สวัสดีค่ะ บล็อกนี้เป็นบล็อกแรกที่รีวิว ถ้าขาดตกบกพร่องอะไรไป แนะนำได้นะคะ
ขอแนะนำตัวเองก่อนค่ะ ส่วนตัวเป็นคนเชียงใหม่ เป็นพนักงานเงินเดือนทั่วไป ที่ตั้งใจจะเก็บเงินไปเที่ยวปีละครั้ง หรือสองครั้ง แล้วแต่โอกาส และงบประมานที่เราจัดสรรให้ตัวเอง (ขึ้นอยู่กับความงก ณ เวลานั้นด้วย 555)
โดยการไปเที่ยวครั้งนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ จากการรีวิวมาผสมเล็กผสมน้อย ออกมาเป็นแผนท่องเที่ยวของตัวเองในครั้งนี้ ดังนั้นรีวิวที่ทำนี้ คิดว่าน่าจะพอมีประโยชน์บ้าง สำหรับคนต่างจังหวัดที่จะวางแผนไปเที่ยวจังหวัดกระบี่นะคะ รีวิวนี้ไม่ใช่รีวิวที่ประหยัดที่สุด แต่ก็พยามคุมงบประมาณเหมือนกัน
โดยรีวิวนี้เกิดจากตอนที่เราพยายามรวบรวมข้อมูล รีวิวต่าง ๆ เพื่อจะวางแผนไปเที่ยว แต่ยังมีบางรายละเอียด ที่เราหาไม่ได้จากการรีวิว และยังคงเป็นกังวลก่อนการเดินทาง เราเลยพยายามเก็บข้อมูล การไปเที่ยวครั้งนี้ของเรา และมาเล่าเป็นประสบการณ์ให้ เพื่อน ๆ ฟังนะคะ
โดยจุดประสงค์ที่ไปเที่ยวกระบี่ในครั้งนี้ คือทะเล! แน่นอนอยู่แล้ว ส่วนตัวก็อยู่ในช่วงวัยทำงาน เพราะฉะนั้นไปเที่ยวที จะลาแบบขอไปทีก็คงจะไม่ได้ เดียวจะโดนเพ่งเล็งเอา จะใช้เงินเก็บเยอะเดียวเงินเก็บจะร่อยหรอ จะเที่ยวแบบเหนื่อยเหมือนไปสู้รบก็ไม่ไหว เพราะประเด็นคือเราไปพักผ่อน ไปเก็บความทรงจำ แล้วแต่ความชอบส่วนตัวของผู้ไปเที่ยวอีกทีนะคะ

เข้าเรื่องเลยนะค่ะ การไปเที่ยวครั้งนี้ไปกับเพื่อนรู้ใจอีก 1 คน ไปช่วง High season วันที่ 2-5 มีนาคม ที่ผ่านมาค่ะ (วันพฤหัสบดี-วันอาทิตย์) มีวันหยุด 2 วัน และลาเพิ่มอีก 2วันค่ะ ถ้าเกิดใครเดินทางไปช่วงอื่น เมษายน-พฤกษาคมเป็นต้นไป หรือวันธรรมดา ราคาอาจจะถูกกว่านี้ค่ะ แต่เนื่องด้วยเป็นวันพิเศษของเรากับเพื่อนรู้ใจ จึงตกลงไปกันวันนี้แทนค่ะ
สายการบินที่เราเลือกมีโปรโมชั่นพอดี ซื้อไว้ประมาน มกราคม ปี 59 ตั้งใจจะไปประมาน 8 โมงเช้า แต่ดันโดนเลื่อนไฟล์ท เป็นช่วง 12.30 แทน แต่ก็ไม่เป็นไร จะได้ไม่ต้องตื่นเช้ามาก แล้วก็ลดค่าใช้จ่ายไปด้วย และถ้าเดินทางเวลานี้ก็จะไปถึงกระบี่ประมาน 14.30 ค่ะ
ตอนนี้เรามาถึงสนามบินกระบี่แล้ว ตามเวลาเลยค่ะ ไม่ดีเลย์ สนามบินกระบี่เป็นสนามบินที่ค่อนข้างเล็ก ไม่ต้องกลัวเดินหลงทางนะค่ะ ส่วนที่พักที่เราเลือกอยู่อ่าวนาง เพราะแม่เราเคยมาเที่ยวแล้ว บอกว่าตรงอ่าวนางนี้แม่ชอบที่สุด มีความสะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยว ทะเลก็สะอาด อาหารการกิน การเดินทางไม่ลำบาก และไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะตกเครื่องด้วยค่ะ เพราะถ้าเราอยู่บริเวณอ่าวนาง เราจะเจอโต๊ะขายทัวร์ทุก ๆ 3ก้าวเลยก็ว่าได้
