สวัสดีค่ะ วันนี้มีโอกาสได้มาเล่าถึงประสบการณ์การสัมภาษณ์วีซ่าอเมกาครั้งแรก เป็นวีซ่าท่องเที่ยว B1/B2 ค่ะ ทั้งตื่นเต้นทั้งกังวลผสมกันไปหมด ขั้นตอนเหมือนจะเยอะยุ่งยากนะคะ แต่พอศึกษาจริงๆ อ่านทวนซ้ำๆ ก็ทำตามลำดับที่เค้าระบุไว้ให้เลยค่ะ
เรามีแฟนเป็นคนอเมริกัน คบกันได้ซักพักเค้าเลยอยากชวนเราไปเที่ยวที่บ้าน ไปดูว่าชีวิตที่ผ่านมาเค้าเป็นยังไง พอเท่านั้นแหละหาข้อมูลทางอินเตอร์เลยจ้า เราเสิร์ชคำว่า 'วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา' ก็มีหลายกระทู้ที่แนะนำดีมากๆค่ะ รายละเอียดยิบทุกขั้นตอน รู้สึกเห้ยย... เราจะได้ไปเที่ยวแล้วยังไงยังงั้นแหละ แต่พออ่านเข้าเยอะๆ กลายเป็นว่า อ่าว! คนที่รู้จักกับคนที่อเมริกา ส่วนใหญ่จะไม่ผ่าน... เอ้าาาทำไงละทีนี้ เราเลยไปปรึกษากับแฟน เธอๆ เราไม่ไปละม้ะ เสียดายตังค์อะ ส่วนใหญ่ไม่ผ่านกันอะ โดยเฉพาะที่รู้จักกับคนที่นู่น (ก็จริงอะ อ่านไปสิบกระทู้ มีซัก 1-2 คนที่บอกว่าผ่าน เห้ยยยังไงดีแกรร) แฟนเลยบอกก็ลองทำตามที่เรามีที่เราทำได้ (หืมแกรร จะดีเหรอ ตั้งห้าพันกว่า เอาไปเที่ยวในไทยก็พอละมั้งงงง สนุกเหมือนกัน) แต่ละคนก็มีเคสต่างกัน เราเลยโอเค ทำก็ทำ ไม่ผ่านก็เสียแค่ค่าธรรมเนียม แต่ผ่านนี่เสียอีกตั้งเยอะแน่ะ อย่างงั้นก็ได้ เลยอ่านกระทู้ศึกษาข้อมูลต่อไป อ่านไปก็ท้อไป เห้อออ...
ต่อมาเราเลยเสิร์ชคำว่า "วีซ่าท่องเที่ยว แฟนอเมริกัน".. เธอขาา... อ่านสิบกระทู้ ก็ไม่ผ่านสิบกระทู้ (อันนี้พูดเปรียบเทียบนะคะ) กลับไปคุยกับแฟนอีกรอบ เธอออ ไม่มีกระทู้ไหนบอกเลยว่าเค้าผ่านอะ เคสเดียวกับเราเลย,, มีแฟนฝรั่ง เลยแอบไปดูวีซ่าคู่หมั้นซึ่งค่าธรรมเนียมแพงกว่าเท่านึงได้มั้ง และใช้เวลานานกว่า จะไปอีก 4-5 เดือนนี้แล้ว เตรียมไม่ทันค่ะ และนางก็คะยั้นคะยอให้ทำวีซ่าท่องเที่ยวต่อไป (ก็ bet เอาแหละค่ะว่ามีเสียค่าธรรมเนียม กับเสียค่าตั๋วเครื่อง ซึ่งตั๋วเครื่องแพงกว่าค่าธรรมเนียมตั้งเกือบสิบเท่า T^T)
ก็เลยตั้งปณิทานไว้ว่า ถ้าชั้นผ่านวีซ่าครั้งนี้นะ ชั้นจะเขียนกระทู้ แล้วตั้งชื่อว่า 'วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา แฟนอเมริกัน'
เลยเป็นที่มาของกระทู้นี้ค่ะ..
