หลังจากเกิดอุบัติเหตุเมื่อกลางเดือน พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมาก็ดำเนินการเอารถเข้าซ่อมกับอู่ในประกัน
โดนคู่กรณี มีประกันภัยชั้น 1 กรุงเทพประกันภัย ผมเป็นฝ่ายถูกและมีประกันชั้น 1 ของ AXA ครับ ก็เอาซ่อมใครซ่อมมันครับ ตามประกันที่ทำไว้
หลังจากผ่านไป 2 เดือนกว่า รวมรออะไหล่ + รวมซ่อมและแก้งาน ก็แล้วเสร็จ
เบ็ดเสร็จซ่อมไป 64 วัน
แต่ไม่ได้เหมือนเดิม
1.กระจังหน้ากลายเป็นรุ่นธรรมดา
2.กันแมลงหน้าไม่มีของแท้ละ มีแต่ของเทียบ
3.สติกเกอร์ที่หุ้มมา ไม่ได้
แต่จากการสอบถามประกัน AXA บอก ถ้าอู่เสนอมาก็อนุมัติให้ แต่อู่ไม่เสนอมาว่าเป็นตัวแต่งเลยไม่ทราบ เออก็ไม่รู้ละ ผิดที่อู่ / ประกัน
แต่ก็มี Shot ปัญหาคือ อู่เปลี่ยนแผงหม้อน้ำ + แผงแอร์ เป็นของเทียบให้ ดีที่ไปเจอตอนเข้าไปดูรถเรื่อยๆ เลยแจ้งว่าอ้าวทำไมเปลี่ยนเป็นเทียบ ของผมเดิมๆนี่แท้นะ
อู่แจ้งประกันคุมราคามาเทียบเลยเปลี่ยนเทียบ (ไม่รู้จริงหรือไม่จริง) เลยโทรหา โบรกเกอร์ ที่ทำประกันให้ไปจี้กับทางประกัน จนได้อะไหล่แท้มาทั้งคู่ รวมทั้ง ตัดหมอกตอนแรกเปลี่ยนก๊อปมาให้ ก็ได้ของแท้มาด้วย
อู่ก็งอแงว่า อะไหล่เทียบที่เอาใส่มา จะเอาไปใส่คันไหนต่อลำบาก ผมก็บอกไม่รู้อ่ะครับ น่าจะบอกกันก่อนว่าประกันคุมอะไหล่เทียบมา ผมจะได้ไปแจ้งประกันขอของแท้ ก็บอกแล้วมีปัญหาให้โทรมาก่อน สรุปตัดจบไป
มาถึงขั้นเรียกร้องค่าชดเชย ค่าเสียโอกาสจากการใช้รถ เอกสารก็ตามรูปครับ
ผมเน้นสำเนาส่ง คปภ ด้วย แต่จริงๆไม่ได้ส่งหรอก (มีเอกสารเตรียมส่งกรณียืดเยื้อ แต่สุดท้ายไม่ส่งครับ เพราะคุยกันจบง่ายๆ)
ส่วนค่าชดเชยก็เรียกไปตามนี้ครับ
เบ็ดเสร็จเรียกร้องไป 88,500 ในใจคิดว่าเอาวะ จบสัก 50,000 ก็เอาละ
ได้เอกสารครบก็ไปยื่นที่ สำนักงานกรุงเทพประกันภัย รอบแรกพนักงานคนแรกขอจบที่ 30,000 ผมบอกผมเช่ารถมาก็ไม่คุ้มละ แล้วผมก็ทำงานจริง เช่ารถตลอด เพราะทำงานเป็นดีเทลยา ต้องใช้รถทำงานทุกวัน
ผมเลยบอกขอมากกว่านี้ครับ พนักงานเลยถามพี่พอใจที่เท่าไหร่ ผมบอกถ้าสัก 50,000 ก็รับได้นะ ถือว่ายังดีกว่าไม่ได้เลย 30,000 รอบแรกน้อยไปจริงๆน้อง
พนักงานเลยบอก จะนำเอกสารเสนอผู้ที่มีอำนาจมากกว่าเขาต่อไปครับ แล้วก็ขอเอกสารเพิ่มเติม(บัตร ปชช ลืมแนบตอนแรก) ก็ให้ไป