จากนั้นเราเดินทางไปที่อ่าวนาง โดยใช้บริการ Shuttle bus ถ้าออกจาก Gate มา ก็จะมีเคาน์เตอร์ขาย Shuttle bus อยู่ และมีโต๊ะทัวร์ให้เลือกหลากหลาย มีบริการทั้งรถTaxi รถตู้ แล้วก็ Shuttle bus ไปได้หลายที่เลยค่ะ และอยู่ภายในตัวสนามบิน ดังนั้นค่อนข้างสะดวก
ค่าใช้จ่ายของ Shuttle bus ไปลงอ่าวนาง คนละ 150 บาท โดยรถ Bus คันนี้ จะวนไปส่งตามจุดต่าง ๆของจังหวัดกระบี่ ถ้าไม่แน่ใจสามารถสอบถามที่โรงแรมที่เข้าพักก่อนได้ว่า มี Shuttle bus มาส่งถึงโรงแรมหรือไม่ และวิธีการซื้อ Shuttle bus เมื่อเดินไปถึงเคาน์เตอร์ เราบอกชื่อโรงแรมกับซอย แล้วก็จ่ายเงิน คนขายก็จะให้ตั๋วเรามา แล้วให้ไปนั่งรอบนรถ รอจนกว่าทุกคนจะออกจาก Gate กันมาหมด ถึงจะเริ่มต้นเดินทางกันได้ ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด หากโรงแรมของเพื่อนอยู่ตำแหน่งอื่น ในเมือง หรือหาดอื่น ๆ ราคาและสีตั๋วจะไม่เหมือนกัน แต่อ่าวนางที่เราจะไปพักน่าจะเป็นจุดที่ไกลสุด และแพงที่สุดแล้วค่ะ
รถ Shuttle bus คือ รถเมล์พัดลมเก่า ๆ วนไปส่งตามจุดต่าง ๆ ถ้าคนน้อยก็จะไม่นาน ถ้าคนเยอะก็นานหน่อย ของเราคนไม่เยอะประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่ระหว่างทางที่นั่งบนรถ Bus ไปส่งตามสถานที่ต่าง ๆ และโรงแรมต่าง ๆ เราก็ได้เห็นอะไรมากมาย เห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปหมด เหมือนซื้อทัวร์สำรวจเส้นทาง ไม่รู้สึกว่านานเลยค่ะ
จากนั้นรถ Bus ส่งเราสองคนเป็นที่สุดท้าย เพราะว่าเราอยู่ในซอยแคบ เค้าพาเราลงรถเมล์แล้วไปต่อกระบะ เพื่อที่เค้าจะพาเราเข้าไปส่งในซอยโรงแรมที่เราจองไว้ได้ (ไม่เสียเงินเพิ่มนะค่ะ) โรงแรมที่เราจองชื่อบ้านเกี่ยวเงิน ก่อนไป เราได้ปรึกษาการเดินทางกับพนักงานโรงแรมเอาไว้แล้ว เนื่องจากเป็นคนต่างจังหวัดไม่รู้เส้นทาง ก็จะส่งข้อความไปถามทางโรงแรมตลอด พนักงานโรงแรมก็ใจดีจ้า ตอบทุกความกังวล รวมทั้งรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ สัพเพเหระ รวมทั้งเรื่องมอเตอร์ไซค์ให้เช่า เรื่องทัวร์ต่าง ๆ ซึ่งที่เคาน์เตอร์ของทางโรงแรมเองก็ขายเหมือนกัน เขาจึงตอบข้อข้องใจเราได้ทั้งหมด เราจองห้องพักที่นี้ในราคาคืนละ 1200บาท รวมอาหารเช้าแล้วค่ะ
พนักงานทุกคนที่นี้อัธยาศัยดีมาก ข้อดีของการจองนาน ๆ ทำให้เราได้มีเวลาวางแผน และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นทิ้งไป เพราะตอนแรก เราเลือกแต่โรงแรมที่มีสระว่ายน้ำเท่านั้น แต่เราคิดไปคิดมา สระว่ายน้ำยังไงก็สู้เดินลงไปเล่นน้ำทะเลจริง ๆ ไม่ได้ และเราก็มาเที่ยวทะเล เลยเน้นทะเลเป็นส่วนใหญ่ แล้วค่าใช้จ่ายก็เริ่มลดลงไปเรื่อย ๆจ้า แล้วแต่คนชอบนะคะ
โดยแผนที่เราวางไว้และงบประมานใช้จ่ายจริงของเรา จะประมาณตามตารางนี้ ราคานี้ไม่รวมของฝากนะค่ะ
วันที่ 1
รถเมล์พัดลมที่ไปส่งตามจุดจ้า
ถึงโรงแรมแล้ว ก็ Check inn กันเลย พอกรอกเอกสารเสร็จพนักงานก็แจก Welcome drink เป็นน้ำส้มคั้นสด ๆ คนละแก้ว จากนั้นพนักงานก็พาเดินขึ้นไปส่งบนห้อง พวกเราก็เก็บของใส่ตู้ พอเก็บเสร็จ เราก็พร้อมจะไปเดินตามหาทัวร์พีพีกันแล้ว
