สวัสดีครับทุกท่าน เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 09/08/2017 ผมคิดสั้นฆ่าตัวตายครับ ขอไม่เล่าถึงกระบวนการเพราะอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เนื่องจากกระบวนการนั้นซับซ้อน หมอที่ผมไปรักษายังตกใจว่าคิดได้ยังไง เพราะถ้าสำเร็จคือผมไม่รอดแน่ๆ
วันที่ 14/08/2017 หลังจากผมรอดกลับมามีชีวิตต่อได้ แฟนเก่าซึ่งไม่ได้ติดต่อกันมาประมาณ 2 ปี โทรมาหาโดยถามว่าผมทำอะไรเกี่ยวกับชีวิตไหม หรือมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นไหม ผมก็ยังไม่บอกอะไรไป ด้วยความสงสัยเลยย้อนถามทำไมถึงถามแบบนั้น เค้าเล่าให้ฟังว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (ช่วงเวลาที่ผมทำการฆ่าตัวตาย) เค้าได้ยินเสียงผมก้องอยู่ในหัวเค้าตลอดเวลา เค้าบอกว่าเสียงใช่ผมแน่นอน แต่น้ำเสียงเศร้า โหยหวน จนเค้ารู้สึกแย่ สุดท้ายเลยต้องโทรมาหา และดีใจที่ผมเป็นคนรับสายเพราะถ้าเป็นคนอื่นรับสายนั่นหมายถึง ผมต้องไม่หายใจแน่นอน ด้วยความที่คบกันมา 4 ปี เค้าพอจะรู้นิสัยว่าผมเป็นคนทำจริง
ผมจึงบอกความจริงไปว่าผมเพิ่งทำการฆ่าตัวตายและทำการรักษาตัวอยู่ ในช่วงเวลานั้น เค้ากำลังลางานเพื่อศึกษาต่อติดยศร้อยโท เราสองคนไม่มีเฟสบุ๊คของกันและกัน ไลน์มีเพราะตอนคบกันคุยกัน ไลน์บนไอแพด ซึงพอเครื่องเสียผมก็ไม่ได้ซื้อใหม่ ไอแพดพังไป 2 เดือนแล้ว แน่นอนเค้าไม่รู้เรื่องรามผมเลยว่า 2 ปีที่ไม่ได้คุยหรือเจอหน้ากัน ผมมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ดีร้ายยังไง
เราทั้งสองคนไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์ โดยเฉพาะเค้าเป็นบุคลากรทางการแพทย์จึงไม่เชื่อสิ่งลี้ลับ ตัวผมก็คิดเสมอวิญญาณคือจิตปรุงแต่ง แต่การที่เค้าได้ยินเสียงผมเรียกหาเค้า ในช่วงเวลาที่คิดสั้นฆ่าตัวตายนั้นเกิดจากอะไร จริงหรือที่เมื่อคนจะตายจิตจะมุ่งไปหาคนรักหรือคนสนิท (ผมฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังจากความรัก แต่ไม่ใช่เค้า) ทำไมเค้าถึงสื่อความรู้สึกถึงผมได้ ส่วนตัวผมเองนั้นช่วงที่เศร้าก็คิดจะโทรหาเค้าแต่อีกใจก็คิดว่าไม่ควรเพราะไม่ได้สนิทกันแล้ว
ทุกท่านพอจะมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์อธิบายสิ่งเหล่านี้ได้ไหมครับ ผมไม่อยากคิดว่าเป็นเรื่องของจิตวิญญาณเท่านั้น ทุกอย่างบนโลกมีสองด้าน ตอนนี้ผมคิดแต่เรื่องสิ่งลี้ลับ แต่อยากได้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาเป็นฐานข้อมุลกับตัวเองเพิ่มเติม
