**บางคนอาจคิดว่าเมืองนี้เป็นเมืองธรรมดาของนักท่องเที่ยวทั่วๆไปที่สักวันต้องไปสักครั้ง แล้วก็แค่นั้น แต่สำหรับเราเมืองนี้มีเพื่อน มีชีวิตชีวา มีงานศิลปะ และมีอ.ศิลป์ พีระศรีที่เราเคารพ, แต่ละคนก็มีสไตล์การท่องเที่ยวต่างๆกัน สำหรับเราชอบพูดคุยกับผู้คน ชอบซึมซับบรรยากาศ ดังนั้นหลายเมืองที่เราพักอยู่ยาวนาน และไปหลายครั้งมาก และสำหรับเรา 4 ปี ฟิเรนเซ่และทัสคานี่เป็นเหมือนเพื่อนที่รักและคุ้นเคย แค่มองตากันเฉยๆโดยไม่ต้องเอ่ยคำก็มีความสุขแล้ว ......
** อยากบันทึกความทรงจำนี้ไว้ และถ้าหากใครยังไม่เคยไปและมีโปรแกรมที่จะไป ลองดู What to do in Florence ฉบับนี้ไว้เล่นๆก็ได้ค่ะ ที่จริงมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้เขียนไว้ เช่น ลูบจมูกหมูป่า หรือเดินตลาดเครื่องหนัง รวมถึงช้อปปิ้งที่ outlet แต่เป็นที่ๆเราไม่ได้โปรดเท่าไรเลยตัดออกไป
อะไรอย่างที่ 1 ไปถึงก่อนต้องทำเป้นอันดับแรก กินเจลาโต้ อิตาเลี่ยนเจลาโต้อร่อยที่สุด
อย่างที่ 2 ไปเยี่ยมเยียนม้าหมุนที่กลางเมือง Piazza dells Republica
อย่างที่ 3 นั่งรถกินลมไปบน Piazzale Michelangelo
ที่นี่เหนื่อยๆมาหายเหนื่อยเลย นั่งฟินได้ทั้งวัน เดินไปโบสถ์ก็สวยกว่าตรงเดวิดตัวเขียวอีกนะ
อย่างที่ 4 หายเหนื่อยแล้วไปตลาดตรง San Lorenzo กัน หาของกินสดใหม่ ตอนกลางคืนข้างบนมีเปิดเหมือนผับด้วยนะ นั่งดริ้งเบาๆ
อย่างที่ 5 เริ่มเช้าวันใหม่อีกวันด้วยวันของมิวเซียมแห่งนี้ Uffizi Gallery เดินกันก็เกือบวันเต็มๆแล้วค่ะ ชะโงกทัวร์อย่าได้เข้า
อย่างที่ 6 ต่อด้วยเดินเล่น Ponte Vecchio ก็เฉยๆนะกับสะพาน แต่มันสะดวกดีเมื่อเดินมาจาก Uffizi เพื่อจะไปยัง Palazzo Pitti
แต่เอาเถอะ บรรยากาศริมน้ำ อาร์โน ก็ช่างแสนสบาย ทักทายเหล่าศิลปินวาดรูปกันข้างถนนด้วยรอยยิ้มสาวไทย
อย่างที่ 7 มาออกกำลังกับสวน Boboli กว่า 45000 sqm. ของตระกูล Medici เล่นซ่อนแอบกับประติมากรรมงดงามที่จัดวางอย่างลงตัว แค่นี้ก็เหนื่อยจนหลับสบายไปอีกคืน
อย่างที่ 8 เริ่มต้นวันใหม่ๆด้วยการเดินทางไปเมืองในทัสคานี่กันบ้าง มีอีกหลายเมืองที่ให้เดินเที่ยวชมความแตกต่างอย่างน่ารักของเมืองยุคกลางแถบนี้ คงต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะหมด เอาแค่อาทิตย์เดียวคงจะพอสักสามสี่เมืองนะคะ เราจะไปรถไฟกันค่ะ ได้ชมทิวทัศน์งดงามไปในตัว