เราเริ่มต้นเดินจากโรงแรม ไปเรื่อย ๆ ไปตามทางอ่าวนาง และแวะถามร้านทัวร์ทุกร้าน แล้วเลือกร้านที่ขายทัวร์พีพีถูกสุด (เดินไปกลับประมาณ 2-3กิโลทุกวัน แต่ออกมาจากโรงแรม 1 ก้าวก็เจอทุกอย่างแล้ว แต่โดยส่วนตัวเป็นคนที่งกมาก ขอถามและเลือกร้านถูกสุดก่อน ถ้าจะให้เดินถามทุกร้านก็สบายมากจ้า) สรุปราคาทัวร์พีพีที่ได้ 800 บาท รวมรถรับส่งโรงแรม และบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันแล้ว
ข้อดีของอ่าวนางคือ มีโต๊ะทัวร์ทุกสามก้าว และจากการเดินไปตามหาทัวร์พีพีครั้งนี้ ก็ไม่ลืมเปรียบเทียบราคามอเตอร์ไซค์ให้เช่า (สุดท้ายเลือกมอเตอร์ไซค์ให้เช่าของโรงแรม สำหรับวันอาทิตย์แทนจ้า เพราะว่าฝากกระเป๋าไว้ และต้องกลับมาแพคของฝากวันสุดท้าย เป็นตัวเลือกที่สะดวกที่สุดสำหรับเราแล้วค่ะ) และจากการเดินตรวจสอบราคารถตู้ไปส่งสนามบิน ทุกร้านขายราคาเท่ากันหมด 150 บาทต่อคนนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องรถตู้วันกลับนะคะ เค้ามี Shuttle bus(รถตู้) ไปส่งทุกไฟล์ทบิน และมารับส่งที่โรงแรม นี้คือข้อดีของจังหวัดกระบี่ มีระบบขนส่งดีเยี่ยมมากกกกกก ก.ไก่ล้านตัว ประทับใจข้อนี้ของกระบี่มากค่ะ และจากที่เราเดินหาทัวร์ไปทั่ว ก็เจอพี่คนขายใจดีน่ารักเป็นกันเอง
ประทับใจร้านทัวร์ร้านนี้มากค่ะ เลยอุดหนุนทัวร์พีพีจากพี่สาวใจดี
ต่อจากได้ทัวร์แล้ว เราก็หาข้าวเย็นกินกัน เราได้พิซซ่าหน้าบาร์บีคิวไก่มาในราคา 150 บาท กินกันสองคน แต่ไม่ได้สั่งน้ำ เพราะเค้าไม่ได้ถาม 555 งงเหมือนกัน กินกันจนหมดแล้วยังไม่ได้กินน้ำเลย ที่อ่าวนางนี้อาหารเกือบทุกร้านจะเป็นแนวฮาลาลนะค่ะ คนชวนเข้าร้านแถวนี้น่ารักมาก จะคุยเป็นภาษาอังกฤษด้วยเหมือนรู้จักกันมานาน แต่คนเก็บตังนี้คนละคนนะจ๊ะ จะโหดนิดนึง ถ้าไม่ทิปนี้คงหน้าดู 55 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เข้าไปลองกินร้านเดียวจ้า
นั้นไงพิซซ่าถาดเดียวไม่อิ่มจ้า อาหารที่นี้ขายแพงมาก แต่โชคดีมีร้านราคามาตรฐานอยู่ หนีไม่พ้นเซเว่น และ Family mart น่าจะมีทุก 10-20 เมตร และด้วยความงก ไม่กล้ากินข้าวแกงเขียวหวาน 150 บาท เลยเข้าไปซื้อข้าวผัดเซเว่นมาอุ่นกินกัน ซื้อมานั่งกินที่ข้างชายหาด พร้อมชมพระอาทิตย์ตกดิน ก็ฟินกันไป
หลังจากนั้นเราเดินหาซื้อกระเป๋ากันน้ำ ก่อนมาเราค่อนข้างเป็นกังวลเรื่องเอาของติดตัวไปกลางทะเลด้วย แต่พอมาที่นี้ มีกระเป๋ากันน้ำขายแทบทุกร้าน ราคาก็ร้อยกว่าบาทขึ้นไป น่าจะเริ่มที่ 0.5 ลิตร ส่วนเราซื้อมา 3 ลิตร ในราคา 250 บาท เพราะใช้ด้วยกันสองคน หลังจากใช้แล้วไม่มีปัญหาเรื่องน้ำเข้านะค่ะ และที่อ่าวนางนี้มีของขายทุกอย่างเหมือนบ้านเราเลยค่ะ ราคาก็ไม่แพงมาก มีบีกินนี่ เสื้อสวยๆ ประมาน 200 บาท ถ้ารองเท้าใครพัง ที่นี้ก็มีรองเท้าแตะร้อยกว่าบาท กันแดด และเจลว่าหางจระเข้ มีครบเลยค่ะ
