ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่วิหารวัดสุทัศน์ฯ ในกรุงเทพฯ เราก็จอดจักรยานไว้ที่ทางเข้า แล้วก็เดินเท้ากันเข้าไปเพื่อเข้าชมตัววัด
ส่วนของตัววิหารสูง วัดมหาธาตุ เราสามารถเดินขึ้นไปได้
สำหรับตัวเจดีย์ประธาน เป็นพระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ (เอาจริงๆเราก็แยกไปออกหรอกว่าแบบไหนเป็นแบบไหน)
ด้านใต้ของเจดีย์มหาธาตุมีพระพุทธรูปยืนภายในซุ้มพระ เรียกว่า "พระอัฏฐารศ"
ส่วนบริเวณรอบๆก็จะมีเจดีย์และพระพุทธรูปเก่าแก่มากมาย จากการสำรวจ พบว่าบริเวณวัดมหาธาตุมีเจดีย์แบบต่าง ๆ มากถึง 200 องค์ วิหาร 10 แห่ง ซุ้มพระ (มณฑป) 8 ซุ้ม พระอุโบสถ 1 แห่ง ตระพัง 4 แห่ง เดินชมกันได้อย่างเพลินตาเพลินใจเลยทีเดียว
ถึงแม้จะเป็นหน้าฝน แต่วันนี้แดดเปรี้ยง ให้เดินกลางแดดกันนานๆก็คงไม่ไหว ขอหลบร้อนใต้ร่มไทรยักษ์กันหน่อย ที่เห็นแทมมี่ถืออยู่ก็คือไอแพดของ App. ระหว่างนั่งพักก็อ่านหาความรู้เพิ่มเติมไป
หายร้อนแล้วเราก็ไปต่อกันที่วัดศรีสวาย ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของวัดมหาธาตุ ห่างออกไปประมาณ 350 เมตร ประกอบด้วยปรางค์ 3 องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี (ก็ว่าดูคล้ายพระปรางค์สามยอดเลย)
ถึงแดดจะเปรี้ยงแต่ว่าตามถนนที่เราขี่จักรยานกันนี่ร่มรื่นมากๆ เงาของต้มไม้ใหญ่เต็มไปหมด พอขี่จักรยานได้รับลมชิลๆ ก็เลยไม่รู้สึกร้อนเลย
ชวนลูกท่องโลก เที่ยวสุโขทัย มีอะไรน่าสนใจ ใครยังไม่เคยไปยกมือขึ้นนนนนน !!!
สุโขทัย หรือ “รุ่งอรุณแห่งความสุข” เมืองที่คนไทยอย่างเราๆ คงได้ยินชื่อกันมาตั้งแต่สมัยประถม แต่ว่าหลายๆคนก็คงยังไม่เคยได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนความสวยงามของอดีตราชธานีแห่งแรกของประเทศเรานี้ให้เห็นกับตา อย่าว่าแต่พี่ๆน้องๆเลย ชวนลูกท่องโลกเราก็เพิ่งเคยได้ไปเยือนสุโขทัยเมื่อช่วงวันหยุดเข้าพรรษาที่ผ่านมานี่เอง ขับรถตะเลงๆกันไปจากกรุงเทพฯ ชมวิวท้องทุ่งและนาสีเขียวๆไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ต้องขอบอกเลยว่าถึงแม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆและอยู่ไกลจากกรุงเทพฯ ดูเผินๆก็ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ แต่พอได้มาเยือน เราว่าความสนุก คุณค่า และคุณภาพของสถานที่ท่องเที่ยวที่นี่ เราขอยกให้ติดเป็นอันดับโลกได้เลยทีเดียว ก็ไม่รู้ใครจะคิดว่าอย่างไร แต่ชวนลูกท่องโลกเราเห็นว่าสุโขทัยนี่และหนึ่งใน Amazing Thailand and The World ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง (ก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่เราว่ามันใช่!)
