คำว่า " สัญนิษฐาน "
...ในทางวิทยาศาสตร์ที่ผ่านมา เมื่อวันเวลาร่วงเลยว่า ความจริงกระจ่าง การสัญนิษฐานมันจะผิดบ่อยครั้ง ในทางวิทยาศาสตร์น่าจะเลิกใช้คำ ๆนี้ได้หรือยังครับ เพราะที่ผ่านมา การสัญนิษฐานเป็นการพูดและอธิบายตามความเชื่อในแนวทางที่ตนเองรู้เท่านั้น ซึ่งยังไม่ใช่ความจริง แต่กลับชี้นำเสมือนว่า " ต้องใช่ " ทั้ง ๆที่ยังไม่ใช่ และยังไม่มีการพิสูจน์เลยแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงการคาดเดาของคนที่ ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์และความเชื่อเฉพาะส่วนตัวในแนวทางตัวเองเท่านั้น...
... ผมทดลองถามในบางกระทู้โดยตั้งสมมุติฐานเรื่อง ๆหนึ่งขึ้นมาที่หลายคนไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมีจริง และมีมุมต่างมุม ได้รับคำตอบจากคนเข้ามาตอบตามแนวทางความเชื่อและความรู้ของตนที่มีอยู่เท่านั้น และส่วนใหญ่ก็อีนตามหลักการที่ตนเชื่อเท่านั้นเป็นคำตอบสุดท้าย ถ้ายังเป็นแบบนี้วิทยาศาสตร์ในสังคมจะไม่มีความก้าวหน้าเลย เสมือนย้ำเท้าอยู่กับที่
... ยังพิสูจน์ไม่ได้ ยังไม่มีรูปธรรม ผมว่าน่าจะใช้คำอื่นแทนนะครับ
เช่น.. เป็นไปได้สูง , อาจ , น่าจะ , หรือตามปัจจุบันทราบเพียง ฯลฯ คำที่ฟังดูแล้วเป็นกลาง ๆหน่อย ผมว่า " น่าจะ " ดีกว่านะครับท่าน ๆ
เรื่องราวบางเรื่อง ที่คนเข้ามาถามในสิ่งที่ยากที่จะเป็น ยากที่จะใช่ หรือบางครั้งคนที่ถามอาจสงสัยในบ้างเรื่องแบบหลุดโลก แทนที่จะใช้วิธีอธืบายตามหลักการ หรือตอบคำถามให้กระจ่าง นักวิทยาศาสตร์กำมะลอบางคน ถึงกับเสียมรรยาทโดยการ เหน็บแหนม ถากถาง ส่อเสียด เช่น... วางกระป๋องกาวบ้าง ดึงดาวบ้าง ผมเห็นแล้วเศร้าใจกับคนจำพวกนี้จริง ๆ เพราะความจริงแล้ว คน ไม่รู้คือเค้าไม่รู้ ตัวเราเองและทุกคนก็เช่นกัน ไม่มีใครรู้อะไรไปได้ทุกเรื่องทุกอย่าง ต่อให้เป็นถึง ดร. เป็น ศจ. ก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่องใช่มั๊ยครับ เช่น...
... ที่ผ่านมาตัวเราเอง นักวิทยาศาสตร์ทุกคนมักจะแสดงความคิดเห็นในความรู้ที่ตนเองมี คนเองรู้ ทำให้มีข้อจำกัดมุมมองของตัวเองและต่อจักรวาลเสมอ สมัยก่อนทุกคนในโลก รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ สัญนิษฐานมีความเชื่อว่า...ใต้น้ำทะเล 2000 ฟุตลงไปจากระดับผิวทะเล มีระดับความลึกเกินที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่รอดในความลึกในระดับนั้นได้ ( สัญนิษฐาน) และก็มีความเชื่อแบบนั้นกันมาตลอดโดยคำพูดแทบจะไม่เปิดโอกาสหรือยึดหยุ่นให้เลย ทั้ง ๆที่ยังไม่มีการพิสูจน์ แต่เป็นการคาดเดาตามหลักวิทยาศาสตร์ลล้วน ๆ และแล้วก็ผิด เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปมีข้อพิสูจน์ได้ว่า ในความลึกมากกว่า 2000 ฟุต มีสิ่งชีวิตสามารถอยู่ได้จริง และมีสิ่งมีชีวิตมากเกือบ 5000 ชนิดเลยทีเดียว...