จากนั้นเราก็เดินกลับโรงแรมกันเพื่อพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เรามีทัวร์พีพีแต่เช้า ถ้าจำไม่ผิด นัดรถมารับที่โรงแรมประมาน 9.00 โมงเช้า มั้ง และเราต้องเผื่อเวลาอาบน้ำแต่งตัว กินข้าว เตรียมสัมภาระไปกลางทะเลอีกด้วย รีบนอนเลยจ้า
วันที่ 2
ตื่นมากินข้าวเช้า 8 โมง อาหารโรงแรมมีให้เลือกหลายแบบนะคะ มีข้าวผัด ข้าวต้ม แต่เลือกเป็น American breakfast เป็นแบบชุดอาหารนะค่ะ ไม่ใช้บุฟเฟ่ต์ เสริฟพร้อมน้ำผลไม้ ชา กาแฟ และผลไม้สดอีก 1จาน ไม่อิ่มมากไป กลัวไปปวดท้องเข้าห้องน้ำกลางทะเลค่ะ
จากนั้นรถมารับ 9 โมง เป็นรถกระบะเก่า ๆ ภายในตกแต่งน่ารัก มารับพร้อมลูกค้า ที่ไปรับตามโรงแรมมาเกือบครบละจ้า จากนั้นรับลูกค้าให้ครบทุกคน ก็จะพาเราไปส่งจุดจ่ายค่าอุทยาน และ แจก Wrist brand สำหรับใครใส่สีอะไรก็ต้องขึ้นเรือตามสีนั้น ส่วนทัวร์ที่เราเลือกคือ Speed boat ค่ะ
แต่ตอนเรารอเค้าเรียกขึ้นเรือ เราเห็นทุกคนมีซองกันน้ำใส่มือถือกัน แต่เราไม่มี และพกมือถือมาอีกด้วย ส่วนตัวเราพกเงินติดตัวมาแค่ 120 บาท ต่อรองร้านค้าที่เปิดอยู่แถวนั้น ได้มา 1 ถุง ถุงนี้ค่อนข้างปลอดภัย มีซีลกันสามชั้น เหมือนสำหรับใส่เล่นน้ำสงกรานต์ ใช้กันจนจบทริปเลยจ้า น้ำก็ไม่เข้าเลยสักนิด จากนั้นเค้าก็เรียกเราขึ้นเรือ เก็บรองเท้าของทุกคนใส่ถุงดำรวมกัน ถ่ายรูปให้ลูกค้า แล้วก็เดินทางกันเลยค่ะ
เกาะแรกที่เราไป คือเกาะไผ่ น้ำใสทะเลสวยมากกกกก น้ำค่อนข้างใสนะคะ ทรายนุ่มละมุนเท้า ตอนเห็นครั้งแรกนี้ ก็นึกว่าเป็นบุญอันประเสริฐของลูกแล้ว แต่ที่ได้ไปต่อจากนี้ ก็ยิ่งสวยขึ้นไปเรื่อย ๆ ค่ะ อ๋อแล้วที่สำคัญ ไม่ต้องกลัวปวดหนักปวดเบา เพราะทุกเกาะเค้ามีห้องน้ำให้เข้าฟรีนะค่ะ และไม่ต้องอายที่จะใส่บิกินี่ เพราะบนเกาะมีแต่ฝรั่ง และคนจีน แทบไม่มีใครไม่ใส่ ตั้งแต่เด็กยันรุ่นคุณยายกันเลยจ้า แต่เราก็ไม่ใส่นะ 555
ต่อจากเกาะไผ่ ไกด์ก็พาเราไปเกาะพีพีเล จะมีอ่าวมาหยา น้ำทะเลจะสวยขึ้นไปเรื่อย ๆ สีฟ้าตามรูปด้านล่างเลยจ้า เราว่าจุดที่ ถ่ายรูปสวยที่สุด น่าจะเป็นหัวเรือ เราต้องต่อคิวถ่ายรูป ถ่ายได้แปปเดียวนะค่ะ เพราะเค้าจะไม่ให้จอดเรือใกล้ชายฝั่งนาน และพอลงจากเรือมาที่หาดทราย จุดที่คนนิยมถ่ายคู่ด้วยก็คงจะเป็นป้ายของชายหาด แต่คนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าป้ายนี้มีสองด้าน ไกด์น่ารักมากและเป็นกันเอง พาเราแค่สองคนในทริปนี้ เดินไปที่ด้านหลังป้าย พร้อมถ่ายรูปให้ อาจเพราะลงเรือคนสุดท้าย ถ้าถ่ายจากหลังป้าย จะเห็นน้ำทะเล และภูเขาสวยกว่านะคะ และไม่ต้องแย่งพื้นที่กับคนอื่นด้วยจ้า ส่วนน้ำทะเลอ่าวมาหยานี้ ก็เป็นสีฟ้าค่ะ แต่เป็นสีฟ้าที่สวยมากกกกก ไม่เคยเห็นมาก่อน และหาดทรายก็นุ่มละมุนสุด ๆ
