สวัสดีค่ะทุกคน กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของดิฉัน วันนี้ดิฉันจะพาเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เที่ยวชมวัดอาจาโรรังสีนะค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง ก่อนอื่นดิฉันขอแนะนำตัวเองก่อน ดิฉันชื่อ นางสาวไข่มุก อิ้มพัฒน์ กำลังศึกษาอยู่ชั้นปี 3 ขอฝากกระทู้นี้ไว้ด้วยนะค่ะ
วัดอาจาโรรังสีแห่งนี้ ถือกำเนิดและวัฒนาถาวรมาจนขณะนี้ เริ่มแต่ชื่อวัดอันเป็นมิ่งมหาสิริมงคลที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานนามให้ ว่า “อาจาโรรังสี” นั้น ก็เป็นที่ยอมรับและเข้าใจกันโดยปริยายว่า หมายถึงฉายาของพระมหาเถระ ๒ รูป คือ “อาจาโร” ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฝั้น และ “เทสรังสี” ของพระเดชพระคุณหลวงปู่เทสก์ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช ทรงเคารพนับถือในพระมหาเถระทั้งสอง และเคยสมาคมติดต่อกันมาแต่อดีตกาล ในวันที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเข้าเฝ้ากราบแทบพระบาทเพื่อขอประทานความเห็น ทั้งขอคำแนะนำในการจะสร้างวัดแห่งนี้
พระอธิการทรงวุฒิ ธฺมมวโร
เจ้าอาวาสวัดอาจาโรรังสี
วัดอาจาโรรังสี ตั้งขึ้นและจะพัฒนาถาวรต่อไป ก็ต้องอาศัยแรงศรัทธาสามัคคีของพุทธศาสนิกชน ขณะเดียวกันพระสงฆ์สามเณรที่เข้ามาพำนักอาศัยในสถานที่นี้ก็ต้องเป็นผู้ปฏิบัติตามธรรมวินัย คำสั่งสอนของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นเจ้าของพระศาสนาด้วย ข้าพเจ้าพยายามยึดถือหลักของความอนุเคราะห์สงเคราะห์เกื้อกูลซึ่งกันเป็นปัจจัยที่สำคัญ
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างชาวบ้านกับวัดที่บรรพบุรุษถือปฏิบัติมาแต่ครั้งโบราณกาล
อาคารพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ครบรอบ ๑๐๐ ปี หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (๒๖ เมษายน ๒๕๔๕)
อนึ่ง เนื่องจากนามอันเป็นสิริมงคลที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงประทานให้ดังกล่าวมาแล้วนั้น บรรดาศิษยานุศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
ทั้งในเขตจังหวัดสกลนคร และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดทั้งทางไกลถึงกรุงเทพฯ และปักษ์ใต้
ต่างมาช่วยสนับสนุนทำนุบำรุงกิจการพระพุทธศาสนา ณ วัดอาจาโรรังสี เป็นลำดับมา พอมาถึง
กลางปี พ.ศ. ๒๕๔๓ บรรดากรรมการวัดและญาติโยมจึงหารือกันว่า ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๕
หากพระเดชพระคุณหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะมีอายุครบ ๑๐๐ ปีบริบูรณ์
อนึ่ง ท่านก็ได้บำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาและแก่ประเทศชาติไว้มากจนเป็นที่ประจักษ์แล้ว วัดอาจาโรรังสีน่าจะมีถาวรวัตถุเป็นสาราณียธรรมานุสรณ์ ถึงท่านสักอย่างหนึ่งกอรปกับในช่วงนั้น พ.ศ. ๒๕๔๓ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ ๒๖ สกลนคร ได้นำราชการทหารเจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง ตลอดจนเยาวชนมารับการอบรมธรรมะอย่างต่อเนื่อง แต่สถานที่ที่เรามีอยู่ (ศาลาการเปรียญ) ไม่สะดวกเพียงพอ จึงได้ตกลงวางแผนที่จะสร้างอาคารทรงไทยคอนกรีต
เสริมเหล็ก สองชั้น ชั้นล่าง เป็นห้องโถงโล่ง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การอบรมและปฏิบัติธรรม ชั้นบนสำหรับจัดเป็นอนุสรณ์แก่พระเดชพระคุณหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี การก่อสร้างดังกล่าว
