▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
One Day Trip
ประเทศญี่ปุ่น
โตเกียว
[CR] Namjaipainai ตะลุยโตเกียววันที่สอง นั่งเรือล่องโตเกียวไปโอไดบะ one day trip
เริ่มต้นการกินของวันด้วยทาโกะยากิ ตามใจพี่สาวที่บ่นอยากกินลูกชิ้นปลาหมึกก้อนกลม โตๆ แล้วมีดิ้นๆข้างบนด้วย
เป็นอันเข้าใจได้ว่าพี่สาวต้องการอะไรหลังจากเติมช่องว่างในท้องเรียบร้อยแล้วก็รีบเดินทางต่อ เพื่อไปนั่งเรือล่องแม่น้ำสุมิดะไปยังเมืองโอไดบะนั่นเอง
การเดินทางจากวัดอาสากุสะเพื่อมาขึ้นเรือง่ายมากค่ะ ท่าเรือโตเกียวครูซ (Tokyo cruise) จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตึกอาซาฮีและก้อนอุนจิทองคำ (ที่ว่ากันบ้างว่าคือฟองเบียร์ บ้างว่าอุนจิก๊อตซิลล่านั่นเอง แต่เด็กๆบ้านนี้พร้อมใจกันเรียกก้อนอุนจิๆ) ตรงหัวมุมสะพานAsumabashi หรือสะพานแดงนั่นเอง
เข้าไปข้างในเดินขึ้นบันไดไปที่สถานีกดซื้อตั๋วได้เลยค่ะ ผู้ใหญ่ราคา 1,560 เยน ส่วนเด็กราคา 300 เยน เราสามารเช็คเวลาในเว็บไซต์ได้เลยนะคะมีเรือออกอยู่เรื่อยๆ หรือไปถึงบอกนายสถานีว่าจะไปไหน เขาก็เลือกให้เลยค่ะ เป็นเวลาที่ใกล้เคียงกับตอนที่เราไปถึงมากที่สุด นี่ดูเวลาแล้วว่าเราจะไปรอบ 10โมงเช้ากันไม่งั้นกลับมาดึกแน่ๆ หน้าตาตั๋วที่ได้ออกมาจะหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
ถ้าไม่เข้าใจยังไงไม่ต้องห่วงนะคะ มีพนักงานที่ประจำเครื่องให้บริการ การสื่อสารภาษาอังกฤษโอเคเลยค่ะ หรือบอกแค่ว่าไปโอไดบะ ผู้ใหญ่กี่คน เด็กอายุเท่าไหร่กี่คน ที่เหลือพนักงานจัดการกดให้เรียบร้อยแล้วก็ขึ้นมารอที่สถานีได้เลยค่ะเข้าแถวเรียงกันไปถ่ายรูปกันไป
ความแตกต่างระหว่างเรือ Hotaluna กับเรือ Himigo ไม่ได้แตกต่างกันมากนะคะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดมากค่ะขึ้นไปเลยค่ะแต่ส่วนตัวชอบเรือ Hotalunaเพราะว่ามีดาดฟ้ากว้างถ่ายรูปสวยๆได้เลยค่ะ พนักงานจะเปิดดาดฟ้าให้ถ่ายรูปได้ช่วงกลางๆระหว่างทางหลังจากพ้นสะพานไปแล้วค่ะ อ่อก่อนขึ้นอย่าลืมหยิบโบร์ชัวร์มาอ่านเพลินๆด้วยนะคะ จะมีรูปเส้นทางแล้วก็สะพานบอกว่าเราผ่านสะพานอะไรมาบ้าง ผ่านตึกอะไรมาบ้างค่ะ หน้าตาโบร์ชัวร์จะเป็นแบบนี้ค่ะ
นั่งไปดูไปเพลินดีค่ะ ชี้ชวนเด็กๆสังเกตุดูรูปทรงสะพานไปด้วยก็สนุกดีนะคะ เด็กๆก็ตื่นเต้นว่าสะพานในแผนที่มาถึงหรือยัง
บนเรือห้องน้ำมีพร้อม เครื่องดื่ม ไอศกรีมพร้อม ก็เป็นที่เห็นเลยค่ะเมนูกับรูปภาพ
แนะนำว่าพกหมวกกับแว่นกันด้วยตอนขึ้นเรือมาด้วยก็ดีค่ะเพราะตอนที่นั่งแดดแรงมากกกกกกกกก อยากนั่งติดริมหน้าต่างดูวิวก็ร้อนเอา อ่ะใส่หมวกใส่แว่นก็ช่วยได้ ที่นั่งตรงกลางไม่ชิดหน้าต่างก็จริงแต่ไม่ร้อนค่ะ ที่นั่งท้ายๆเรือแถวห้องน้ำวิวไม่แจ่มแต่แอร์เย็นสบายเลือกเอาเลยค่ะว่าอยากนั่งไหน เข้าก่อนได้เลือกก่อนละคะงานนี้ บนเรือก็เดินไปมาได้ค่ะ
มาถึงOdaibaเรียบร้อยก็เลือกเลยค่ะจะเดินไปไหนก่อน ตามรีวิวท่องเที่ยวโอไดบะก็มีเยอะมากมาย อ่านจนตาลาย