สุโขทัยเคยเป็นราชธานีของไทยเมื่อกว่า 800 ปีมาแล้ว ถูกก่อตั้งเมื่อราวปี พ.ศ. 1780 โดยพ่อขุนบางกลางหาว (พ่อขุนศรีอินทราทิตย์) และพ่อขุนผาเมือง ได้ร่วมกันสถาปนาเอกราชให้สุโขทัยเป็นรัฐอิสระ สุโขทัยมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับและเพิ่มถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนจะค่อย ๆ ตกต่ำ และประสบปัญหาทั้งจากปัญหาภายนอกและภายใน สุโขทัยเป็นราชอาณาจักรของชาติไทยอยู่ประมาณ 200 ปี จึงถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 1981
สถานที่ทางประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นซากปรักหักพัง แต่บางส่วนก็ยังคงมีให้เห็นรูปร่างแบบดั้งเดิมและคงความงดงามให้ลูกหลานชาวไทยอย่างเราได้ภาคภูมิใจ ฝรั่งไม่ต้องพูดถึง เห็นเดินเข้ามาดูกันหลายอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่หนาตา (คิดว่าหน้าฝนนักท่องเที่ยวก็เลยน้อยมั๊ง) แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของสุโขทัยที่เราไปเยี่ยมชมคราวนี้ก็จะมี อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
(สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.sukhothai.go.th/tour/tour_01.htm)
จริงๆแล้ว ถ้ามีเวลาน้อย ใช้เวลาวันเดียวก็น่าจะสามารถครอบคลุมได้ทั้งสองที่ แต่เรามากับเด็กๆ ไม่รีบ ก็เลยเดินเล่นและขี่จักรยานเที่ยวในอุทยานไปเรื่อยๆ เลยใช้เวลาสองวัน (อ้อ ฝนตกด้วย) ส่วที่พักก็มีให้เลือกมากมาย แต่ของเรา พักที่ตัวเมืองสุโขทัยทั้ง 3 คืนเลย เน้นความสะดวกสบาย แล้วค่อยขับรถไปเที่ยวตามที่ต่างๆเอา
วันแรก อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยช่วงกลางคืน
กว่าจะขับรถมาถึงสุโขทัยก็ค่ำแล้ว เพราะขับไปก็แวะนู่นแวะนี่ไปตามประสาคนมาเที่ยวกับเด็กๆ หลังจากเช็คอินที่ รร. เจ้าของก็แนะนำว่าให้ไปชมอุทยานอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยช่วงกลางคืน เพราะวันนี้เป็นวันเข้าพรรษาเขาจะมีงานพิเศษประจำปีที่อุทยานและมีอาหารขายโดยชาวบ้านด้วย (อาหารอร่อย แต่เสียดายที่ฝนดันตกหนัก งานเลยต้องเลิกก่อนเวลา)
สำหรับอุทยานโดยปกติช่วงเวลาประมาณ 19.00-21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถานให้ แต่ยุงก็จะเยอะนิดนึง อยู่นิ่งๆ นานๆ ก็ไม่ไหว หากไม่มีที่สเปรย์หรือแผ่นแปะกันยุง
วันที่สอง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
อัตราค่าเข้าชม นักท่องเที่ยวชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท หรือสามารถซื้อตั๋วรวมได้ ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท โดยบัตรนี้สามารถเข้าชมอุทยานฯ ต่าง ๆ ในจังหวัดสุโขทัยได้ ภายในระยะเวลา 30 วัน (แต่เราไปวันเข้าพรรษาเลยไม่เสียค่าเข้า)
ที่นี่เปิดให้ เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเวลา 18.00 น.)
