กำลังจะแต่งงาน แต่เริ่มไม่แน่ใจ เพราะทางบ้านของฝ่าย ญ...

จขกท กับ แฟนคบกันมา 8 ปี และได้ตัดสินใจกันตอนต้นปี ว่าจะแต่งงานกันปลายปีนี้

โดยตกลงกันว่าค่าจัดงาน ตั้งงบไว้ 2แสน ฝ่าย ญ เป็นคนออกทั้งหมด
ฝ่ายผม ออกค่าสินสอด 4แสนบาท (พ่อกับแม่ ฝ่าย ญ แยกทางกัน แบ่งสินสอดกันคนละ 2แสน)

-------
เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน พ่อของฝ่าย ญ เสียชีวิตกระทันหัน

- ตอนพ่อเสีย ฝ่าย ญ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ซึ่งผมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดูแลเธอให้ดีที่สุด ซึ่งใช้เงินไปเยอะมาก
ทำให้เอาจริงๆตอนนี้ สินสอด 4แสนบาท ผมก็ไม่อาจจะหาได้ทันตามแผนแล้ว

- ฝ่าย ญ ขอเปลี่ยนให้ผมเป็นคนออกค่าจัดงานที่เหลือแทน โดยใช้ค่าสินสอดที่จะต้องให้พ่อ มาจ่ายค่างานแต่งงานแทน
เนื่องจาก ฝ่าย ญ ไม่สามารถเก็บเงินได้ตามที่วางแผนไว้

- แม่ของฝ่าย ญ ไม่ยอมให้นำสินสอดของฝ่าย พ่อ ไปจ่ายค่าจัดงาน
โดยผมต้องจ่ายสินสอด 4แสนบาทเท่าเดิมให้แม่คนเดียว และจ่ายค่าจัดงานด้วย เนื่องจากแฟนผมเก็บเงินไม่ได้

- ก่อนหน้านี้ แม่ฝ่าย ญ ขอยืมเงิน 4หมื่น เพื่อไปเป็นค่าเทอมมหาลัยฯของ น้องแฟน โดยบอกจะคืน สิ้นเดือน พค. ปัจจุบันยังไม่คืน

- ตอนนี้ แม่ฝ่าย ญ พยายามขอเงินเพิ่มอีก 6หมื่น เพื่อนำไปหมุนเวียนในร้าน ที่เศรฐกิจกำลังฝืดมาก

- ตอนนี้ผมกำลังปลูกบ้าน ซึ่งต้องใช้เงินเยอะมากๆ
เพราะ แฟนผมบอกว่า ถ้าต้องแต่งงานแล้วมาอยู่กับพ่อแม่ผม จะให้ดูแลผมและลูกได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากแม่ผม ชอบแนะนำ สั่งสอน ให้ทำอย่างงั้นอย่างงี้ ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจอะไรกันเองในบ้านได้ จึงตกลงกันว่า จะแยกครอบครัวออกมาหลังแต่งงานแล้ว ซึ่งผมก็เห็นดีด้วยนะว่าการแต่งงานควรจะมีเรือนหอ
- แต่แฟนบอกว่า ถ้าบ้านเสร็จแล้ว แม่แฟนอาจจะขอเข้ามาอยู่ด้วย (อาจจะเอาน้องชายแฟนเข้ามาอยู่ด้วยเลย).... ซึ่งผมไม่โอเคมากๆ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้

- ฐานะทางบ้าน เป็นบุคคลล้มละลายครับ เปิดร้านขายของรายได้ไม่แน่นอน ค่าเช่า 15000 บาท

- ช่วงที่ล้มละลายแรกๆ(3ปี) ผมเคยเป็น ธุระหาที่อยู่ใหม่ให้
โดยผมออกเงินค่าของใช้ให้ 4หมื่นกว่าบาท และช่วยค่ากินอยู่ให้แฟน เพราะแฟนต้องช่วยที่บ้านจนไม่ค่อยมีเงินใช้เอง (ปัจจุบันยังไม่คืน)

- แม่ของแฟนผม ไม่ได้เลี้ยงแฟนผมเอง เนื่องจากตอนเด็กๆ พ่อจะเลี้ยงมากกว่า พอเริ่มมีปัญหาทางการเงิน จึงให้แฟนผมไปอยู่กับพี่สาวของพ่อ
พอแยกทางกับพ่อจึงทำให้ต้องเลี้ยง น้องของแฟนผมคนเดียว แม่จึงสปอยน้องหนักมาก ทั้งที่ตัวเองไม่ค่อยมีเงิน ให้เงินกินข้าววันละ 3-4 ร้อย ซื้อคอมเครื่องละ 3-4หมื่น นาฬิกา รองเท้า กระเป๋า แบรนด์ ชิ้นละ 5-6 พัน (ตลอดชีวิตของผมเองยังไม่มีโอกาสขนาดนั้น) แล้วก็บ่นว่าเงินใช้ไม่พอ ชีวิตลำบาก ไม่ใครเข้าใจ

- ทุกครั้ง ที่คุยกะแฟนเรื่องนี้ จะทะเลาะกับแฟนหนักมาก บอกว่าผมเห็นแก่ตัว... ตอนนี้เริ่มเครียดครับ เพราะกลัวถ้าแต่งงานไปแล้วจะยิ่งกว่านี้...