...เห็นหรือยังครับว่า สิ่งที่คิดว่าไม่มี อย่าฟันธงว่า ไม่มี อย่างเช่นเรื่องสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลลึก ที่เราคิดว่าคงไม่มีสิ่งมีชีวิตที่จะอาศัยอยู่ได้ในระดับความลึกมาก ๆ ก็เพราะเรามองที่ตัวเราเอง เรามองในแค่ความรู้สิ่งที่เราคิดว่าตัวเราเองอยู่ไม่ได้ ร่างกายของเราจะทนแรงกดดันในระดับนั้นไม่มีทางได้
การที่เราไปตีความเช่นนั้นเป็นเพราะ อคติ
ถ้าคิดจะยึดหลักการ ต้องมีความสร้างสรรค์ ควบคู่กันไปด้วย เหมือนเป็นการที่เราต้องปฏิวัติตัวเองในทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยอย่างเจาะจง อย่าฟันธง ในสิ่งที่ตัวเองยังพิสิจน์ไม่ได้ และยังไม่รู้จริงกระจ่างแท้ เปิดคำพูดกว้าง หาคำพูดใหม่แทนคำว่า " สัญนิษฐาน " กับถ้าเรื่องความยุติธรรมก็ต้องไม่มีคำว่า " ดุลพินิจ " พิสูจน์ไม่ได้ หาหลักฐานหลักการการพิสูจน์ไม่ได้ ก็ต้องยกผลประโยชน์ให้จำเลยไป เพราะการที่จะใช้คำว่า " สัญนิษฐาน ดุลพินิจ " นั้น มันไม่สามารถตัดคำว่า " อคติ " ออกไปจากใจได้เลย
คำว่า " สัญนิษฐาน " ในทางวิทยาศาสตร์ที่ผ่านมา เมื่อวันเวลาร่วงเลยว่า ความจริงกระจ่าง การสัญนิษฐานมันจะผิดบ่อยครั้ง
...ในทางวิทยาศาสตร์ที่ผ่านมา เมื่อวันเวลาร่วงเลยว่า ความจริงกระจ่าง การสัญนิษฐานมันจะผิดบ่อยครั้ง ในทางวิทยาศาสตร์น่าจะเลิกใช้คำ ๆนี้ได้หรือยังครับ เพราะที่ผ่านมา การสัญนิษฐานเป็นการพูดและอธิบายตามความเชื่อในแนวทางที่ตนเองรู้เท่านั้น ซึ่งยังไม่ใช่ความจริง แต่กลับชี้นำเสมือนว่า " ต้องใช่ " ทั้ง ๆที่ยังไม่ใช่ และยังไม่มีการพิสูจน์เลยแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงการคาดเดาของคนที่ ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์และความเชื่อเฉพาะส่วนตัวในแนวทางตัวเองเท่านั้น...