ไม่มีงบประมาณ (เพราะไม่มีงบจะประมาณ) จึงไม่มีแบบแปลนใดๆ เพียงแต่วางแผนผังโครงสร้างแล้วดำเนินการ กะว่ามีทุนเท่าใดก็จะทำตามกำลังความสามารถเท่านั้น ให้สำเร็จประโยชน์ใช้สอยโดยมุ่งความแข็งแรงเป็นหลักเมื่อเริ่มดำเนินการก็มีศรัทธาสนับสนุน
ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ครบรอบ ๑๐๐ ปี หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
พระพุทธทุกขนิโรธบารมี
พระบรมสารีริกธาตุ
นขาธาตุ
ทันตาธาตุ
ตโจธาตุ
เกสาธาตุ
โลมาธาตุ
อัฐบริขารพระกรรมฐาน
ศาลาธรรมานุสรณ์ ๙ รอบนักษัตร (๑๐๘ปี)
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
เมื่อมารำลึกถึง...พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ในระหว่างที่ยังดำรงขันธ์อยู่นั้นท่านได้ยึดมั่นปฏิบัติสมณกิจตามพระธรรมวินัย เป็นแบบอย่างอันงดงามแก่ภิกษุสามเณรผู้บวชอุทิศพระพุทธศาสนาสมควรที่จะดำเนินรอยตาม ทั้งยังได้บำเพ็ญสมณกิจอันเป็นหิตานุหิตประโยชน์แก่ตนและสาธารณนัยตลอดอายุขัย จวบจนกระทั่งละรูปสังขารคืนสู่สภาวะของธรรมชาติเมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนอ้าย ปีจอ ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗ หากคำนวณนับปีตั้งแต่ชาตกาลเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๔๕ ปีขาล ก็จะครบ ๙ รอบนักษัตร ( ๑๐๘ ปี ) ในวันที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ ปีขาล และแม้ว่าท่านจะจากโลกนี้ไปแล้ว อมฤตธรรมคำสอนของท่านก็ยังคงเป็นสักขีพยานยืนยันอริยสัจธรรมของพระบรมศาสดา เชื้อเชิญทายท้าให้ผู้มีศรัทธาเลื่อมใสน้อมนำไปปฏิบัติได้ตลอดกาลทุกเมื่อ อันบรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลายที่เคยได้รับการอบรมสั่งสอนจากท่าน ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ย่อมประจักษ์ด้วยตนเอง น้อยหรือมากตามแต่อุปนิสัยวาสนาบารมีแห่งเหตุปัจจัยของตนๆ อันชวนให้รำลึกถึงพระคุณของท่านเสมออยู่มิรู้ลืม
อีกประการหนึ่งเล่า พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณ พระราชญาณมุนีที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร (ธ.) เมื่อครั้งท่านยังดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร (ธ.) เห็นว่าวัดอาจาโรรังสีมีความพร้อมและเหมาะสมที่จะเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ท่านจึงมีเมตตาสนับสนุนส่งเสริม จนกระทั่งมหาเถรสมาคมได้มีมติที่ ๒๑๖/๒๕๕๑ ให้วัดอาจาโรรังสี เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดสกลนคร (ธ.) แห่งที่ ๒ (การประชุมเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๑ ) เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐและเอกชน ตลอดจนโรงเรียนและสถานศึกษานำบุคลากร เยาวชน นักเรียนนักศึกษามาใช้สถานที่นี้อบรมคุณธรรมจริยธรรม และปฏิบัติธรรมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจำนวนรุ่นและจำนวนคนในแต่ละรุ่น ทำให้อาคารสถานที่ที่มีอยู่เดิมนั้นขาดความคล่องตัวในการรับรองกิจกรรมดังกล่าว
บรรยายกาศด้านใน
ภาพงานการบำเพ็ญกุศลวันเทสรังสีรำลึก (ปีที่ ๒๓)
วันอาทิตย์ที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐

เลี้ยงอาหารกลางวันนักเรียน ♦♦♦
๖ มีนาคม ๒๕๕๘
เลี้ยงอาหารกลางวัน (ข้าวมันไก่ + ข้าวเหนียวสังขยา)
นักเรียนโรงเรียนบ้านคำข่า (๑๕๐ คน)

โครงการบรรพชา - อุปสมบทหมู่ เฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษามหาราชัน
เฉลิมขวัญ สานสามัคคี ภักดีสยามินทร์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสมหามงคล
เฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ (๘๔ พรรษา) ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

ข้อมูลและแผนที่เดินทาง
ก็จบทริปครั้งนี้ไปแล้วนะค่ะ อยากบอกทุกคนว่าที่ท่องเที่ยวยังไม่หมดแค่นี้น๊า ยังมีอีกเยอะมาก ฝากด้วยนะค่ะ มาเที่ยวชมและมาร่วมทำบุญด้วยกันนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก watarjarorungsee.com/watarjarorungsee.html ด้วยนะค่ะ
เที่ยวชม ทำบุญตักบาตร ณ วัดอาจาโรรังสี
วัดอาจาโรรังสีแห่งนี้ ถือกำเนิดและวัฒนาถาวรมาจนขณะนี้ เริ่มแต่ชื่อวัดอันเป็นมิ่งมหาสิริมงคลที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานนามให้ ว่า “อาจาโรรังสี” นั้น ก็เป็นที่ยอมรับและเข้าใจกันโดยปริยายว่า หมายถึงฉายาของพระมหาเถระ ๒ รูป คือ “อาจาโร” ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฝั้น และ “เทสรังสี” ของพระเดชพระคุณหลวงปู่เทสก์ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช ทรงเคารพนับถือในพระมหาเถระทั้งสอง และเคยสมาคมติดต่อกันมาแต่อดีตกาล ในวันที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเข้าเฝ้ากราบแทบพระบาทเพื่อขอประทานความเห็น ทั้งขอคำแนะนำในการจะสร้างวัดแห่งนี้
วัดอาจาโรรังสี ตั้งขึ้นและจะพัฒนาถาวรต่อไป ก็ต้องอาศัยแรงศรัทธาสามัคคีของพุทธศาสนิกชน ขณะเดียวกันพระสงฆ์สามเณรที่เข้ามาพำนักอาศัยในสถานที่นี้ก็ต้องเป็นผู้ปฏิบัติตามธรรมวินัย คำสั่งสอนของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นเจ้าของพระศาสนาด้วย ข้าพเจ้าพยายามยึดถือหลักของความอนุเคราะห์สงเคราะห์เกื้อกูลซึ่งกันเป็นปัจจัยที่สำคัญ
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างชาวบ้านกับวัดที่บรรพบุรุษถือปฏิบัติมาแต่ครั้งโบราณกาล
อาคารพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ครบรอบ ๑๐๐ ปี หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (๒๖ เมษายน ๒๕๔๕)
อนึ่ง เนื่องจากนามอันเป็นสิริมงคลที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงประทานให้ดังกล่าวมาแล้วนั้น บรรดาศิษยานุศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
ทั้งในเขตจังหวัดสกลนคร และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดทั้งทางไกลถึงกรุงเทพฯ และปักษ์ใต้
ต่างมาช่วยสนับสนุนทำนุบำรุงกิจการพระพุทธศาสนา ณ วัดอาจาโรรังสี เป็นลำดับมา พอมาถึง
กลางปี พ.ศ. ๒๕๔๓ บรรดากรรมการวัดและญาติโยมจึงหารือกันว่า ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๕
หากพระเดชพระคุณหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะมีอายุครบ ๑๐๐ ปีบริบูรณ์
อนึ่ง ท่านก็ได้บำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาและแก่ประเทศชาติไว้มากจนเป็นที่ประจักษ์แล้ว วัดอาจาโรรังสีน่าจะมีถาวรวัตถุเป็นสาราณียธรรมานุสรณ์ ถึงท่านสักอย่างหนึ่งกอรปกับในช่วงนั้น พ.ศ. ๒๕๔๓ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ ๒๖ สกลนคร ได้นำราชการทหารเจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง ตลอดจนเยาวชนมารับการอบรมธรรมะอย่างต่อเนื่อง แต่สถานที่ที่เรามีอยู่ (ศาลาการเปรียญ) ไม่สะดวกเพียงพอ จึงได้ตกลงวางแผนที่จะสร้างอาคารทรงไทยคอนกรีต
เสริมเหล็ก สองชั้น ชั้นล่าง เป็นห้องโถงโล่ง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การอบรมและปฏิบัติธรรม ชั้นบนสำหรับจัดเป็นอนุสรณ์แก่พระเดชพระคุณหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี การก่อสร้างดังกล่าว