- แฟนผมก็เป็นคนดีนะครับ ดูแลผมดีมาก แถมพึ่งเสียพ่อไป ถ้าเลิกกันตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าแฟนผมจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง... แต่สถาณการณ์ตอนนี้ผมก็เครียดเหมือนกัน เหมือนโดนกดดันอยู่ฝ่ายเดียวทั้งๆที่ภาระผมก็เยอะ เงินเดือนผมก็ไม่ได้มากมายอะไร

----------- EDIT 1 ---------------
- ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ไม่คิดว่ากระทู้จะวิ่งไวขนาดนี้ครับ

- เพิ่มเติม ประเด็นแรกเรื่องเงินนะครับ
ก่อนหน้านี้ ผมค่อนข้างจนครับ งานพิเศษก็ไม่ได้ทำครับ พอจบมาเงินเดือนก็ 1หมื่นกลางๆครับ ก็ได้แฟนผมคอยช่วยเหลือครับ เพราะแฟนผมรับงาน event วันละ 800-2000บาท เอามาซื้อ มือถือ ของกินของใช้ เสื้อผ้าให้
ตอนนี้ ผมพอจะตั้งตัวได้ ส่วนแฟนก็มาทำงานออฟฟิตอย่างเดียวเงินเดือนไม่มาก ก็เลยคิดว่า ควรเป็นฝ่ายให้คืนบ้างครับ

- เพิ่มเติมเรื่องที่บ้านแฟนครับ สมัยก่อนกำไรดีครับ ผ่อนตึกแถวหลังละ 5ล้าน วันนึงมีญาติฝั่งพ่อมาขอเงินไปไถ่ที่ของตระกูลครับ
แต่ให้ไปเกินกำลังตัวเอง ทำให้เงินหมุนในร้านฝืด ต้องกู้นอกระบบมาช่วย สุดท้ายล้มละลายทั้งบ้านครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 27
สงสารจขกท. เลิกเถอะค่ะ เราแอนตี้ที่สุดที่คนนอกมาวุ่นวายในครอบครัว

เรากับสามีเป็นเพื่อนกันมาก่อนแต่งงานค่ะ เราคุยกันเปิดอกตกลงกันก่อนแล้วว่าครอบครัวคือเรา2คนเท่านั้นคนอื่นไม่ว่าพ่อแม่คือคนนอก อย่าให้ใครมาวุ่นวาย โดยเฉพาะเรื่องเงิน แม่เราก็ไม่มีสิทธิ แม่เขาก็ไม่มีสิทธิ เราตกลงร่วมกันว่าถ้าวันใดเกิดเหตุการณ์จะตัดปัญหาไปเลย ไม่เอาไฟเข้าบ้านค่ะ(การส่งเสียเงินทอง พาพ่อแม่เที่ยว ไปทานข้าว ทำปกตินะคะ แต่ไม่รับปัญหามาทั้งหมดจนครอบครัวเราเดือดร้อนค่ะ ทำอะไรพึงระลึกไว้เสมอ เรามีครอบครัวแล้ว ไม่ควรดึงคู่ชีวิตไปเดือดร้อนกับปัญหาพ่อแม่เราค่ะ)

แล้วมันก็เกิดขึ้นจริง แม่สามีเป็นพวกเจ้ากี้เจ้าการและต้องการให้พวกเราซื้อบ้าน เขาจะมาอยู่ด้วย และต้องการเอาน้องชายสามีมาอยู่มาให้พวกเราส่งเสียดูแล เราก็ทำตามที่ตกลงไว้ค่ะ และนี่ไม่ใช่การเนรคุณหรือไม่มีน้ำใจด้วย การดูแลลูกต้องเป็นหน้าที่พ่อแม่ ไม่ใช่ลูกคนโตและสะใภ้ และถ้าเรารับภาระเรื่องเงิน เราสองคนก็ไม่มีวันสร้างครอบครัวหรือก้าวหน้าได้เลย ช่วงแรกที่ปฏิเสธโดนดราม่าสารพัดค่ะ แต่พวกเราหนักแน่นและไม่ขอโทษ พูดเหตุผลตรงไปตรงมา แม่สามีอยู่ๆจะมานอนบ้านเราโดยไม่ขอยังไม่ได้เลยค่ะ ต้องบอกต้องขอก่อน เพราะนางไม่ทำตัวเป็นแขก นางทำตัวรบกวนคนในบ้านมากค่ะ หนักแน่นในเหตุผลไว้และถ้าเจอดราม่าก็แค่หนีหลบหน้าค่ะ ที่สุดเขาก็ต้องยอม เพราะเราพูดมีเหตุผล