... ผมทดลองถามในบางกระทู้โดยตั้งสมมุติฐานเรื่อง ๆหนึ่งขึ้นมาที่หลายคนไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมีจริง และมีมุมต่างมุม ได้รับคำตอบจากคนเข้ามาตอบตามแนวทางความเชื่อและความรู้ของตนที่มีอยู่เท่านั้น และส่วนใหญ่ก็อีนตามหลักการที่ตนเชื่อเท่านั้นเป็นคำตอบสุดท้าย ถ้ายังเป็นแบบนี้วิทยาศาสตร์ในสังคมจะไม่มีความก้าวหน้าเลย เสมือนย้ำเท้าอยู่กับที่
... ยังพิสูจน์ไม่ได้ ยังไม่มีรูปธรรม ผมว่าน่าจะใช้คำอื่นแทนนะครับ
เช่น.. เป็นไปได้สูง , อาจ , น่าจะ , หรือตามปัจจุบันทราบเพียง ฯลฯ คำที่ฟังดูแล้วเป็นกลาง ๆหน่อย ผมว่า " น่าจะ " ดีกว่านะครับท่าน ๆ
เรื่องราวบางเรื่อง ที่คนเข้ามาถามในสิ่งที่ยากที่จะเป็น ยากที่จะใช่ หรือบางครั้งคนที่ถามอาจสงสัยในบ้างเรื่องแบบหลุดโลก แทนที่จะใช้วิธีอธืบายตามหลักการ หรือตอบคำถามให้กระจ่าง นักวิทยาศาสตร์กำมะลอบางคน ถึงกับเสียมรรยาทโดยการ เหน็บแหนม ถากถาง ส่อเสียด เช่น... วางกระป๋องกาวบ้าง ดึงดาวบ้าง ผมเห็นแล้วเศร้าใจกับคนจำพวกนี้จริง ๆ เพราะความจริงแล้ว คน ไม่รู้คือเค้าไม่รู้ ตัวเราเองและทุกคนก็เช่นกัน ไม่มีใครรู้อะไรไปได้ทุกเรื่องทุกอย่าง ต่อให้เป็นถึง ดร. เป็น ศจ. ก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่องใช่มั๊ยครับ เช่น...
... ที่ผ่านมาตัวเราเอง นักวิทยาศาสตร์ทุกคนมักจะแสดงความคิดเห็นในความรู้ที่ตนเองมี คนเองรู้ ทำให้มีข้อจำกัดมุมมองของตัวเองและต่อจักรวาลเสมอ สมัยก่อนทุกคนในโลก รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ สัญนิษฐานมีความเชื่อว่า...ใต้น้ำทะเล 2000 ฟุตลงไปจากระดับผิวทะเล มีระดับความลึกเกินที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่รอดในความลึกในระดับนั้นได้ ( สัญนิษฐาน) และก็มีความเชื่อแบบนั้นกันมาตลอดโดยคำพูดแทบจะไม่เปิดโอกาสหรือยึดหยุ่นให้เลย ทั้ง ๆที่ยังไม่มีการพิสูจน์ แต่เป็นการคาดเดาตามหลักวิทยาศาสตร์ลล้วน ๆ และแล้วก็ผิด เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปมีข้อพิสูจน์ได้ว่า ในความลึกมากกว่า 2000 ฟุต มีสิ่งชีวิตสามารถอยู่ได้จริง และมีสิ่งมีชีวิตมากเกือบ 5000 ชนิดเลยทีเดียว...
...เห็นหรือยังครับว่า สิ่งที่คิดว่าไม่มี อย่าฟันธงว่า ไม่มี อย่างเช่นเรื่องสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลลึก ที่เราคิดว่าคงไม่มีสิ่งมีชีวิตที่จะอาศัยอยู่ได้ในระดับความลึกมาก ๆ ก็เพราะเรามองที่ตัวเราเอง เรามองในแค่ความรู้สิ่งที่เราคิดว่าตัวเราเองอยู่ไม่ได้ ร่างกายของเราจะทนแรงกดดันในระดับนั้นไม่มีทางได้
การที่เราไปตีความเช่นนั้นเป็นเพราะ อคติ
ถ้าคิดจะยึดหลักการ ต้องมีความสร้างสรรค์ ควบคู่กันไปด้วย เหมือนเป็นการที่เราต้องปฏิวัติตัวเองในทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยอย่างเจาะจง อย่าฟันธง ในสิ่งที่ตัวเองยังพิสิจน์ไม่ได้ และยังไม่รู้จริงกระจ่างแท้ เปิดคำพูดกว้าง หาคำพูดใหม่แทนคำว่า " สัญนิษฐาน " กับถ้าเรื่องความยุติธรรมก็ต้องไม่มีคำว่า " ดุลพินิจ " พิสูจน์ไม่ได้ หาหลักฐานหลักการการพิสูจน์ไม่ได้ ก็ต้องยกผลประโยชน์ให้จำเลยไป เพราะการที่จะใช้คำว่า " สัญนิษฐาน ดุลพินิจ " นั้น มันไม่สามารถตัดคำว่า " อคติ " ออกไปจากใจได้เลย