รีวิวไปเที่ยวกระบี่ 4วัน3คืน ด้วยงบ 7300 บาทต่อคนจ้า
ขอแนะนำตัวเองก่อนค่ะ ส่วนตัวเป็นคนเชียงใหม่ เป็นพนักงานเงินเดือนทั่วไป ที่ตั้งใจจะเก็บเงินไปเที่ยวปีละครั้ง หรือสองครั้ง แล้วแต่โอกาส และงบประมานที่เราจัดสรรให้ตัวเอง (ขึ้นอยู่กับความงก ณ เวลานั้นด้วย 555)
โดยการไปเที่ยวครั้งนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ จากการรีวิวมาผสมเล็กผสมน้อย ออกมาเป็นแผนท่องเที่ยวของตัวเองในครั้งนี้ ดังนั้นรีวิวที่ทำนี้ คิดว่าน่าจะพอมีประโยชน์บ้าง สำหรับคนต่างจังหวัดที่จะวางแผนไปเที่ยวจังหวัดกระบี่นะคะ รีวิวนี้ไม่ใช่รีวิวที่ประหยัดที่สุด แต่ก็พยามคุมงบประมาณเหมือนกัน
โดยรีวิวนี้เกิดจากตอนที่เราพยายามรวบรวมข้อมูล รีวิวต่าง ๆ เพื่อจะวางแผนไปเที่ยว แต่ยังมีบางรายละเอียด ที่เราหาไม่ได้จากการรีวิว และยังคงเป็นกังวลก่อนการเดินทาง เราเลยพยายามเก็บข้อมูล การไปเที่ยวครั้งนี้ของเรา และมาเล่าเป็นประสบการณ์ให้ เพื่อน ๆ ฟังนะคะ
โดยจุดประสงค์ที่ไปเที่ยวกระบี่ในครั้งนี้ คือทะเล! แน่นอนอยู่แล้ว ส่วนตัวก็อยู่ในช่วงวัยทำงาน เพราะฉะนั้นไปเที่ยวที จะลาแบบขอไปทีก็คงจะไม่ได้ เดียวจะโดนเพ่งเล็งเอา จะใช้เงินเก็บเยอะเดียวเงินเก็บจะร่อยหรอ จะเที่ยวแบบเหนื่อยเหมือนไปสู้รบก็ไม่ไหว เพราะประเด็นคือเราไปพักผ่อน ไปเก็บความทรงจำ แล้วแต่ความชอบส่วนตัวของผู้ไปเที่ยวอีกทีนะคะ
เข้าเรื่องเลยนะค่ะ การไปเที่ยวครั้งนี้ไปกับเพื่อนรู้ใจอีก 1 คน ไปช่วง High season วันที่ 2-5 มีนาคม ที่ผ่านมาค่ะ (วันพฤหัสบดี-วันอาทิตย์) มีวันหยุด 2 วัน และลาเพิ่มอีก 2วันค่ะ ถ้าเกิดใครเดินทางไปช่วงอื่น เมษายน-พฤกษาคมเป็นต้นไป หรือวันธรรมดา ราคาอาจจะถูกกว่านี้ค่ะ แต่เนื่องด้วยเป็นวันพิเศษของเรากับเพื่อนรู้ใจ จึงตกลงไปกันวันนี้แทนค่ะ
สายการบินที่เราเลือกมีโปรโมชั่นพอดี ซื้อไว้ประมาน มกราคม ปี 59 ตั้งใจจะไปประมาน 8 โมงเช้า แต่ดันโดนเลื่อนไฟล์ท เป็นช่วง 12.30 แทน แต่ก็ไม่เป็นไร จะได้ไม่ต้องตื่นเช้ามาก แล้วก็ลดค่าใช้จ่ายไปด้วย และถ้าเดินทางเวลานี้ก็จะไปถึงกระบี่ประมาน 14.30 ค่ะ
ตอนนี้เรามาถึงสนามบินกระบี่แล้ว ตามเวลาเลยค่ะ ไม่ดีเลย์ สนามบินกระบี่เป็นสนามบินที่ค่อนข้างเล็ก ไม่ต้องกลัวเดินหลงทางนะค่ะ ส่วนที่พักที่เราเลือกอยู่อ่าวนาง เพราะแม่เราเคยมาเที่ยวแล้ว บอกว่าตรงอ่าวนางนี้แม่ชอบที่สุด มีความสะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยว ทะเลก็สะอาด อาหารการกิน การเดินทางไม่ลำบาก และไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะตกเครื่องด้วยค่ะ เพราะถ้าเราอยู่บริเวณอ่าวนาง เราจะเจอโต๊ะขายทัวร์ทุก ๆ 3ก้าวเลยก็ว่าได้