กลับมาที่เรื่องคุณนะคะ บอกตรงๆว่าของที่คุณเสียไปทำใจไม่มีวันได้คืน แต่ควรบอกเลิกพร้อมทวง เอาเอกสารรับสภาพหนี้ให้แฟนเซ็น ร่ายทีละรายการเป็นลายลักษณ์อักษร แฟนจะได้เห็นว่า บ้านแฟนสูบไปเท่าไร ส่วนเขาจะโต้แย้งยังไงก็ค่อยว่ากันค่ะ ซึ่งเดาว่าเขาจะโต้แบบงี่เง่าค่ะ ป้องกันด้วยการเอาผู้ใหญ่ไปนั่งคุยเป็นพยาน

ไปเริ่มชีวิตใหม่ อย่าอยู่แบบนี้เลย ตื่นมาเจอเมียกับแม่เมียแบเงินขอไปตลอดชีวิต...เอางั้นเหรอ แม่เมียที่เห็นคุณเป็นตู้ATMอะนะ
ความคิดเห็นที่ 56
คุณสปอล์ย  แฟน
แฟนสปอล์ย แม่แฟน
แม่แฟนสปอล์ย น้อง

วงจรนี้คิดว่าตัดตรงไหนได้
แม่แฟนจะเลิกสปอล์ยน้อง
แฟนจะเลิกสปอล์ยแม่แฟน

มีแสนหมดแสน  มีล้านหมดล้าน
วันไหนคุณเลิกให้ เค้าจะด่าคุณ   ที่เคยให้ผ่านมาไม่มีค่าอะไร
และถ้าเป็นไปตามสูตรสำเร็จ แม่เค้านั่นแหละจะให้ลูกเค้ามาเลิกกับคุณ  และแฟนคุณก็จะทำตามนั้น




ทั้วหมดนี้นับว่าเป็นเรื่องดี  ถือว่าบุญและกุศลกรรมที่คุณเคยทำมาในอดีต
ช่วยเห็นปัญหาก่อนที่จะสาย

แต่บุญมีจำกัด  อย่าใช้เปลืองนัก
ความคิดเห็นที่ 37
น่าเห็นใจคุณทั้งคู่คะ
- แฟนคุณคงรักครอบครัวมาก และลืมมองความจริงบางอย่างไป
ถึงความพร้อมว่าคุณมีความสามารถจำกัดในการช่วยเหลือ นำภาระทั้งหมดมาโยนให้คุณ
- คุณช่วยเหลือครอบครัวแฟนคุณได้ดี แสดงออกแล้วว่าคุณรักแฟนมากจริงๆ
และเท่าที่อ่านคุณชมแฟนคุณทุกอย่างและอยากตามใจแฟนคุณ

แต่เราอยากแนะนำให้คุยกัน...ก่อนคุยคุณต้องบอกแฟนว่า
คุณรักแฟนนะ...เราโตกันแล้ว...พี่มีปัญหาจะปรึกษา...อยากคุยกันด้วยความเข้าใจ ใส่ใจ รักกัน
หาทางออกปัญหาร่วมกัน ...เราจะไม่ทะเลาะกันถึงจะคิดเห็นต่างกัน

แต่เราจะหาทางออก...ลองคุยแบบนี้คะ
เพราะถ้าแฟนคุณคือชีวิตคู่...เขายอมเข้าใจ
อาจคิดเห็นต่างไม่แปลก...แต่ต้องช่วยกันคิดหาทางออก ไม่ใช่โยนภาระ

และฝากเตือนสติแฟนคุณด้วย..ว่าความรักคือความเข้าใจ ใจเขาใจเรานะคะ
การเริ่มต้นชีวิตคู่ก็เช่นกัน
คุ่ คือ 2 คน --- ถ้า 2 คนยังไม่มั่นคง
การจะสร้างฐานให้แข็งแรง...แล้วประคองคนอื่นจะทำได้อย่างไร
มันไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวคะ...มันคือการสร้างความมั่นคงของความรัก
อย่าให้คนที่เรารัก พ่อ แม่ พี่น้อง มาทำให้เกิดปัญหา
ดูแลตามหน้าที่ที่เราทำได้คะ พี่น้องช่วยเหลือตามเราไหว

เราล้มก็ล้มหมดนะคะ...
ดังนั้นอย่าทำให้เราล้มซะก่อน....บางครั้งการปรับตัวของครอบครัวฝ่ายหญิงก็ควรทำ
ถ้าเขายังเคยตัวก็ต้องได้รับบทเรียนบ้างคะ...โตๆ กันแล้ว

เปนกำลังใจให้คะ
ความคิดเห็นที่ 34
ถามตัวเองว่า "พร้อมจะดูแลชีวิตแม่ฝ่ายหญิง, น้องชายฝ่ายหญิงและว่าที่ภรรยาหรือยัง?"

ถ้าพร้อมจะหาเงินเลี้ยงคนเหล่านั้น ก็แต่ง  แต่ถ้าไม่สบายใจ ไม่พร้อม ก็ไม่ต้องแต่ง

และถามตัวเองด้วยคำถามว่า "ดูแลพ่อแม่เราเท่านี้หรือเปล่า?"


ถ้าคำตอบคือไม่  ก็ไม่ต้องแต่ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่