ส่วนเราเลือกไปที่ Seaside Mall หาข้าวเที่ยงกันก่อนเลยค่ะ ทาโกะยากิที่เติมช่องว่างในท้องตอนเช้าสลายไปหมดเรียบร้อย เดินเข้าไปในห้างร้านอาหารมีหลายร้านให้เลือกค่ะ เราเลือกฝากท้องมื้อเที่ยงนี้กันที่ร้าน Koma soba เด็กๆสั่งเซ็ตเด็กตามสูตรร้านอาหารญี่ปุ่นเมื่อสั่งเซ็ตเด็กก็จะได้ของเล่นให้เลือกกันคนละชิ้นด้วยเล่นเพลิน วิวดี ระเบียงข้างนอกสบายพ่อลูกชวนกันถ่ายรูปเก็บภาพกันใหญ่ เรากินกันก่อนเที่ยงคนจะยังไม่ค่อยมากเท่าไหร่พอนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงนี่เริ่มทะยอยกันเข้ามาเยอะจนเต็มร้าน เราก็รีบเช็คบิลจรลีต่อเลยค่ะ
ลงมาชั้นล่างจะมีโซนขายของเล่น ของกระจุกกระจิกเยอะแยะเต็มไปหมดค่ะ เราก็เข้าร้าน lucky draw ไปสุ่มเลือกกล่องเลยค่ะมีหลายร้านให้เลือกฆ่าเวลาเพลินไปอีกกิจกรรมไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ชมกันนะคะเพราะเขาห้ามถ่ายรูปด้านในค่ะ
ระหว่างทางเราไปเดินห้าง VenusFort ห้างดังในโอไดบะ มีการตกแต่งสวยงามอารมณ์เหมือนที่เวเนเชี่ยนที่มาเก๋าเลยค่ะ ร้านค้าของแบรนด์มีลดราคากันหลายร้านเลยทีเดียว เพราะเรามาช่วงโกลเด้นวีคไง ลดราคาฤดูกาลนี้แทบทุกร้าน ที่ห้างนี้มีรถเก่าโชว์แสดงอยู่ด้วยน่าสนใจมากๆค่ะ ใช้เวลาเดินดูเดินอ่านข้อมูลที่เขาโชว์อยู่สักพักใหญ่
หลังอิ่มใจกับการขับรถที่โตโยต้า เราไปต่อกันที่Miraikan ที่นี่ต้องขออนุญาตว่าไม่สนุกเท่าไหร่ เหมาะกับเด็กโตที่อ่านรู้เรื่องและร่วมสนุกได้ ที่บอกว่าอ่านได้นี่คืออ่านภาษาญี่ปุ่นได้นะคะพี่น้องงงง ที่พอจะช่วยกระชุ่มกระชวยหัวใจเด็กๆ คือโชว์หุ่นยนตร์ Asimo อันแสนโด่งดังนั่นละคะ
เดินเล่นโน่นนั่นนี่ไปเรื่อย ทดลองกดๆ ดันๆ ถูๆ ไถๆ กับเครื่องทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างๆสักพักได้เรื่องเลยค่าาา พ่อกับลูกสาวไปเล่นกันท่าไหนไม่รู้โดนคักโยกเครื่องเล่นหนีบเข้าให้ ได้เสียน้ำตากันเลยงานนี้เจ้าหน้าที่ตกใจหมด ต้องพาไปห้องปฐมพยาบาล เจ้าหน้าที่ก็ขอโทษใหญ่ เขาก็สอบถามสาเหตุที่โดนเพราะอะไรโดนยังไง ความจริงเราเองนี่ละเล่นต้องคอยดูเด็กๆใกล้ชิดเลยค่ะ ต้องเตือนเขาให้ระวังตัวเองมากกว่านี้เวลาเล่นอะไร คุณพยาบาลก็เช็คว่ากระดูกไม่หัก เลยเอาเจลเย็บประคบให้ให้ติดไว้จนถึงวันพรุ่งนี้ค่อยเอาออก พี่สาวนอยด์ติงนองนอยไปพักใหญ่เลยค่ะ
ขากลับเราพากันเดินไปนั่งรถไฟเพื่อลงสถานีชิมบาชิ แล้วต่อรถไฟไปอาสากุสะ กลับบ้านจบไปอีกหนึ่งวัน ตอนอาบน้ำพี่สาวก็ป๊อดๆกลัวเจ็บทำท่าจะไม่ยอมอาบ (แหม่โดนที่มือจะพาลไม่อาบทั้งตัวเลยทีเดียว) หมดไปอีกหนึ่งวันอย่างรวดเร็ว ส่งท้ายวันนี้ด้วยภาพวิวยามค่ำคืนที่เราต้องเจอทุกวันระหว่างทางกลับบ้าน มาเที่ยวคราวนี้ได้เจอประตูสายฟ้าทุกวันเลยค่ะ
อย่าลืมติดตามรีวิวของน้ำใจและครอบครัวต่อไปเรื่อยๆอีกนะคะ ทริปรอบนี้ของเรายังมีอีกหลายวันเลยค่ะ
สามารถติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวของน้ำใจและน้องจิณณ์ได้ที่เพจ NAMJAIPAINAI