จากนั้นเราเดินทางไปที่อ่าวนาง โดยใช้บริการ Shuttle bus ถ้าออกจาก Gate มา ก็จะมีเคาน์เตอร์ขาย Shuttle bus อยู่ และมีโต๊ะทัวร์ให้เลือกหลากหลาย มีบริการทั้งรถTaxi รถตู้ แล้วก็ Shuttle bus ไปได้หลายที่เลยค่ะ และอยู่ภายในตัวสนามบิน ดังนั้นค่อนข้างสะดวก
ค่าใช้จ่ายของ Shuttle bus ไปลงอ่าวนาง คนละ 150 บาท โดยรถ Bus คันนี้ จะวนไปส่งตามจุดต่าง ๆของจังหวัดกระบี่ ถ้าไม่แน่ใจสามารถสอบถามที่โรงแรมที่เข้าพักก่อนได้ว่า มี Shuttle bus มาส่งถึงโรงแรมหรือไม่ และวิธีการซื้อ Shuttle bus เมื่อเดินไปถึงเคาน์เตอร์ เราบอกชื่อโรงแรมกับซอย แล้วก็จ่ายเงิน คนขายก็จะให้ตั๋วเรามา แล้วให้ไปนั่งรอบนรถ รอจนกว่าทุกคนจะออกจาก Gate กันมาหมด ถึงจะเริ่มต้นเดินทางกันได้ ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด หากโรงแรมของเพื่อนอยู่ตำแหน่งอื่น ในเมือง หรือหาดอื่น ๆ ราคาและสีตั๋วจะไม่เหมือนกัน แต่อ่าวนางที่เราจะไปพักน่าจะเป็นจุดที่ไกลสุด และแพงที่สุดแล้วค่ะ
รถ Shuttle bus คือ รถเมล์พัดลมเก่า ๆ วนไปส่งตามจุดต่าง ๆ ถ้าคนน้อยก็จะไม่นาน ถ้าคนเยอะก็นานหน่อย ของเราคนไม่เยอะประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่ระหว่างทางที่นั่งบนรถ Bus ไปส่งตามสถานที่ต่าง ๆ และโรงแรมต่าง ๆ เราก็ได้เห็นอะไรมากมาย เห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปหมด เหมือนซื้อทัวร์สำรวจเส้นทาง ไม่รู้สึกว่านานเลยค่ะ
จากนั้นรถ Bus ส่งเราสองคนเป็นที่สุดท้าย เพราะว่าเราอยู่ในซอยแคบ เค้าพาเราลงรถเมล์แล้วไปต่อกระบะ เพื่อที่เค้าจะพาเราเข้าไปส่งในซอยโรงแรมที่เราจองไว้ได้ (ไม่เสียเงินเพิ่มนะค่ะ) โรงแรมที่เราจองชื่อบ้านเกี่ยวเงิน ก่อนไป เราได้ปรึกษาการเดินทางกับพนักงานโรงแรมเอาไว้แล้ว เนื่องจากเป็นคนต่างจังหวัดไม่รู้เส้นทาง ก็จะส่งข้อความไปถามทางโรงแรมตลอด พนักงานโรงแรมก็ใจดีจ้า ตอบทุกความกังวล รวมทั้งรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ สัพเพเหระ รวมทั้งเรื่องมอเตอร์ไซค์ให้เช่า เรื่องทัวร์ต่าง ๆ ซึ่งที่เคาน์เตอร์ของทางโรงแรมเองก็ขายเหมือนกัน เขาจึงตอบข้อข้องใจเราได้ทั้งหมด เราจองห้องพักที่นี้ในราคาคืนละ 1200บาท รวมอาหารเช้าแล้วค่ะ
พนักงานทุกคนที่นี้อัธยาศัยดีมาก ข้อดีของการจองนาน ๆ ทำให้เราได้มีเวลาวางแผน และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นทิ้งไป เพราะตอนแรก เราเลือกแต่โรงแรมที่มีสระว่ายน้ำเท่านั้น แต่เราคิดไปคิดมา สระว่ายน้ำยังไงก็สู้เดินลงไปเล่นน้ำทะเลจริง ๆ ไม่ได้ และเราก็มาเที่ยวทะเล เลยเน้นทะเลเป็นส่วนใหญ่ แล้วค่าใช้จ่ายก็เริ่มลดลงไปเรื่อย ๆจ้า แล้วแต่คนชอบนะคะ
โดยแผนที่เราวางไว้และงบประมานใช้จ่ายจริงของเรา จะประมาณตามตารางนี้ ราคานี้ไม่รวมของฝากนะค่ะ
วันที่ 1
รถเมล์พัดลมที่ไปส่งตามจุดจ้า
ถึงโรงแรมแล้ว ก็ Check inn กันเลย พอกรอกเอกสารเสร็จพนักงานก็แจก Welcome drink เป็นน้ำส้มคั้นสด ๆ คนละแก้ว จากนั้นพนักงานก็พาเดินขึ้นไปส่งบนห้อง พวกเราก็เก็บของใส่ตู้ พอเก็บเสร็จ เราก็พร้อมจะไปเดินตามหาทัวร์พีพีกันแล้ว
