http://www.scb.co.th/line/tip/money-plan.html
นี่เป็นข้อมูลที่พออ้างอิงได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมตัวดีพอ แต่แอบหวังพึ่งลูกหลาน หรือแม้แต่จะพึ่งรัฐเสียอีก ... ส่วนรัฐก็มีนโยบายประชานิยม นิยมแจกเงิน ... อ่านข้อมูลและฟังข่าวที่รัฐชดเชย สนับสนุน แจกจ่ายเงินทองมากมายให้ประชาชน ... ต้องยอมรับว่าในบางกรณีคงจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือ แต่ส่วนใหญ่โดยส่วนตัวไม่เห็นว่าสมควรจะต้องแจกเงิน ... มันเหมือนการเลี้ยงลูกที่ไม่รู้จักให้เด็กช่วยเหลือตนเองได้ สุดท้ายเค้าก็จะเรียนรู้ว่าต้องมีคนมาช่วยในที่สุด ซึ่งสุดท้ายเด็กก็จะไม่รู้จักหาวิธีสร้างรายได้อย่างสร้างสรรค์และเอาตัวรอดแบบยั่งยืนได้เลย ซึ่งประเทศไทยเป็นแบบนั้นมาสัก 1x ปีได้ล่ะตั้งแต่ผมสนใจเรื่องราวเหล่านี้
เช่นเดียวกัน ในเรื่องการเกษียณทำไมไม่มีการประชาสัมพันธ์ หรือกระตุ้นการเรียนรู้ให้ประชาชนคนไทยรู้จักคิด รู้จักวางแผน รู้จักเก็บออมเพื่อตัวเองในวัยที่ไม่สามารถหารายได้ ... ผมค่อนข้างโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ท่านสอนให้ผมรู้จักเก็บออมตั้งแต่เริ่มมีรายได้เป็นของตนเอง ประกอบกับผมมีเพื่อนและคนรู้จักที่ทำงานใน UN และบริษัทต่างชาติ ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้เค้าหักเงินเดือนเพื่อนำไปลงทุนและให้ผลตอบแทนกับพนักงานในยามเกษียณด้วยผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงดีที่เดียว ทำให้ผมสนใจและเรียนรู้มาเรื่อยๆ นอกจากนั้นพอโตขึ้นก็เห็นวิธีการออมเงินวัยเกษียณมากมายทั้งการลงทุนในตลาด การซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อก่อให้เกิด Passive income ซึ่งอันนี้ได้เรียนรู้จากคุณพ่อคุณแม่ โดยสรุปผมมีแนวคิดในการออมเงินมาเกือบ 10 ปีล่ะครับและจะยังเก็บเงินต่อไป บทสรุปสำหรับผมง่ายๆคือ
1. หารายได้ให้มากกว่า 1 ช่องทาง และถ้าเป็นไปได้แต่ละช่องทางควรจะมาจากคนละวิธีกัน
2. แบ่งเงินรายได้ออกมาเก็บก่อนใช้ทุกครั้ง โดยแบ่งเงินเก็บเป็น เงินใช้ฉุกเฉิน เงินเก็บเกษียณ เงินเก็บเพื่อการลงทุน เงินเก็บสำหรับประกันสุขภาพ เงินเก็บเพื่อพักผ่อนท่องเที่ยว เงินเก็บให้พ่อแม่ เงินเก็บใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แล้วสุดท้ายคือ เงินก้อนสุดท้ายสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน
3. บริหารจัดการเงินเก็บในการลงทุน ... เพื่อก่อให้เกิดเป็นรายได้อีกช่องทางให้ได้ โดยเอาที่เราถนัดและสนใจ และที่สำคัญควรเป็นอะไรที่มีมูลค่า ไม่หดหาย และเก็บกินนานๆได้
4. บริหารจัดการเงินเก็บวัยเกษียณหลายๆรูปแบบ เช่นการลงทุนการกองทุน RMF , การซื้อประกันสำหรับใช้ในวัยเกษียณซึ่งก็ต้องดูให้ดีๆเอาเองนะครับ, การลงทุนในกองทุน หรือรูปแบบอื่นที่คุณถนัดและมั่นใจว่าจะไม่หดหายไปนะ
