"ความกลัวเกิดจากความไม่รู้"
"ความรู้ที่แท้จริงคือปราศจากการคาดเดา" ยกตัวอย่างเช่น
ไม่กล้าเอานิ้วไปแหย่ปลั๊กไฟ เพราะในหัวคิดว่าจะโดนดูดรึเปล่า จะเป็นไรมั๊ย เมื่อไม่รู้ ก็จะกลัว ทำแบบนี้ผิดรึเปล่า
ถ้าผิดครูจะตีนะ เริ่มกลัวละเห็นมะ อีกตัวอย่างคือเรื่องกลัวความมืด พอไฟดับ หลายๆคนคงจะเริ่มคิดต่างๆนาๆ เพราะมันมองไม่เห็น ไม่รู้ว่าจะมีอะไรมาจับไหล่กูมั๊ย? จะมีอะไรมาเป่าหูกูป่าว เมื่อคิดหลอนๆไปมากๆจนมันสามารถปรุงเป็นภาพได้นี่ คือบ้า? ละก็จะเห็นผี ตามนั้น
กูก็กลัว(เมื่อก่อน) แต่มานั่งคิด บ้านไฟดับ อยู่คนเดียว กูแทบบ้าจ้า แต่พอไฟติดอีกครั้ง ผึ่ม แล้ว? ความกลัวเมื่อกี๊กูหายไปไหนหมด ลืมไปเลย "ตอนกลางคืนก็แค่ตอนกลางวันที่ปิดไฟ"
"ทำไมถึงต้องเป็นผี"
เพราะถูกปลูกฝังและโตมากับเรื่องผีไง ถ้าเกิดมาไม่เคยได้ยินศัพท์คำว่าผี จะรู้จักผีมั๊ย อย่างพวกคนยุคหินนี่ มันคงเปลี่ยนจากกลัวผีเป็นกลัวพวกทีเร็ก พวกเสือเขี้ยวดาบไรงี๊ กลัวจะมีสัตว์ล่าเนื้อตัวไหนจะมาคาบกูไป-รึเปล่า ไม่เชื่อลองมีลูกมีหลานละปลูกฝังใหม่ดิ ว่าถ้าออกไปเล่นตอนกลางคืน ระวังเอเลี่ยนจะจับตัวไป พอปิดไฟ มันก็จะเริ่มหลอนละ พ่อจ๋าเอเลี่ยนจะมาจับหนูไปมั๊ย? ยิ่งถ้าบอกรูปลักษณ์ให้มันจินตนาการนะ มันก็จะมโนจนเกิดภาพถ้าเกิดกลัวมากๆ เพราะงั้นการปลูกฝังมีผลในอนาคตแน่นอน ให้มันกล้าไปเลย บอกเหตุผลที่มีคำตอบให้มันไป เช่นถ้าออกไปตอนกลางคืน ระวังโจรจะจับตัวไปนะ ข้อมูลในสมองมันก็จะไปกลัวเรื่องพวกนี้แทน อย่าให้พวกเด็กโตมาละมาถามเราย้ำๆยันแก่ตายห่ากันไปข้างว่า พ่อง! ผีมีจริงไหม
สรุป ...สมองคนเรามันทำได้หมดทุกอย่าง จะสร้างอะไรก็ทำได้ จะออกท่องอวกาศโดยที่ไม่ต้องผ่านนาซ่า ก็ทำได้ด้วยสมุนไพรชนิดหนึ่ง เพราะงั้น แค่จะคิดจินตนาการสร้างภาพโฮโลแกรมเป็นร่างคนหน้าเละๆขึ้นมาก็ไม่น่าจะเกินความสามารถ ส่วนตัวนั้นไม่เคยรู้ว่ามีหรือไม่นะ แต่ถ้ามีก็จะไปกลัวอะไร ขนาดเอาค้อนทุบบ้านผี ผียังทำได้แค่ให้หาว อย่างมากก็อ๊วกนิดๆ
สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ
ความกลัว+ผี
"ความรู้ที่แท้จริงคือปราศจากการคาดเดา" ยกตัวอย่างเช่น
ไม่กล้าเอานิ้วไปแหย่ปลั๊กไฟ เพราะในหัวคิดว่าจะโดนดูดรึเปล่า จะเป็นไรมั๊ย เมื่อไม่รู้ ก็จะกลัว ทำแบบนี้ผิดรึเปล่า
ถ้าผิดครูจะตีนะ เริ่มกลัวละเห็นมะ อีกตัวอย่างคือเรื่องกลัวความมืด พอไฟดับ หลายๆคนคงจะเริ่มคิดต่างๆนาๆ เพราะมันมองไม่เห็น ไม่รู้ว่าจะมีอะไรมาจับไหล่กูมั๊ย? จะมีอะไรมาเป่าหูกูป่าว เมื่อคิดหลอนๆไปมากๆจนมันสามารถปรุงเป็นภาพได้นี่ คือบ้า? ละก็จะเห็นผี ตามนั้น
กูก็กลัว(เมื่อก่อน) แต่มานั่งคิด บ้านไฟดับ อยู่คนเดียว กูแทบบ้าจ้า แต่พอไฟติดอีกครั้ง ผึ่ม แล้ว? ความกลัวเมื่อกี๊กูหายไปไหนหมด ลืมไปเลย "ตอนกลางคืนก็แค่ตอนกลางวันที่ปิดไฟ"
"ทำไมถึงต้องเป็นผี"
เพราะถูกปลูกฝังและโตมากับเรื่องผีไง ถ้าเกิดมาไม่เคยได้ยินศัพท์คำว่าผี จะรู้จักผีมั๊ย อย่างพวกคนยุคหินนี่ มันคงเปลี่ยนจากกลัวผีเป็นกลัวพวกทีเร็ก พวกเสือเขี้ยวดาบไรงี๊ กลัวจะมีสัตว์ล่าเนื้อตัวไหนจะมาคาบกูไป-รึเปล่า ไม่เชื่อลองมีลูกมีหลานละปลูกฝังใหม่ดิ ว่าถ้าออกไปเล่นตอนกลางคืน ระวังเอเลี่ยนจะจับตัวไป พอปิดไฟ มันก็จะเริ่มหลอนละ พ่อจ๋าเอเลี่ยนจะมาจับหนูไปมั๊ย? ยิ่งถ้าบอกรูปลักษณ์ให้มันจินตนาการนะ มันก็จะมโนจนเกิดภาพถ้าเกิดกลัวมากๆ เพราะงั้นการปลูกฝังมีผลในอนาคตแน่นอน ให้มันกล้าไปเลย บอกเหตุผลที่มีคำตอบให้มันไป เช่นถ้าออกไปตอนกลางคืน ระวังโจรจะจับตัวไปนะ ข้อมูลในสมองมันก็จะไปกลัวเรื่องพวกนี้แทน อย่าให้พวกเด็กโตมาละมาถามเราย้ำๆยันแก่ตายห่ากันไปข้างว่า พ่อง! ผีมีจริงไหม
สรุป ...สมองคนเรามันทำได้หมดทุกอย่าง จะสร้างอะไรก็ทำได้ จะออกท่องอวกาศโดยที่ไม่ต้องผ่านนาซ่า ก็ทำได้ด้วยสมุนไพรชนิดหนึ่ง เพราะงั้น แค่จะคิดจินตนาการสร้างภาพโฮโลแกรมเป็นร่างคนหน้าเละๆขึ้นมาก็ไม่น่าจะเกินความสามารถ ส่วนตัวนั้นไม่เคยรู้ว่ามีหรือไม่นะ แต่ถ้ามีก็จะไปกลัวอะไร ขนาดเอาค้อนทุบบ้านผี ผียังทำได้แค่ให้หาว อย่างมากก็อ๊วกนิดๆ
สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