เราเริ่มต้นเดินจากโรงแรม ไปเรื่อย ๆ ไปตามทางอ่าวนาง และแวะถามร้านทัวร์ทุกร้าน แล้วเลือกร้านที่ขายทัวร์พีพีถูกสุด (เดินไปกลับประมาณ 2-3กิโลทุกวัน แต่ออกมาจากโรงแรม 1 ก้าวก็เจอทุกอย่างแล้ว แต่โดยส่วนตัวเป็นคนที่งกมาก ขอถามและเลือกร้านถูกสุดก่อน ถ้าจะให้เดินถามทุกร้านก็สบายมากจ้า) สรุปราคาทัวร์พีพีที่ได้ 800 บาท รวมรถรับส่งโรงแรม และบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันแล้ว
ข้อดีของอ่าวนางคือ มีโต๊ะทัวร์ทุกสามก้าว และจากการเดินไปตามหาทัวร์พีพีครั้งนี้ ก็ไม่ลืมเปรียบเทียบราคามอเตอร์ไซค์ให้เช่า (สุดท้ายเลือกมอเตอร์ไซค์ให้เช่าของโรงแรม สำหรับวันอาทิตย์แทนจ้า เพราะว่าฝากกระเป๋าไว้ และต้องกลับมาแพคของฝากวันสุดท้าย เป็นตัวเลือกที่สะดวกที่สุดสำหรับเราแล้วค่ะ) และจากการเดินตรวจสอบราคารถตู้ไปส่งสนามบิน ทุกร้านขายราคาเท่ากันหมด 150 บาทต่อคนนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องรถตู้วันกลับนะคะ เค้ามี Shuttle bus(รถตู้) ไปส่งทุกไฟล์ทบิน และมารับส่งที่โรงแรม นี้คือข้อดีของจังหวัดกระบี่ มีระบบขนส่งดีเยี่ยมมากกกกกก ก.ไก่ล้านตัว ประทับใจข้อนี้ของกระบี่มากค่ะ และจากที่เราเดินหาทัวร์ไปทั่ว ก็เจอพี่คนขายใจดีน่ารักเป็นกันเอง
ประทับใจร้านทัวร์ร้านนี้มากค่ะ เลยอุดหนุนทัวร์พีพีจากพี่สาวใจดี
ต่อจากได้ทัวร์แล้ว เราก็หาข้าวเย็นกินกัน เราได้พิซซ่าหน้าบาร์บีคิวไก่มาในราคา 150 บาท กินกันสองคน แต่ไม่ได้สั่งน้ำ เพราะเค้าไม่ได้ถาม 555 งงเหมือนกัน กินกันจนหมดแล้วยังไม่ได้กินน้ำเลย ที่อ่าวนางนี้อาหารเกือบทุกร้านจะเป็นแนวฮาลาลนะค่ะ คนชวนเข้าร้านแถวนี้น่ารักมาก จะคุยเป็นภาษาอังกฤษด้วยเหมือนรู้จักกันมานาน แต่คนเก็บตังนี้คนละคนนะจ๊ะ จะโหดนิดนึง ถ้าไม่ทิปนี้คงหน้าดู 55 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เข้าไปลองกินร้านเดียวจ้า
นั้นไงพิซซ่าถาดเดียวไม่อิ่มจ้า อาหารที่นี้ขายแพงมาก แต่โชคดีมีร้านราคามาตรฐานอยู่ หนีไม่พ้นเซเว่น และ Family mart น่าจะมีทุก 10-20 เมตร และด้วยความงก ไม่กล้ากินข้าวแกงเขียวหวาน 150 บาท เลยเข้าไปซื้อข้าวผัดเซเว่นมาอุ่นกินกัน ซื้อมานั่งกินที่ข้างชายหาด พร้อมชมพระอาทิตย์ตกดิน ก็ฟินกันไป
หลังจากนั้นเราเดินหาซื้อกระเป๋ากันน้ำ ก่อนมาเราค่อนข้างเป็นกังวลเรื่องเอาของติดตัวไปกลางทะเลด้วย แต่พอมาที่นี้ มีกระเป๋ากันน้ำขายแทบทุกร้าน ราคาก็ร้อยกว่าบาทขึ้นไป น่าจะเริ่มที่ 0.5 ลิตร ส่วนเราซื้อมา 3 ลิตร ในราคา 250 บาท เพราะใช้ด้วยกันสองคน หลังจากใช้แล้วไม่มีปัญหาเรื่องน้ำเข้านะค่ะ และที่อ่าวนางนี้มีของขายทุกอย่างเหมือนบ้านเราเลยค่ะ ราคาก็ไม่แพงมาก มีบีกินนี่ เสื้อสวยๆ ประมาน 200 บาท ถ้ารองเท้าใครพัง ที่นี้ก็มีรองเท้าแตะร้อยกว่าบาท กันแดด และเจลว่าหางจระเข้ มีครบเลยค่ะ