หากขับรถมาใกล้จะถึงเขตอุทยานก็จะผ่านวัดตระพังทอง (คำว่าตระพังแปลว่า สระ หรือ หนองน้ำ) ตั้งอยู่ทางด้านซ้าย ซึ่งจะมีเจดีย์เก่าตั้งอยู่กลางสระน้ำ ต้องเดินข้ามสะพานไม้เข้าไป วิวดี สวยงาม บรรยากาศเลิศ มีอาหารสำหรับเลี้ยงปลาในสระขายด้วย
จากวัดตระพังทอง ตรงไปอีก 200 เมตรก็จะถึงเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ที่บริเวณลานจอดรถหลักของอุทยานฯที่อยู่ด้านใน จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีบริการ รถราง นำชมรอบ ๆ บริเวณอุทยานฯ อัตราค่าบริการ นักท่องเที่ยว ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 20 บาท นอกจากนั้นที่บริเวณด้านหน้าอุทยานฯ มีบริการ รถจักรยาน ให้เช่าในราคาคันละ 30 บาท และต้องเสียค่าธรรมเนียมการเอาจักรยานเข้าไปขี่ในอุทยานอีกคันละ 10 บาท (ค่าธรรมเนียมจ่ายกับคนที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วเข้าอุทยาน) แนะนำให้ขอแผนที่เส้นทางจักรยานจากเจ้าหน้าที่มาด้วยจะได้รู้ว่าต้องขี่จักรยานไปทางไหนเพื่อชมอะไร
เด็กๆเราเห็นจักรยานก็ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปจับจองของตัวเองทันที บ้านเรา 4 คน ใช้จักรยาน 3 คัน โดยให้เจ้าตัวเล็กนั่งซ้อนท้าย โชคดีที่ร้านเขามีแบบที่ให้เบบี๋นั่ง แอลลี่ก็เลยนั่งชมวิวสบายใจเลย อ้อต้องใช้บัตรประชาชนเป็นมัดจำจักรยานด้วยนะ ใบเดียวเช่าได้ทั้งครอบครัว
ที่นี่เขามี App. Sukhothai Kingdom Tour พร้อมไอแพดเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ใช้อ่านเพื่อเป็นความรู้สำหรับสถานที่สำคัญต่างๆของอุทยานด้วย ช่วงนี้อยู่ในช่วงทดลองให้ใช้ฟรี แค่ติดต่อพี่ตรงที่ขายตั๋ว แล้วก็แลกบัตรประชาชนไว้ เขาก็จะสอนวิธีการใช้ App และให้ไอแพดเราเพื่อใช้งาน บ้านเราลองใช้แล้วก็ได้ความรู้เพิ่มเติมมากมาย โดยเขาจะบอกจุดสังเกตที่สำคัญๆของวัดต่างๆด้วย เด็กๆชอบมากๆ ภาพก็สวย มีเสียงบรรยายด้วย แต่เขาบอกว่าอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา ก็ต้องรอดูต่อไปว่า จะทำให้ได้ดีขนาดไหน
ได้ของครบแล้วก็พาเด็กๆไปปั่นจักรยานเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยกันดีกว่า
ขี่จักรยานเข้ามาก็จะเจอวัดมหาธาตุ เป็นวัดที่สำคัญที่สุดในสมัยอาณาจักรสุโขทัย เคยเป็นที่ประดิษฐานพระศรีศากยมุนี ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่วิหารวัดสุทัศน์ฯ ในกรุงเทพฯ เราก็จอดจักรยานไว้ที่ทางเข้า แล้วก็เดินเท้ากันเข้าไปเพื่อเข้าชมตัววัด
ส่วนของตัววิหารสูง วัดมหาธาตุ เราสามารถเดินขึ้นไปได้
สำหรับตัวเจดีย์ประธาน เป็นพระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ (เอาจริงๆเราก็แยกไปออกหรอกว่าแบบไหนเป็นแบบไหน)
ด้านใต้ของเจดีย์มหาธาตุมีพระพุทธรูปยืนภายในซุ้มพระ เรียกว่า "พระอัฏฐารศ"
ส่วนบริเวณรอบๆก็จะมีเจดีย์และพระพุทธรูปเก่าแก่มากมาย จากการสำรวจ พบว่าบริเวณวัดมหาธาตุมีเจดีย์แบบต่าง ๆ มากถึง 200 องค์ วิหาร 10 แห่ง ซุ้มพระ (มณฑป) 8 ซุ้ม พระอุโบสถ 1 แห่ง ตระพัง 4 แห่ง เดินชมกันได้อย่างเพลินตาเพลินใจเลยทีเดียว
ถึงแม้จะเป็นหน้าฝน แต่วันนี้แดดเปรี้ยง ให้เดินกลางแดดกันนานๆก็คงไม่ไหว ขอหลบร้อนใต้ร่มไทรยักษ์กันหน่อย ที่เห็นแทมมี่ถืออยู่ก็คือไอแพดของ App. ระหว่างนั่งพักก็อ่านหาความรู้เพิ่มเติมไป
หายร้อนแล้วเราก็ไปต่อกันที่วัดศรีสวาย ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของวัดมหาธาตุ ห่างออกไปประมาณ 350 เมตร ประกอบด้วยปรางค์ 3 องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี (ก็ว่าดูคล้ายพระปรางค์สามยอดเลย)
ถึงแดดจะเปรี้ยงแต่ว่าตามถนนที่เราขี่จักรยานกันนี่ร่มรื่นมากๆ เงาของต้มไม้ใหญ่เต็มไปหมด พอขี่จักรยานได้รับลมชิลๆ ก็เลยไม่รู้สึกร้อนเลย