สรุปจบได้ที่ 50,000 ครับ ถึงไม่เท่าที่เรียกไปแต่ก็ถือว่า จบง่ายครับ ดีกว่ายืดเยื้อ เลยตกลงรับที่เท่านี้ครับ
อีก 2 วันก็จะได้รับเงินโอนแล้วครับ (ผมแนบหน้า บัญชีธนาคารไป เพราะไวกว่าตั้งเรื่องเชคครับ พนักงานแจ้งว่าถ้าเชคจะช้ากว่าครับ)
สรุป ถ้าใครโดนคู่กรณีชน แล้วเป็นฝ่ายถูกเรียกร้องได้นะครับ
โดยเน้นคือ
1.ถ่ายรูปตอนเกิดเหตุไว้หลายๆมุม
2.ในใบเครมให้ระบุชัดเจนใครผิด ใครถูก ถ้าไม่ชัดเจน ไม่มีใครยอมรับผิด เรียกร้องไม่ได้นะครับ
3.เตรียมเอกสารให้ครบ ถ้ามีใบเสร็จถูกต้องจะดีสุดครับ ค่ารถแท๊กซี่ไรเงี้ย ไม่มีใบเสร็จเรียกร้องลำบาก ผมแนะนำให้เช่ารถไปเลย จะได้มีใบเสร็จถูกต้อง
4.เมื่อรถเสร็จแล้ว เอกสารครบ ไปที่สำนักงานของประกันเลยครับ คุยดีๆ เราคุยดีๆเขาก็ดีตอบครับ ประกันเขารู้อยู่แล้วครับว่าเราลำบาก แต่ก็ต่อรองพอหอมปากหอมคอ ควรมีในใจครับว่าพร้อมจบที่เท่าไหร่ จะได้จบไวๆไม่เสียเวลาหลายรอบครับ
5.รอรับเงินครับ
จบแล้วครับ ยังไงท้ายนี้ขอชมเชย กรุงเทพประกันภัย ว่าดำเนินการได้รวดเร็วครับ และเข้าใจผู้เสียผลประโยชน์ดีครับ มีโอกาสจะเป็นลูกค้านะครับ
ขอบคุณที่ตามอ่านจนถึงตอนนี้ครับ
==> แชร์ได้ถ้าคิดว่ามีประโยชน์
==> กด + ได้ถ้าคิดว่าดีครับ
ขอบคุณครับ
ได้แล้วครับ ค่าชดเชยเสียโอกาสจากการใช้รถ จากการเป็นฝ่ายถูกโดนคู่กรณีชน
โดนคู่กรณี มีประกันภัยชั้น 1 กรุงเทพประกันภัย ผมเป็นฝ่ายถูกและมีประกันชั้น 1 ของ AXA ครับ ก็เอาซ่อมใครซ่อมมันครับ ตามประกันที่ทำไว้
หลังจากผ่านไป 2 เดือนกว่า รวมรออะไหล่ + รวมซ่อมและแก้งาน ก็แล้วเสร็จ
เบ็ดเสร็จซ่อมไป 64 วัน
แต่ไม่ได้เหมือนเดิม
1.กระจังหน้ากลายเป็นรุ่นธรรมดา
2.กันแมลงหน้าไม่มีของแท้ละ มีแต่ของเทียบ
3.สติกเกอร์ที่หุ้มมา ไม่ได้
แต่จากการสอบถามประกัน AXA บอก ถ้าอู่เสนอมาก็อนุมัติให้ แต่อู่ไม่เสนอมาว่าเป็นตัวแต่งเลยไม่ทราบ เออก็ไม่รู้ละ ผิดที่อู่ / ประกัน
แต่ก็มี Shot ปัญหาคือ อู่เปลี่ยนแผงหม้อน้ำ + แผงแอร์ เป็นของเทียบให้ ดีที่ไปเจอตอนเข้าไปดูรถเรื่อยๆ เลยแจ้งว่าอ้าวทำไมเปลี่ยนเป็นเทียบ ของผมเดิมๆนี่แท้นะ
อู่แจ้งประกันคุมราคามาเทียบเลยเปลี่ยนเทียบ (ไม่รู้จริงหรือไม่จริง) เลยโทรหา โบรกเกอร์ ที่ทำประกันให้ไปจี้กับทางประกัน จนได้อะไหล่แท้มาทั้งคู่ รวมทั้ง ตัดหมอกตอนแรกเปลี่ยนก๊อปมาให้ ก็ได้ของแท้มาด้วย