ขั้นตอนก็ตามที่บอกกันในหลายๆกระทู้นะคะ อันนี้เป็นหนึ่งในกระทู้ที่ขั้นตอนอ่านเข้าใจง่ายมาก
https://pantip.com/topic/35021980 (ขอบคุณมากค่ะ)
ส่วนกรณีของเรานั้นก็คือ
1. เรียน ป.โท จบคอร์สเวิร์คแล้ว เหลือทำตัวจบอย่างเดียว
2. ไม่มีงานทำค่ะ เลยเขียนใน application ให้แม่เป็นสปอนเซอร์ (เป็นข้าราชการเกษียณปีนี้ค่ะ)
3. แฟนอเมริกา (ตรงนี้แหละที่กลัวมากกกกก) แต่เค้าทำงานอยู่มาเลเซีย (เป็นโครงการของรัฐบาลอเมริกา)
เอกสารที่ใช้ประกอบการสัมภาษณ์
1. ใบนัดสัมภาษณ์ ใช้ตอนเช็คชื่อเข้าประตู
2. แบบบฟอร์ม DS-160
3. รูปถ่าย 2*2 นิ้ว 1 ใบ
4. หลักฐานการจ่ายค่าธรรมเนียม
5. passport
ข้างบนนี้ใช้ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง แล้วก็ไปรอคิวได้ค่ะ
พอเจ้าหน้าตรวจสอบเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็รอคิวเข้าไปเช็คข้อมูลกับเจ้าหน้าที่อีกท่านนึง (ซึ่งยังไม่ใช่การสัมภาษณ์จริง) ทุกคนยิ้มแย้มคะ ไม่โหดเหมือนย่างที่คิดไว้ บรรยากาศก็ฝนตกหนัก 5555 หนาวๆสั่นๆ และก็ง่วงนอนมากกก เลยหายตื่นเต้นไปเลย
เจ้าหน้าที่เช็คข้อมูลก็สอบถามเบื้องต้นว่าเราไปที่ไหน
เจ้าหน้าที่ : ไปที่ไหนคะ
เรา : ไปเที่ยวที่ Washington D.C ค่ะ แล้วก็ไป West Virginia (สิ่งที่จะพูดลืมหมด จำได้แค่นี้จริงๆ)
เจ้าหน้าที่ : ไปกับใครคะ มีเพื่อนอยู่ที่นู่นเหรอ
เรา : ไม่มีค่ะ แต่ไปกับแฟนเป็นคนอเมริกัน แต่ตอนนีเค้าสอนอยู่มาเล จะหมดสัญญาเดือนตุลา เลยชวนไปเที่ยวด้วยค่ะ
(ตรงนี้เหมือนการซ้อมสัมภาษณ์กับท่านทูต ซึ่งเค้าไม่ได้ยืนยันนะคะ ว่าผ่านไม่ผ่าน)
แล้วก็กลับมานั่งรอการสัมภาษณ์จริงๆ กับท่านทูต
68 ค่ะ .... (เราเองงง เย้ๆ กำลังจะแอบงีบ)
เข้าไปนั่งรอในห้อง ซึ่งมีสามตู้ แต่มีตู้เดียวที่สัมภาษณ์ และก็กำลังสัมภาษณ์อยู่ ตอนนั้นใจสั่นมากกๆๆๆๆ แต่ก็มาถึงจุดนี้ละ พกความมั่นใจไว้เกินร้อยค่ะ
รู้อย่างเดียวตอนนั้นว่าต้องมั่นใจ และตอบตามความจริงไม่โกหก
ท่านทูต : ทำไมคุณถึงอยากไปอเมริกาคะ
เรา : อยากไปเที่ยวค่ะ
ท่านทูต : ไปกับใครคะ
เรา : แฟนค่ะ
ท่านทูต : แล้วแฟนมีวีซ่าแล้วเหรอคะ
เรา : เค้าเป็นคนอเมริกันค่ะ แต่! ตอนนี้เค้าสอนอยู่ที่มาเล กับสัญญาของโครงการรัฐบาล (บอกชื่อไป) หมดสัญญาปลายเดือนตุลา เลยจะกลับไปเยี่ยมญาติ แล้วเค้าก็จะกลับมาทำงานที่ไทยค่ะ
ท่านทูต : (ยิ้มๆ ตั้งแต่เราบอกว่า แต่..) รู้จักกันเมื่อไรคะ
เรา : ตุลาปีที่แล้วค่ะ
ท่านทูต : (พิมพ์ๆๆ อยู่หน้าจอ) แล้วตอนเราทำอะไรอยู่ค่ะ ..อ่อเป็นนักศึกษา
เราก็พูดแทรก : เป็นนักศึกษาป.โทค่ะ ตอนนี้เรียนจบคอร์สเวิร์คแล้ว เหลือแต่ทำ independent study ซึ่ง! ต้องคุยกับอาจารย์อยู่ตลอดค่ะ
ท่านทูต: คิดว่าจะจบเมือไรคะ
เรา : มีนาปีหน้าค่ะ
ท่านทูต : กลับมาที่ไทยจะมาทำอะไรคะ
เรา : เรียนจบก็จะหางานทำที่เชียงใหม่ค่ะ (บอกตำแหน่งที่อยากทำ) ถ้าไม่มีก็หางานที่กรุงเทพค่ะ (บอกตำแหน่งที่อยากทำเช่นกัน ให้ดูว่ามีจุดหมาย)
ท่านทูต : .. เคยออกนอกประเทศหรือป่าวคะ
เรา : คะ เคยไปสิงคโปร์ ดูงาน ตอนต้นปี แล้วก็ไปเที่ยวมาเล ไปเยี่ยมเค้าอะค่ะ
ท่านทูต : Are you fluent in English?