ลองดู Pisa , Siena, Lucca, San gimignano กันในแผนเดินทางนะ
อย่างที่ 9 เริ่มอีกวันกับพระเอกในดวงใจ David ตัวเป็นๆแท้ๆที่ต้องตะลึงกับอัจฉริยะของ มิเคลันเจโล ที่ Accademia Gallery
อย่างที่ 10 ถ้ายังไม่เบื่อกัน เดินเล่นไป Santa Croce อีกสักหน่อยกับโบสถ์ Neo Gothic สีขาวสะอาดตากับ Dante ด้านหน้าและเคารพสุสานคนดังด้านใน
อย่างที่ 11 หากว่าเหนื่อยมาทั้งวันก็ช้อปปิ้งกันบ้าง เราขอซื้อ KIKO ไม่ได้ค่าโฆษณาอย่างใดแต่เราชอบเพราะไม่แพงและคุณภาพดีไปฝากใคร ใครก็รัก
เสร็จแล้วกลับไปนอนอย่างฝันดี
อย่างที่ 12 เช้าอันแจ่มใสเราต้องไปที่นี่ ศิษย์เก่า จิตรกรรมฯ ศิลปากร ต้องแวะไปเคารพท่าน ศ.ศิลป์ พีระศรี ที่สุสานของครอบครัวท่านในเมืองฟลอเร้นซ์สักครั้ง
อย่างที่ 13 กลับเข้าเมืองไปปีนหอระฆัง เพื่อไปพบภาพที่งดงามที่สุดของเมืองนี้ เหนื่อยนะคะแต่สุขใจ
อย่างที่ 14 ไม่เขียนถึงไม่ได้เพราะเราไปพักที่นี่ทุกครั้ง จนคุ้นเคยแล้ว ที่พักที่เราชอบมาก ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆเช่นเคย แต่อยากพูดถึง
อย่างสุดท้าย นั่งพักที่ระเบียงประติมากรรมอันงดงาม และแทนที่เราจะลูบจมูกหมูป่า เรากลับไปหาสัญลักษณ์ของเมือง Marzocco Lion เพื่อไปแตะลูกบอกแล้วภาวนาว่าเราจะกลับมาอีกครั้งและเป็นผลสำเร็จทุกที
Love you Firenze
[CR] What to do in Florence
** อยากบันทึกความทรงจำนี้ไว้ และถ้าหากใครยังไม่เคยไปและมีโปรแกรมที่จะไป ลองดู What to do in Florence ฉบับนี้ไว้เล่นๆก็ได้ค่ะ ที่จริงมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้เขียนไว้ เช่น ลูบจมูกหมูป่า หรือเดินตลาดเครื่องหนัง รวมถึงช้อปปิ้งที่ outlet แต่เป็นที่ๆเราไม่ได้โปรดเท่าไรเลยตัดออกไป
อะไรอย่างที่ 1 ไปถึงก่อนต้องทำเป้นอันดับแรก กินเจลาโต้ อิตาเลี่ยนเจลาโต้อร่อยที่สุด
อย่างที่ 2 ไปเยี่ยมเยียนม้าหมุนที่กลางเมือง Piazza dells Republica
อย่างที่ 3 นั่งรถกินลมไปบน Piazzale Michelangelo
ที่นี่เหนื่อยๆมาหายเหนื่อยเลย นั่งฟินได้ทั้งวัน เดินไปโบสถ์ก็สวยกว่าตรงเดวิดตัวเขียวอีกนะ
อย่างที่ 4 หายเหนื่อยแล้วไปตลาดตรง San Lorenzo กัน หาของกินสดใหม่ ตอนกลางคืนข้างบนมีเปิดเหมือนผับด้วยนะ นั่งดริ้งเบาๆ