** ทิ้งท้ายเป็นข้อมูลครับ ตอนนี้ผมไปหาหมอเพื่อรักษาโรคที่คนเรียกว่า "โรคซึมเศร้า" (ส่วนตัวผมไม่ได้คิดว่าป่วยโรคนี้เพียงหาเหตุผลในการหายใจต่อไปบนโลกไม่ได้ถ้าขาดคนรักคนนั้น) เพราะผมเคยทำการฆ่าตัวตาย 3 ครั้งแล้ว ซึ่งแต่ละครั้งช่วงเวลาห่างกันหลายปี และกระบวนการคิดเริ่มซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากคิดอย่างเดียวถ้าทำต้องสำเร็จ (วิธีการแปลกขึ้น น่ากลัวขึ้น) สิ่งที่ต้องแก้ไขคือ ความคิดด้านลบในจิตใจ แฟนเก่าบอกว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความคิดลบ จงบอกกับตัวเองว่า ฉันต้องชนะ และอยู่มีชีวิตด้วยความคิดบวกให้ได้"
คุณหมอก็ให้ความเห็นว่าผมมีความคิดที่แปลกไม่เหมือนคนอื่น คือกระบวนการทำให้ตายนั้นซ้ำซ้อนโดยทั่วไปคนฆ่าตัวตายคือการคิดสั้น โดดตึก ผูกคอ รถชน ว่ากันไป แต่ผมกลับมีวิธีคิดที่แหวกแนวและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามีเหตุเกิดขั้นครั้งที่สี่ ผมอาจทำสำเร็จ (ส่วนตัวผมยอมรับว่า คนทุกคนกลัวตาย เมื่อกระทำ ณ เวลานั้นเป็นเรื่องอารมณ์ชั่ววูบจริงๆ เพียงแต่ใครจะวูบนานแค่ไหน วูบสั้นก็หยุด วูบยาวก็ตาย หมอบอกผมระยะกลางๆ 555+ คือ กระทำการแล้วแต่ไม่สำเร็จเพราะขั้นตอนซับซ้อน) หมอบอกว่าถ้าเป็นคนอื่นคงต้อง ER เพื่อนอนดูอาการ แต่ผมยังรู้ตัวและขับรถมาเองเพื่ออยากรักษาตัว ง่ายๆ กลัวตายนั่นแหละ จึงเป็นการทานยา ควบคู่กับการพบ สหวิชาชีพ เพื่อพูดคุยและหาทางแก้ไข **
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านครับ
วันที่ผมคิดค่าตัวตาย แฟนเก่าบอกว่าได้ยินเสียงเราเรียกหาเค้า อยากได้ข้อมูลวิทยาศาสตร์มาลบล้างความคิดด้านไสยศาสตร์
วันที่ 14/08/2017 หลังจากผมรอดกลับมามีชีวิตต่อได้ แฟนเก่าซึ่งไม่ได้ติดต่อกันมาประมาณ 2 ปี โทรมาหาโดยถามว่าผมทำอะไรเกี่ยวกับชีวิตไหม หรือมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นไหม ผมก็ยังไม่บอกอะไรไป ด้วยความสงสัยเลยย้อนถามทำไมถึงถามแบบนั้น เค้าเล่าให้ฟังว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (ช่วงเวลาที่ผมทำการฆ่าตัวตาย) เค้าได้ยินเสียงผมก้องอยู่ในหัวเค้าตลอดเวลา เค้าบอกว่าเสียงใช่ผมแน่นอน แต่น้ำเสียงเศร้า โหยหวน จนเค้ารู้สึกแย่ สุดท้ายเลยต้องโทรมาหา และดีใจที่ผมเป็นคนรับสายเพราะถ้าเป็นคนอื่นรับสายนั่นหมายถึง ผมต้องไม่หายใจแน่นอน ด้วยความที่คบกันมา 4 ปี เค้าพอจะรู้นิสัยว่าผมเป็นคนทำจริง
ผมจึงบอกความจริงไปว่าผมเพิ่งทำการฆ่าตัวตายและทำการรักษาตัวอยู่ ในช่วงเวลานั้น เค้ากำลังลางานเพื่อศึกษาต่อติดยศร้อยโท เราสองคนไม่มีเฟสบุ๊คของกันและกัน ไลน์มีเพราะตอนคบกันคุยกัน ไลน์บนไอแพด ซึงพอเครื่องเสียผมก็ไม่ได้ซื้อใหม่ ไอแพดพังไป 2 เดือนแล้ว แน่นอนเค้าไม่รู้เรื่องรามผมเลยว่า 2 ปีที่ไม่ได้คุยหรือเจอหน้ากัน ผมมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ดีร้ายยังไง