เรา : (หัวเราะๆ เบา ม่ายยยย) I'm okay
ท่านทูต : Who is ...... .....? (เป็นพ่อแฟนซึ่งเราจะไปพักด้วย ประหยัดไปอีกเยอะ)
เรา : He is boyfriend's father.
... ทิ้งช่วงสิบวิ ท่านทูตก็พิมพ์ๆ แล้วบอกเราสแกนนิ้วอีกทีข้างขวา
ท่านทูต : Your visa approved
เรา : (ที่จริงได้ยินแต่คำว่า แอพพูพๆ ห้ะอะไรนะ) Thanks you (พร้อมกับยกมือไหว้ และยิ้มใหญ่ๆ)
เอกสารที่เตรียมมาไม่ได้ใช้เลยค่ะ เป็นปึก! ที่เตรียมซ้อมการตอบคำถามไว้ก็ตอบได้ไม่หมด คือที่เรากลัวคือ กลับมาไทยแน่มั้ย กับทำไมไม่ทำวีซ่าคู่หมั้นล่ะ ก็มีเหตุผลไว้ในใจนะคะ แต่เอกสารนี่ก็เตรียมเผื่อไว้แน่นมากค่ะ แฟนช่วยเตรียมเอกสาร แล้วก็กรอก application จะขอบคุณผ่านนี้ก็ไม่ได้ ภาษาไทยยังไม่แข็งแรง ก็ทำตามคำแนะนำที่เขียนในหลายๆกระทู้ แล้วก็เอามาดัดแปลงกับกรณีของเราค่ะ ขอบคุณทุกกระทู้มากๆค่ะ
ตอนนี้ก็ยังตื่นเต้นไม่หายว่าผ่านแล้ว เย้!! ตอนสัมภาษณ์พกความมั่นใจแบบเกินร้อย พูดจาฉะฉานค่ะ และที่สำคัญทำให้ถูกต้อง แล้วก็ทำตามความจริงค่ะ
ขอบคุณค่ะ
วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา แฟนอเมริกัน [2017]
เรามีแฟนเป็นคนอเมริกัน คบกันได้ซักพักเค้าเลยอยากชวนเราไปเที่ยวที่บ้าน ไปดูว่าชีวิตที่ผ่านมาเค้าเป็นยังไง พอเท่านั้นแหละหาข้อมูลทางอินเตอร์เลยจ้า เราเสิร์ชคำว่า 'วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา' ก็มีหลายกระทู้ที่แนะนำดีมากๆค่ะ รายละเอียดยิบทุกขั้นตอน รู้สึกเห้ยย... เราจะได้ไปเที่ยวแล้วยังไงยังงั้นแหละ แต่พออ่านเข้าเยอะๆ กลายเป็นว่า อ่าว! คนที่รู้จักกับคนที่อเมริกา ส่วนใหญ่จะไม่ผ่าน... เอ้าาาทำไงละทีนี้ เราเลยไปปรึกษากับแฟน เธอๆ เราไม่ไปละม้ะ เสียดายตังค์อะ ส่วนใหญ่ไม่ผ่านกันอะ โดยเฉพาะที่รู้จักกับคนที่นู่น (ก็จริงอะ อ่านไปสิบกระทู้ มีซัก 1-2 คนที่บอกว่าผ่าน เห้ยยยังไงดีแกรร) แฟนเลยบอกก็ลองทำตามที่เรามีที่เราทำได้ (หืมแกรร จะดีเหรอ ตั้งห้าพันกว่า เอาไปเที่ยวในไทยก็พอละมั้งงงง สนุกเหมือนกัน) แต่ละคนก็มีเคสต่างกัน เราเลยโอเค ทำก็ทำ ไม่ผ่านก็เสียแค่ค่าธรรมเนียม แต่ผ่านนี่เสียอีกตั้งเยอะแน่ะ อย่างงั้นก็ได้ เลยอ่านกระทู้ศึกษาข้อมูลต่อไป อ่านไปก็ท้อไป เห้อออ...