อย่างที่ 5 เริ่มเช้าวันใหม่อีกวันด้วยวันของมิวเซียมแห่งนี้ Uffizi Gallery เดินกันก็เกือบวันเต็มๆแล้วค่ะ ชะโงกทัวร์อย่าได้เข้า
อย่างที่ 6 ต่อด้วยเดินเล่น Ponte Vecchio ก็เฉยๆนะกับสะพาน แต่มันสะดวกดีเมื่อเดินมาจาก Uffizi เพื่อจะไปยัง Palazzo Pitti
แต่เอาเถอะ บรรยากาศริมน้ำ อาร์โน ก็ช่างแสนสบาย ทักทายเหล่าศิลปินวาดรูปกันข้างถนนด้วยรอยยิ้มสาวไทย
อย่างที่ 7 มาออกกำลังกับสวน Boboli กว่า 45000 sqm. ของตระกูล Medici เล่นซ่อนแอบกับประติมากรรมงดงามที่จัดวางอย่างลงตัว แค่นี้ก็เหนื่อยจนหลับสบายไปอีกคืน
อย่างที่ 8 เริ่มต้นวันใหม่ๆด้วยการเดินทางไปเมืองในทัสคานี่กันบ้าง มีอีกหลายเมืองที่ให้เดินเที่ยวชมความแตกต่างอย่างน่ารักของเมืองยุคกลางแถบนี้ คงต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะหมด เอาแค่อาทิตย์เดียวคงจะพอสักสามสี่เมืองนะคะ เราจะไปรถไฟกันค่ะ ได้ชมทิวทัศน์งดงามไปในตัว
ลองดู Pisa , Siena, Lucca, San gimignano กันในแผนเดินทางนะ
อย่างที่ 9 เริ่มอีกวันกับพระเอกในดวงใจ David ตัวเป็นๆแท้ๆที่ต้องตะลึงกับอัจฉริยะของ มิเคลันเจโล ที่ Accademia Gallery
อย่างที่ 10 ถ้ายังไม่เบื่อกัน เดินเล่นไป Santa Croce อีกสักหน่อยกับโบสถ์ Neo Gothic สีขาวสะอาดตากับ Dante ด้านหน้าและเคารพสุสานคนดังด้านใน
อย่างที่ 11 หากว่าเหนื่อยมาทั้งวันก็ช้อปปิ้งกันบ้าง เราขอซื้อ KIKO ไม่ได้ค่าโฆษณาอย่างใดแต่เราชอบเพราะไม่แพงและคุณภาพดีไปฝากใคร ใครก็รัก
เสร็จแล้วกลับไปนอนอย่างฝันดี
อย่างที่ 12 เช้าอันแจ่มใสเราต้องไปที่นี่ ศิษย์เก่า จิตรกรรมฯ ศิลปากร ต้องแวะไปเคารพท่าน ศ.ศิลป์ พีระศรี ที่สุสานของครอบครัวท่านในเมืองฟลอเร้นซ์สักครั้ง
อย่างที่ 13 กลับเข้าเมืองไปปีนหอระฆัง เพื่อไปพบภาพที่งดงามที่สุดของเมืองนี้ เหนื่อยนะคะแต่สุขใจ
อย่างที่ 14 ไม่เขียนถึงไม่ได้เพราะเราไปพักที่นี่ทุกครั้ง จนคุ้นเคยแล้ว ที่พักที่เราชอบมาก ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆเช่นเคย แต่อยากพูดถึง
อย่างสุดท้าย นั่งพักที่ระเบียงประติมากรรมอันงดงาม และแทนที่เราจะลูบจมูกหมูป่า เรากลับไปหาสัญลักษณ์ของเมือง Marzocco Lion เพื่อไปแตะลูกบอกแล้วภาวนาว่าเราจะกลับมาอีกครั้งและเป็นผลสำเร็จทุกที
Love you Firenze