ไม่มีงบประมาณ (เพราะไม่มีงบจะประมาณ) จึงไม่มีแบบแปลนใดๆ เพียงแต่วางแผนผังโครงสร้างแล้วดำเนินการ กะว่ามีทุนเท่าใดก็จะทำตามกำลังความสามารถเท่านั้น ให้สำเร็จประโยชน์ใช้สอยโดยมุ่งความแข็งแรงเป็นหลักเมื่อเริ่มดำเนินการก็มีศรัทธาสนับสนุน
ศาลาธรรมานุสรณ์ ๙ รอบนักษัตร (๑๐๘ปี)
เมื่อมารำลึกถึง...พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ในระหว่างที่ยังดำรงขันธ์อยู่นั้นท่านได้ยึดมั่นปฏิบัติสมณกิจตามพระธรรมวินัย เป็นแบบอย่างอันงดงามแก่ภิกษุสามเณรผู้บวชอุทิศพระพุทธศาสนาสมควรที่จะดำเนินรอยตาม ทั้งยังได้บำเพ็ญสมณกิจอันเป็นหิตานุหิตประโยชน์แก่ตนและสาธารณนัยตลอดอายุขัย จวบจนกระทั่งละรูปสังขารคืนสู่สภาวะของธรรมชาติเมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนอ้าย ปีจอ ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗ หากคำนวณนับปีตั้งแต่ชาตกาลเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๔๕ ปีขาล ก็จะครบ ๙ รอบนักษัตร ( ๑๐๘ ปี ) ในวันที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ ปีขาล และแม้ว่าท่านจะจากโลกนี้ไปแล้ว อมฤตธรรมคำสอนของท่านก็ยังคงเป็นสักขีพยานยืนยันอริยสัจธรรมของพระบรมศาสดา เชื้อเชิญทายท้าให้ผู้มีศรัทธาเลื่อมใสน้อมนำไปปฏิบัติได้ตลอดกาลทุกเมื่อ อันบรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลายที่เคยได้รับการอบรมสั่งสอนจากท่าน ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ย่อมประจักษ์ด้วยตนเอง น้อยหรือมากตามแต่อุปนิสัยวาสนาบารมีแห่งเหตุปัจจัยของตนๆ อันชวนให้รำลึกถึงพระคุณของท่านเสมออยู่มิรู้ลืม
อีกประการหนึ่งเล่า พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณ พระราชญาณมุนีที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร (ธ.) เมื่อครั้งท่านยังดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร (ธ.) เห็นว่าวัดอาจาโรรังสีมีความพร้อมและเหมาะสมที่จะเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ท่านจึงมีเมตตาสนับสนุนส่งเสริม จนกระทั่งมหาเถรสมาคมได้มีมติที่ ๒๑๖/๒๕๕๑ ให้วัดอาจาโรรังสี เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดสกลนคร (ธ.) แห่งที่ ๒ (การประชุมเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๑ ) เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐและเอกชน ตลอดจนโรงเรียนและสถานศึกษานำบุคลากร เยาวชน นักเรียนนักศึกษามาใช้สถานที่นี้อบรมคุณธรรมจริยธรรม และปฏิบัติธรรมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจำนวนรุ่นและจำนวนคนในแต่ละรุ่น ทำให้อาคารสถานที่ที่มีอยู่เดิมนั้นขาดความคล่องตัวในการรับรองกิจกรรมดังกล่าว
บรรยายกาศด้านใน
วันอาทิตย์ที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐
๖ มีนาคม ๒๕๕๘
เลี้ยงอาหารกลางวัน (ข้าวมันไก่ + ข้าวเหนียวสังขยา)
นักเรียนโรงเรียนบ้านคำข่า (๑๕๐ คน)
เฉลิมขวัญ สานสามัคคี ภักดีสยามินทร์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสมหามงคล
เฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ (๘๔ พรรษา) ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
ข้อมูลและแผนที่เดินทาง
ก็จบทริปครั้งนี้ไปแล้วนะค่ะ อยากบอกทุกคนว่าที่ท่องเที่ยวยังไม่หมดแค่นี้น๊า ยังมีอีกเยอะมาก ฝากด้วยนะค่ะ มาเที่ยวชมและมาร่วมทำบุญด้วยกันนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก watarjarorungsee.com/watarjarorungsee.html ด้วยนะค่ะ