คิดยังไงกับการจัดงานวันพ่อ หรือวันแม่ของในโรงเรียนต่างๆ แล้วโรงเรียนมีมารตรการยังไงกับนักเรียนที่ไม่มีพ่อและแม่

เนื่องจากวันพรุ่งนี้จะเป็นวันแม่แล้ว อย่างเช่นทุกปี เราจะเห็นโรงเรียนแต่ละโรงเรียนจัดงานวันแม่วันพ่อขึ้น เพื่อให้ระลึกนึกถึงพระคุณของพ่อแม่ และในวันนั้นเราจะได้แสดงความรักกับพ่อและแม่ในวิธีต่างๆ ซึ่งกิจกรรมนี้เราเห็นว่าดีมากนะ สำหรับเด็กที่มีครบทั้งพ่อและแม่ แต่สำหรับเด็กที่ไม่มีพ่อมีแม่หล่ะ เขาควรทำตัวยังไงดีในวันนั้น

เราเคยเป็นแบบนั้นมาก่อนนะ

ของเราคือเราขาดพ่อ เมื่อไหร่ที่วันพ่อใกล้เข้ามาถึง เราเริ่มจะรู้สึกไม่อยากไปโรงเรียน เพราะที่โรงเรียนในช่วงอาทิตย์ใกล้ถึงวันพ่อนั้น ทุกคาบเรียนก็จะมีการพูดถึงกิจกรรมวันพ่อต่างๆที่จะจัดขึ้น วิชาภาษาไทยก็จะให้เขียนเรียนความเรื่องวันพ่อ แต่งกลอนวันพ่อ วาดรูปพ่อของฉัน ต่างๆนานา หรือแม้กระทั่งการให้ออกไปพูดหน้าชั้นเกี่ยวกับความรู้สึกต่างๆที่รู้สึกเกี่ยวกับพ่อ คือเอาจริงๆ ตอนพ่อเสียเราจำความได้น้อยมาก แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าที่เราจำได้นั้นมันเกิดจากที่เราจินตนาการไปเองหรือมันเกิดขึ้นจริงๆ ตอนเด็กๆโดนล้อด้วยนะ เรื่องพ่อเสีย บ่อยมาก แต่ก็ดีนะ สร้างภูมิคุ้มกันได้มีมาก ทำให้เรารู้สึกว่าต้องเป็นคนเก่งให้ได้ ต้องเรียนให้เก่งๆกว่าคนที่มีพ่อมีแม่ครบ

ตอนโตเราไปเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่ง เราเรียนเก่งนะได้ 4.00 เกือบทุกเทอมเลย (ไม่ได้จะอวด 555)  เกือบทุกวิชา อาจารย์ก็จะให้เราทำกิจกรรมเยอะมาก งานวิชาการ วิชาการต่างๆ วันสำคัญต่างๆ เราก็จะต้องได้มีส่วนร่วมเกือบทุกงานไป ซึ่งเราก็ไม่เคยปฏิเสธนะ เพราะเราก็ชอบด้วย เหมือนได้พัฒนาและทำสิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา เหลือก็แต่วันพ่อ ที่เราไม่ค่อยอยากจะร่วมทำกิจกรรมสักเท่าไหร่ ทั้งเรียงความ หรืออะไรก็ตาม อาจจะเป็นเพราะเราไม่มีพ่อด้วยมั้ง เราเลยไม่รู้ว่าจะทำไปให้ใคร ถ้าจะเอาไปให้แม่แทนก็กลัวแม่จะเสียใจ (แม่เราไม่เคยลืมพ่อเลยนะ พูดถึงอยู่ทุกวัน เกือบจะยี่สิบปีแล้วก็ยังจำได้ทุกอย่าง แม่ไม่มีใครใหม่เลยด้วย เพราะแม่บอกว่าพ่อดีมาก จะหาใครที่ดีกว่าพ่อคงไม่มี)

วันพ่อปีนั้น ครูให้เราเรียงความมาหนึ่งฉบับเกี่ยวกับ "พ่อ" จริงๆเราก็ไม่เคยรู้หรอกว่า พ่อเราได้ทำอะไรให้เราบ้าง จำได้ในส่วนที่แม่เคยเล่าให้ฟังเท่านั้น เราก็เขียนส่งไป ครูบอกให้แต่งเพิ่มว่าเรารู้สึกอย่างไร รู้สึกเสียใจแค่ไหน ที่ไม่ได้ทำดีกับพ่อ หรือทดแทนบุญคุณตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ต่างๆ เราก็เขียนไปนะ ทุกอย่างเลย แล้วซักพักครูก็เรียกเราเข้าไปพบที่ห้องพักครู  ครูขอให้เราขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ในวันพ่อหน้าเสาธง ตอนนั้นเราก็ตอบรับนะ เพราะเราก็เคยทำกิจกรรมแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ครูไม่ได้ขอแค่นั้น ครูขอให้เราไปพบครู และซ้อมอ่านกับเขาทุกวันก่อนวันพ่อจะมากถึง ครูมีการเพิ่มเติมเนื้อหาบางส่วน พร้อมบทกลอน แล้วบอกให้เราอ่าน อ่านยังไงก็ได้ให้รู้สึกซาบซึ้งที่สุด และถ้าเป็นไปได้ถ้าเราอยากร้องไห้ก็ร้องได้เลย คนอื่นๆที่พ่อยังอยู่จะได้รู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่กับพ่อแม่มันสำคัญขนาดไหน ณ จุดนั้นเราเข้าใจนะ แต่เราอยากถามครูสักคำจริงๆ ครูคิดยังไงกับความรู้สึกของเรา จะเค้นให้เราร้องไห้ให้ได้  
เอาจริงๆ มันยังไง เราเลยบอกเราว่าเราคงทำไม่ได้หรอก ขอไม่ทำนะ แล้วก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอีก (ในใจเราคิดว่า ครูอยากได้ผลงานมากกว่า)

พอวันพ่อมาถึง เราก็เห็นว่าเพื่อนสนิทของเราออกไปพูดกล่าวสุนทรพจน์วันพ่อหน้าเสาธง ทุกคนเงียบ และหยุดฟังทั้งโรงเรียน เขากลั้นใจพูดจนจบพร้อมกับพูดปิดท้ายว่า อยากให้ทุกคนทำดีกับพ่อไว้นะคะ บอกรักพ่อไว้ เพราะถ้าสักวันวันนั้นมาถึงเราอาจไม่มีวันได้ทำมันอีกแล้วก็ได้ มันอาจสายไปแล้วก็ได้ พูดจบเพื่อนของเราร้องไห้ เรารู้สึกแย่มากนะ  เพราะเราไม่คิดว่าจะเป็นเพื่อนสนิทเราคนนั้นที่เป็นคนออกไปพูด  เราไม่คิดว่าครูจะให้เพื่อนคนนั้นออกไปพูด เพราะว่าเพื่อนของเราคนนั้นเพิ่งเสียพ่อไปยังไม่ถึงอาทิตย์เลย พ่อก็ยังไม่ได้เผาด้วยซ้ำ ทุกคนรู้กันเกือบทั้งโรงเรียน

มาคุยกันตอนหลัง ถามว่าเป็นมายังไงถึงได้ออกไปพูด เพื่อนก็เล่าให้ฟังว่า เขาปฏิเสธครูคนหลายครั้ง แต่ครูอยากให้ออกไปพูด แล้วก็ชักแม่น้ำทั้งห้ามาให้ออกไปพูด แล้วบอกว่า ทำเพื่อพ่อนะ แล้วคนอื่นเขาก็จะได้ฟังไว้เป็นวิทยาทานด้วย คือเอาจริงๆ พ่อเขายังไม่ได้เผาเลยนะ ครูคิดถึงจิตใจของนักเรียนบ้างไหมว่าเขาจะรู้สึกแย่แค่ไหน เราไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าครูคนนั้นคิดยังไง อยากให้คนอื่นได้ฟังวิทยาทาน แต่นึกถึงคนที่เพิ่งเสียพ่อไหมว่าเขารู้สึกยังไง เจ็บปวดแค่ไหน

เหตุการณ์นั้นยังคงจำมาจนถึงทุกวันนี้ และยังคงมีความคิดต่อต้านเสมอเมื่อใครพูดถึงการจัดงานวันพ่อ หรือวันแม่ในโรงเรียน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่