จากนั้นเราก็เดินกลับโรงแรมกันเพื่อพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เรามีทัวร์พีพีแต่เช้า ถ้าจำไม่ผิด นัดรถมารับที่โรงแรมประมาน 9.00 โมงเช้า มั้ง และเราต้องเผื่อเวลาอาบน้ำแต่งตัว กินข้าว เตรียมสัมภาระไปกลางทะเลอีกด้วย รีบนอนเลยจ้า
วันที่ 2
ตื่นมากินข้าวเช้า 8 โมง อาหารโรงแรมมีให้เลือกหลายแบบนะคะ มีข้าวผัด ข้าวต้ม แต่เลือกเป็น American breakfast เป็นแบบชุดอาหารนะค่ะ ไม่ใช้บุฟเฟ่ต์ เสริฟพร้อมน้ำผลไม้ ชา กาแฟ และผลไม้สดอีก 1จาน ไม่อิ่มมากไป กลัวไปปวดท้องเข้าห้องน้ำกลางทะเลค่ะ
จากนั้นรถมารับ 9 โมง เป็นรถกระบะเก่า ๆ ภายในตกแต่งน่ารัก มารับพร้อมลูกค้า ที่ไปรับตามโรงแรมมาเกือบครบละจ้า จากนั้นรับลูกค้าให้ครบทุกคน ก็จะพาเราไปส่งจุดจ่ายค่าอุทยาน และ แจก Wrist brand สำหรับใครใส่สีอะไรก็ต้องขึ้นเรือตามสีนั้น ส่วนทัวร์ที่เราเลือกคือ Speed boat ค่ะ
แต่ตอนเรารอเค้าเรียกขึ้นเรือ เราเห็นทุกคนมีซองกันน้ำใส่มือถือกัน แต่เราไม่มี และพกมือถือมาอีกด้วย ส่วนตัวเราพกเงินติดตัวมาแค่ 120 บาท ต่อรองร้านค้าที่เปิดอยู่แถวนั้น ได้มา 1 ถุง ถุงนี้ค่อนข้างปลอดภัย มีซีลกันสามชั้น เหมือนสำหรับใส่เล่นน้ำสงกรานต์ ใช้กันจนจบทริปเลยจ้า น้ำก็ไม่เข้าเลยสักนิด จากนั้นเค้าก็เรียกเราขึ้นเรือ เก็บรองเท้าของทุกคนใส่ถุงดำรวมกัน ถ่ายรูปให้ลูกค้า แล้วก็เดินทางกันเลยค่ะ
เกาะแรกที่เราไป คือเกาะไผ่ น้ำใสทะเลสวยมากกกกก น้ำค่อนข้างใสนะคะ ทรายนุ่มละมุนเท้า ตอนเห็นครั้งแรกนี้ ก็นึกว่าเป็นบุญอันประเสริฐของลูกแล้ว แต่ที่ได้ไปต่อจากนี้ ก็ยิ่งสวยขึ้นไปเรื่อย ๆ ค่ะ อ๋อแล้วที่สำคัญ ไม่ต้องกลัวปวดหนักปวดเบา เพราะทุกเกาะเค้ามีห้องน้ำให้เข้าฟรีนะค่ะ และไม่ต้องอายที่จะใส่บิกินี่ เพราะบนเกาะมีแต่ฝรั่ง และคนจีน แทบไม่มีใครไม่ใส่ ตั้งแต่เด็กยันรุ่นคุณยายกันเลยจ้า แต่เราก็ไม่ใส่นะ 555
ต่อจากเกาะไผ่ ไกด์ก็พาเราไปเกาะพีพีเล จะมีอ่าวมาหยา น้ำทะเลจะสวยขึ้นไปเรื่อย ๆ สีฟ้าตามรูปด้านล่างเลยจ้า เราว่าจุดที่ ถ่ายรูปสวยที่สุด น่าจะเป็นหัวเรือ เราต้องต่อคิวถ่ายรูป ถ่ายได้แปปเดียวนะค่ะ เพราะเค้าจะไม่ให้จอดเรือใกล้ชายฝั่งนาน และพอลงจากเรือมาที่หาดทราย จุดที่คนนิยมถ่ายคู่ด้วยก็คงจะเป็นป้ายของชายหาด แต่คนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าป้ายนี้มีสองด้าน ไกด์น่ารักมากและเป็นกันเอง พาเราแค่สองคนในทริปนี้ เดินไปที่ด้านหลังป้าย พร้อมถ่ายรูปให้ อาจเพราะลงเรือคนสุดท้าย ถ้าถ่ายจากหลังป้าย จะเห็นน้ำทะเล และภูเขาสวยกว่านะคะ และไม่ต้องแย่งพื้นที่กับคนอื่นด้วยจ้า ส่วนน้ำทะเลอ่าวมาหยานี้ ก็เป็นสีฟ้าค่ะ แต่เป็นสีฟ้าที่สวยมากกกกก ไม่เคยเห็นมาก่อน และหาดทรายก็นุ่มละมุนสุด ๆ