ต่อมาเราเลยเสิร์ชคำว่า "วีซ่าท่องเที่ยว แฟนอเมริกัน".. เธอขาา... อ่านสิบกระทู้ ก็ไม่ผ่านสิบกระทู้ (อันนี้พูดเปรียบเทียบนะคะ) กลับไปคุยกับแฟนอีกรอบ เธอออ ไม่มีกระทู้ไหนบอกเลยว่าเค้าผ่านอะ เคสเดียวกับเราเลย,, มีแฟนฝรั่ง เลยแอบไปดูวีซ่าคู่หมั้นซึ่งค่าธรรมเนียมแพงกว่าเท่านึงได้มั้ง และใช้เวลานานกว่า จะไปอีก 4-5 เดือนนี้แล้ว เตรียมไม่ทันค่ะ และนางก็คะยั้นคะยอให้ทำวีซ่าท่องเที่ยวต่อไป (ก็ bet เอาแหละค่ะว่ามีเสียค่าธรรมเนียม กับเสียค่าตั๋วเครื่อง ซึ่งตั๋วเครื่องแพงกว่าค่าธรรมเนียมตั้งเกือบสิบเท่า T^T)
ก็เลยตั้งปณิทานไว้ว่า ถ้าชั้นผ่านวีซ่าครั้งนี้นะ ชั้นจะเขียนกระทู้ แล้วตั้งชื่อว่า 'วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา แฟนอเมริกัน'
เลยเป็นที่มาของกระทู้นี้ค่ะ..
ขั้นตอนก็ตามที่บอกกันในหลายๆกระทู้นะคะ อันนี้เป็นหนึ่งในกระทู้ที่ขั้นตอนอ่านเข้าใจง่ายมาก https://pantip.com/topic/35021980 (ขอบคุณมากค่ะ)
ส่วนกรณีของเรานั้นก็คือ
1. เรียน ป.โท จบคอร์สเวิร์คแล้ว เหลือทำตัวจบอย่างเดียว
2. ไม่มีงานทำค่ะ เลยเขียนใน application ให้แม่เป็นสปอนเซอร์ (เป็นข้าราชการเกษียณปีนี้ค่ะ)
3. แฟนอเมริกา (ตรงนี้แหละที่กลัวมากกกกก) แต่เค้าทำงานอยู่มาเลเซีย (เป็นโครงการของรัฐบาลอเมริกา)
เอกสารที่ใช้ประกอบการสัมภาษณ์
1. ใบนัดสัมภาษณ์ ใช้ตอนเช็คชื่อเข้าประตู
2. แบบบฟอร์ม DS-160
3. รูปถ่าย 2*2 นิ้ว 1 ใบ
4. หลักฐานการจ่ายค่าธรรมเนียม
5. passport
ข้างบนนี้ใช้ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง แล้วก็ไปรอคิวได้ค่ะ
พอเจ้าหน้าตรวจสอบเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็รอคิวเข้าไปเช็คข้อมูลกับเจ้าหน้าที่อีกท่านนึง (ซึ่งยังไม่ใช่การสัมภาษณ์จริง) ทุกคนยิ้มแย้มคะ ไม่โหดเหมือนย่างที่คิดไว้ บรรยากาศก็ฝนตกหนัก 5555 หนาวๆสั่นๆ และก็ง่วงนอนมากกก เลยหายตื่นเต้นไปเลย
เจ้าหน้าที่เช็คข้อมูลก็สอบถามเบื้องต้นว่าเราไปที่ไหน
เจ้าหน้าที่ : ไปที่ไหนคะ
เรา : ไปเที่ยวที่ Washington D.C ค่ะ แล้วก็ไป West Virginia (สิ่งที่จะพูดลืมหมด จำได้แค่นี้จริงๆ)
เจ้าหน้าที่ : ไปกับใครคะ มีเพื่อนอยู่ที่นู่นเหรอ
เรา : ไม่มีค่ะ แต่ไปกับแฟนเป็นคนอเมริกัน แต่ตอนนีเค้าสอนอยู่มาเล จะหมดสัญญาเดือนตุลา เลยชวนไปเที่ยวด้วยค่ะ
(ตรงนี้เหมือนการซ้อมสัมภาษณ์กับท่านทูต ซึ่งเค้าไม่ได้ยืนยันนะคะ ว่าผ่านไม่ผ่าน)
แล้วก็กลับมานั่งรอการสัมภาษณ์จริงๆ กับท่านทูต