อู่ก็งอแงว่า อะไหล่เทียบที่เอาใส่มา จะเอาไปใส่คันไหนต่อลำบาก ผมก็บอกไม่รู้อ่ะครับ น่าจะบอกกันก่อนว่าประกันคุมอะไหล่เทียบมา ผมจะได้ไปแจ้งประกันขอของแท้ ก็บอกแล้วมีปัญหาให้โทรมาก่อน สรุปตัดจบไป
มาถึงขั้นเรียกร้องค่าชดเชย ค่าเสียโอกาสจากการใช้รถ เอกสารก็ตามรูปครับ
ผมเน้นสำเนาส่ง คปภ ด้วย แต่จริงๆไม่ได้ส่งหรอก (มีเอกสารเตรียมส่งกรณียืดเยื้อ แต่สุดท้ายไม่ส่งครับ เพราะคุยกันจบง่ายๆ)
ส่วนค่าชดเชยก็เรียกไปตามนี้ครับ
เบ็ดเสร็จเรียกร้องไป 88,500 ในใจคิดว่าเอาวะ จบสัก 50,000 ก็เอาละ
ได้เอกสารครบก็ไปยื่นที่ สำนักงานกรุงเทพประกันภัย รอบแรกพนักงานคนแรกขอจบที่ 30,000 ผมบอกผมเช่ารถมาก็ไม่คุ้มละ แล้วผมก็ทำงานจริง เช่ารถตลอด เพราะทำงานเป็นดีเทลยา ต้องใช้รถทำงานทุกวัน
ผมเลยบอกขอมากกว่านี้ครับ พนักงานเลยถามพี่พอใจที่เท่าไหร่ ผมบอกถ้าสัก 50,000 ก็รับได้นะ ถือว่ายังดีกว่าไม่ได้เลย 30,000 รอบแรกน้อยไปจริงๆน้อง
พนักงานเลยบอก จะนำเอกสารเสนอผู้ที่มีอำนาจมากกว่าเขาต่อไปครับ แล้วก็ขอเอกสารเพิ่มเติม(บัตร ปชช ลืมแนบตอนแรก) ก็ให้ไป
สรุปจบได้ที่ 50,000 ครับ ถึงไม่เท่าที่เรียกไปแต่ก็ถือว่า จบง่ายครับ ดีกว่ายืดเยื้อ เลยตกลงรับที่เท่านี้ครับ
อีก 2 วันก็จะได้รับเงินโอนแล้วครับ (ผมแนบหน้า บัญชีธนาคารไป เพราะไวกว่าตั้งเรื่องเชคครับ พนักงานแจ้งว่าถ้าเชคจะช้ากว่าครับ)
สรุป ถ้าใครโดนคู่กรณีชน แล้วเป็นฝ่ายถูกเรียกร้องได้นะครับ
โดยเน้นคือ
1.ถ่ายรูปตอนเกิดเหตุไว้หลายๆมุม
2.ในใบเครมให้ระบุชัดเจนใครผิด ใครถูก ถ้าไม่ชัดเจน ไม่มีใครยอมรับผิด เรียกร้องไม่ได้นะครับ
3.เตรียมเอกสารให้ครบ ถ้ามีใบเสร็จถูกต้องจะดีสุดครับ ค่ารถแท๊กซี่ไรเงี้ย ไม่มีใบเสร็จเรียกร้องลำบาก ผมแนะนำให้เช่ารถไปเลย จะได้มีใบเสร็จถูกต้อง
4.เมื่อรถเสร็จแล้ว เอกสารครบ ไปที่สำนักงานของประกันเลยครับ คุยดีๆ เราคุยดีๆเขาก็ดีตอบครับ ประกันเขารู้อยู่แล้วครับว่าเราลำบาก แต่ก็ต่อรองพอหอมปากหอมคอ ควรมีในใจครับว่าพร้อมจบที่เท่าไหร่ จะได้จบไวๆไม่เสียเวลาหลายรอบครับ
5.รอรับเงินครับ
จบแล้วครับ ยังไงท้ายนี้ขอชมเชย กรุงเทพประกันภัย ว่าดำเนินการได้รวดเร็วครับ และเข้าใจผู้เสียผลประโยชน์ดีครับ มีโอกาสจะเป็นลูกค้านะครับ
ขอบคุณที่ตามอ่านจนถึงตอนนี้ครับ
==> แชร์ได้ถ้าคิดว่ามีประโยชน์
==> กด + ได้ถ้าคิดว่าดีครับ
ขอบคุณครับ