เราทั้งสองคนไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์ โดยเฉพาะเค้าเป็นบุคลากรทางการแพทย์จึงไม่เชื่อสิ่งลี้ลับ ตัวผมก็คิดเสมอวิญญาณคือจิตปรุงแต่ง แต่การที่เค้าได้ยินเสียงผมเรียกหาเค้า ในช่วงเวลาที่คิดสั้นฆ่าตัวตายนั้นเกิดจากอะไร จริงหรือที่เมื่อคนจะตายจิตจะมุ่งไปหาคนรักหรือคนสนิท (ผมฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังจากความรัก แต่ไม่ใช่เค้า) ทำไมเค้าถึงสื่อความรู้สึกถึงผมได้ ส่วนตัวผมเองนั้นช่วงที่เศร้าก็คิดจะโทรหาเค้าแต่อีกใจก็คิดว่าไม่ควรเพราะไม่ได้สนิทกันแล้ว
ทุกท่านพอจะมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์อธิบายสิ่งเหล่านี้ได้ไหมครับ ผมไม่อยากคิดว่าเป็นเรื่องของจิตวิญญาณเท่านั้น ทุกอย่างบนโลกมีสองด้าน ตอนนี้ผมคิดแต่เรื่องสิ่งลี้ลับ แต่อยากได้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาเป็นฐานข้อมุลกับตัวเองเพิ่มเติม
** ทิ้งท้ายเป็นข้อมูลครับ ตอนนี้ผมไปหาหมอเพื่อรักษาโรคที่คนเรียกว่า "โรคซึมเศร้า" (ส่วนตัวผมไม่ได้คิดว่าป่วยโรคนี้เพียงหาเหตุผลในการหายใจต่อไปบนโลกไม่ได้ถ้าขาดคนรักคนนั้น) เพราะผมเคยทำการฆ่าตัวตาย 3 ครั้งแล้ว ซึ่งแต่ละครั้งช่วงเวลาห่างกันหลายปี และกระบวนการคิดเริ่มซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากคิดอย่างเดียวถ้าทำต้องสำเร็จ (วิธีการแปลกขึ้น น่ากลัวขึ้น) สิ่งที่ต้องแก้ไขคือ ความคิดด้านลบในจิตใจ แฟนเก่าบอกว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความคิดลบ จงบอกกับตัวเองว่า ฉันต้องชนะ และอยู่มีชีวิตด้วยความคิดบวกให้ได้"
คุณหมอก็ให้ความเห็นว่าผมมีความคิดที่แปลกไม่เหมือนคนอื่น คือกระบวนการทำให้ตายนั้นซ้ำซ้อนโดยทั่วไปคนฆ่าตัวตายคือการคิดสั้น โดดตึก ผูกคอ รถชน ว่ากันไป แต่ผมกลับมีวิธีคิดที่แหวกแนวและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามีเหตุเกิดขั้นครั้งที่สี่ ผมอาจทำสำเร็จ (ส่วนตัวผมยอมรับว่า คนทุกคนกลัวตาย เมื่อกระทำ ณ เวลานั้นเป็นเรื่องอารมณ์ชั่ววูบจริงๆ เพียงแต่ใครจะวูบนานแค่ไหน วูบสั้นก็หยุด วูบยาวก็ตาย หมอบอกผมระยะกลางๆ 555+ คือ กระทำการแล้วแต่ไม่สำเร็จเพราะขั้นตอนซับซ้อน) หมอบอกว่าถ้าเป็นคนอื่นคงต้อง ER เพื่อนอนดูอาการ แต่ผมยังรู้ตัวและขับรถมาเองเพื่ออยากรักษาตัว ง่ายๆ กลัวตายนั่นแหละ จึงเป็นการทานยา ควบคู่กับการพบ สหวิชาชีพ เพื่อพูดคุยและหาทางแก้ไข **
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านครับ