5. คุณควรมีเงินสำหรับประกันสุขภาพเวลาเจ็บป่วย ... ส่วนตัวขอความสะดวกสบายเวลาเจ็บป่วย ... มองหาดูครับประเทศไทยมีประกันที่ค่อนข้างดีทีเดียว และที่สำคัญคุณจะไม่ต้องมากังวลกับค่ารักษาพยาบาล แถมไม่ต้องรอคิวนาน และคุ้มครองคุณด้วยถ้าคุณไปต่างประเทศแล้วไปเจ็บป่วย...กรณีคุณซื้อตัวที่ Premium หน่อยนะ
6. คุณวางแผนไว้หน่อยว่าคุณอยากเกษียณตอนอายุเท่าไร จะใช้เงินตอนเกษียณเดือนละเท่าไร จะสร้างรายได้ระหว่างเกษียณได้บ้างไหม ... คุณจะได้รู้ว่าคุณต้องมีเงินเก็บก่อนอยากเกษียณเท่าไรไง
สุดท้ายผมรักประเทศไทยนะ...คงใช้ชีวิตเกษียณที่ไทยนี่แหละ เพราะชาวต่างชาติยังอยากมาใช้ชีวิตวัยเกษียณที่ไทยเลย แสดงว่า ไทยมีดีนะที่เค้ามา เช่น เรืองอะไรบ้างลองไปดูกัน
https://internationalliving.com/the-best-places-to-retire/
ไทยเรามีดีทั้งเรื่อง ภูมิอากาศ อาหารการกิน สถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อน ความสะดวกในการเดินทาง ระบบดูแลสุขภาพในยามเจ็บป่วย
แล้วทำไมคนไทยไม่วางแผนให้ตัวเองสบายตอนแก่แบบไม่ต้องพึ่งลูกหลาน และไม่ต้องพึ่งรัฐบางล่ะครับ
ผมเชียร์นะ...วางแผนกันได้แล้วนะ ... แล้วรบกวนให้ท่านที่จะเอาเงินภาษีพวกเราไปใช้ ช่วยใช้ให้คุ้มค่านิดนึงก็ดีนะ ... ขอบคุณครับ
คุณเตรียมตัวเกษียณกันยัง...ไทยเราติดอันดับต้นๆที่ชาวต่างชาติเลือกมาใช้ชีวิตในวัยเกษียณ...เรามีดีแล้วคุณเตรียมพร้อมยัง
นี่เป็นข้อมูลที่พออ้างอิงได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมตัวดีพอ แต่แอบหวังพึ่งลูกหลาน หรือแม้แต่จะพึ่งรัฐเสียอีก ... ส่วนรัฐก็มีนโยบายประชานิยม นิยมแจกเงิน ... อ่านข้อมูลและฟังข่าวที่รัฐชดเชย สนับสนุน แจกจ่ายเงินทองมากมายให้ประชาชน ... ต้องยอมรับว่าในบางกรณีคงจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือ แต่ส่วนใหญ่โดยส่วนตัวไม่เห็นว่าสมควรจะต้องแจกเงิน ... มันเหมือนการเลี้ยงลูกที่ไม่รู้จักให้เด็กช่วยเหลือตนเองได้ สุดท้ายเค้าก็จะเรียนรู้ว่าต้องมีคนมาช่วยในที่สุด ซึ่งสุดท้ายเด็กก็จะไม่รู้จักหาวิธีสร้างรายได้อย่างสร้างสรรค์และเอาตัวรอดแบบยั่งยืนได้เลย ซึ่งประเทศไทยเป็นแบบนั้นมาสัก 1x ปีได้ล่ะตั้งแต่ผมสนใจเรื่องราวเหล่านี้
เช่นเดียวกัน ในเรื่องการเกษียณทำไมไม่มีการประชาสัมพันธ์ หรือกระตุ้นการเรียนรู้ให้ประชาชนคนไทยรู้จักคิด รู้จักวางแผน รู้จักเก็บออมเพื่อตัวเองในวัยที่ไม่สามารถหารายได้ ... ผมค่อนข้างโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ท่านสอนให้ผมรู้จักเก็บออมตั้งแต่เริ่มมีรายได้เป็นของตนเอง ประกอบกับผมมีเพื่อนและคนรู้จักที่ทำงานใน UN และบริษัทต่างชาติ ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้เค้าหักเงินเดือนเพื่อนำไปลงทุนและให้ผลตอบแทนกับพนักงานในยามเกษียณด้วยผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงดีที่เดียว ทำให้ผมสนใจและเรียนรู้มาเรื่อยๆ นอกจากนั้นพอโตขึ้นก็เห็นวิธีการออมเงินวัยเกษียณมากมายทั้งการลงทุนในตลาด การซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อก่อให้เกิด Passive income ซึ่งอันนี้ได้เรียนรู้จากคุณพ่อคุณแม่ โดยสรุปผมมีแนวคิดในการออมเงินมาเกือบ 10 ปีล่ะครับและจะยังเก็บเงินต่อไป บทสรุปสำหรับผมง่ายๆคือ
1. หารายได้ให้มากกว่า 1 ช่องทาง และถ้าเป็นไปได้แต่ละช่องทางควรจะมาจากคนละวิธีกัน
2. แบ่งเงินรายได้ออกมาเก็บก่อนใช้ทุกครั้ง โดยแบ่งเงินเก็บเป็น เงินใช้ฉุกเฉิน เงินเก็บเกษียณ เงินเก็บเพื่อการลงทุน เงินเก็บสำหรับประกันสุขภาพ เงินเก็บเพื่อพักผ่อนท่องเที่ยว เงินเก็บให้พ่อแม่ เงินเก็บใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แล้วสุดท้ายคือ เงินก้อนสุดท้ายสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน
3. บริหารจัดการเงินเก็บในการลงทุน ... เพื่อก่อให้เกิดเป็นรายได้อีกช่องทางให้ได้ โดยเอาที่เราถนัดและสนใจ และที่สำคัญควรเป็นอะไรที่มีมูลค่า ไม่หดหาย และเก็บกินนานๆได้
4. บริหารจัดการเงินเก็บวัยเกษียณหลายๆรูปแบบ เช่นการลงทุนการกองทุน RMF , การซื้อประกันสำหรับใช้ในวัยเกษียณซึ่งก็ต้องดูให้ดีๆเอาเองนะครับ, การลงทุนในกองทุน หรือรูปแบบอื่นที่คุณถนัดและมั่นใจว่าจะไม่หดหายไปนะ
5. คุณควรมีเงินสำหรับประกันสุขภาพเวลาเจ็บป่วย ... ส่วนตัวขอความสะดวกสบายเวลาเจ็บป่วย ... มองหาดูครับประเทศไทยมีประกันที่ค่อนข้างดีทีเดียว และที่สำคัญคุณจะไม่ต้องมากังวลกับค่ารักษาพยาบาล แถมไม่ต้องรอคิวนาน และคุ้มครองคุณด้วยถ้าคุณไปต่างประเทศแล้วไปเจ็บป่วย...กรณีคุณซื้อตัวที่ Premium หน่อยนะ
6. คุณวางแผนไว้หน่อยว่าคุณอยากเกษียณตอนอายุเท่าไร จะใช้เงินตอนเกษียณเดือนละเท่าไร จะสร้างรายได้ระหว่างเกษียณได้บ้างไหม ... คุณจะได้รู้ว่าคุณต้องมีเงินเก็บก่อนอยากเกษียณเท่าไรไง
สุดท้ายผมรักประเทศไทยนะ...คงใช้ชีวิตเกษียณที่ไทยนี่แหละ เพราะชาวต่างชาติยังอยากมาใช้ชีวิตวัยเกษียณที่ไทยเลย แสดงว่า ไทยมีดีนะที่เค้ามา เช่น เรืองอะไรบ้างลองไปดูกัน
https://internationalliving.com/the-best-places-to-retire/
ไทยเรามีดีทั้งเรื่อง ภูมิอากาศ อาหารการกิน สถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อน ความสะดวกในการเดินทาง ระบบดูแลสุขภาพในยามเจ็บป่วย
แล้วทำไมคนไทยไม่วางแผนให้ตัวเองสบายตอนแก่แบบไม่ต้องพึ่งลูกหลาน และไม่ต้องพึ่งรัฐบางล่ะครับ
ผมเชียร์นะ...วางแผนกันได้แล้วนะ ... แล้วรบกวนให้ท่านที่จะเอาเงินภาษีพวกเราไปใช้ ช่วยใช้ให้คุ้มค่านิดนึงก็ดีนะ ... ขอบคุณครับ