68 ค่ะ .... (เราเองงง เย้ๆ กำลังจะแอบงีบ)
เข้าไปนั่งรอในห้อง ซึ่งมีสามตู้ แต่มีตู้เดียวที่สัมภาษณ์ และก็กำลังสัมภาษณ์อยู่ ตอนนั้นใจสั่นมากกๆๆๆๆ แต่ก็มาถึงจุดนี้ละ พกความมั่นใจไว้เกินร้อยค่ะ
รู้อย่างเดียวตอนนั้นว่าต้องมั่นใจ และตอบตามความจริงไม่โกหก
ท่านทูต : ทำไมคุณถึงอยากไปอเมริกาคะ
เรา : อยากไปเที่ยวค่ะ
ท่านทูต : ไปกับใครคะ
เรา : แฟนค่ะ
ท่านทูต : แล้วแฟนมีวีซ่าแล้วเหรอคะ
เรา : เค้าเป็นคนอเมริกันค่ะ แต่! ตอนนี้เค้าสอนอยู่ที่มาเล กับสัญญาของโครงการรัฐบาล (บอกชื่อไป) หมดสัญญาปลายเดือนตุลา เลยจะกลับไปเยี่ยมญาติ แล้วเค้าก็จะกลับมาทำงานที่ไทยค่ะ
ท่านทูต : (ยิ้มๆ ตั้งแต่เราบอกว่า แต่..) รู้จักกันเมื่อไรคะ
เรา : ตุลาปีที่แล้วค่ะ
ท่านทูต : (พิมพ์ๆๆ อยู่หน้าจอ) แล้วตอนเราทำอะไรอยู่ค่ะ ..อ่อเป็นนักศึกษา
เราก็พูดแทรก : เป็นนักศึกษาป.โทค่ะ ตอนนี้เรียนจบคอร์สเวิร์คแล้ว เหลือแต่ทำ independent study ซึ่ง! ต้องคุยกับอาจารย์อยู่ตลอดค่ะ
ท่านทูต: คิดว่าจะจบเมือไรคะ
เรา : มีนาปีหน้าค่ะ
ท่านทูต : กลับมาที่ไทยจะมาทำอะไรคะ
เรา : เรียนจบก็จะหางานทำที่เชียงใหม่ค่ะ (บอกตำแหน่งที่อยากทำ) ถ้าไม่มีก็หางานที่กรุงเทพค่ะ (บอกตำแหน่งที่อยากทำเช่นกัน ให้ดูว่ามีจุดหมาย)
ท่านทูต : .. เคยออกนอกประเทศหรือป่าวคะ
เรา : คะ เคยไปสิงคโปร์ ดูงาน ตอนต้นปี แล้วก็ไปเที่ยวมาเล ไปเยี่ยมเค้าอะค่ะ
ท่านทูต : Are you fluent in English?
เรา : (หัวเราะๆ เบา ม่ายยยย) I'm okay
ท่านทูต : Who is ...... .....? (เป็นพ่อแฟนซึ่งเราจะไปพักด้วย ประหยัดไปอีกเยอะ)
เรา : He is boyfriend's father.
... ทิ้งช่วงสิบวิ ท่านทูตก็พิมพ์ๆ แล้วบอกเราสแกนนิ้วอีกทีข้างขวา
ท่านทูต : Your visa approved
เรา : (ที่จริงได้ยินแต่คำว่า แอพพูพๆ ห้ะอะไรนะ) Thanks you (พร้อมกับยกมือไหว้ และยิ้มใหญ่ๆ)
เอกสารที่เตรียมมาไม่ได้ใช้เลยค่ะ เป็นปึก! ที่เตรียมซ้อมการตอบคำถามไว้ก็ตอบได้ไม่หมด คือที่เรากลัวคือ กลับมาไทยแน่มั้ย กับทำไมไม่ทำวีซ่าคู่หมั้นล่ะ ก็มีเหตุผลไว้ในใจนะคะ แต่เอกสารนี่ก็เตรียมเผื่อไว้แน่นมากค่ะ แฟนช่วยเตรียมเอกสาร แล้วก็กรอก application จะขอบคุณผ่านนี้ก็ไม่ได้ ภาษาไทยยังไม่แข็งแรง ก็ทำตามคำแนะนำที่เขียนในหลายๆกระทู้ แล้วก็เอามาดัดแปลงกับกรณีของเราค่ะ ขอบคุณทุกกระทู้มากๆค่ะ
ตอนนี้ก็ยังตื่นเต้นไม่หายว่าผ่านแล้ว เย้!! ตอนสัมภาษณ์พกความมั่นใจแบบเกินร้อย พูดจาฉะฉานค่ะ และที่สำคัญทำให้ถูกต้อง แล้วก็ทำตามความจริงค่ะ
ขอบคุณค่ะ