รีวิว + เจาะรายละเอียด Game of Thrones ซีซั่น 7 ตอนที่ 4 “The Spoils of War” โดย FB: Review นอกกระแส
Spoil Alert!!!

เป็นตอนที่ผมช๊อบชอบ โครตจะมีอะไรให้ตีความ มีความลับที่ยังไม่ถูกเปิดเผย และเต็มไปด้วยความมันส์ที่ต้องลุ้นจนตัวโก่งแบบสงครามตามชื่อเรื่อง “The Spoils of War” บวกกับตัวละครหลายตัวได้โชว์ความเท่บวกความเทพ Arya สกิลนักดาบ, Bran เนตรแห่งอีกา, Daenerys สาวนักขี่มังกรผาดโผน, Bronn เปลี่ยนจากอัศวินหน้าเงินมาเป็นอัศวินขี่ม้าขาว เป็นตอนที่มีระยะเวลาน้อยที่สุดในซีซั่น 50 นาที แต่กลับอัดแน่นไปด้วยความดีงาม

นิ้วก้อย vs อีกาสามตา
- ฉากที่นิ้วก้อย ได้นำกริชที่นักฆ่าเคยพยายามใช้สังหาร Bran ที่นอนไม่ได้สติ (ซีซั่น 1) มาให้และเล่าเรื่องราวต่างๆ โดยนิ้วก้อยเองก็ยังไม่รู้ความสามารถที่ Bran มีในตอนนี้ จุดประสงค์คือการใช้คำหวานเพื่อทำให้ Bran อุ่นใจในตัวนิ้วก้อยและพยายามจะผูกมิตร (อาจจะเพราะคิดว่า Bran คือ Lord Stark ที่แท้จริง ผู้มีสิทธิ์ในการครองแดนเหนือ)
- Bran เองเหมือนรู้เรื่องทุกอย่าง ได้ลองใจนิ้วก้อยโดยการถามว่า “ท่านรู้มั๊ยว่ากริชนี่เป็นของใคร?” คำตอบที่ไม่ได้คำตอบของนิ้วก้อย ทำให้ Bran ต้องพูดแทรกขึ้นมาว่า “ความวุ่นวายคือบันไดไต่เต้า (Chaos is a ladder)” ซึ่งมันคือคำพูดของนิ้วก้อยเองที่เคยพูดกับลอร์ด Varys ณ King’s Landing (คำพูดนี้แบรนรู้ได้อย่างไร มีแค่สองคนที่รู้เท่านั้น) พอนิ้วก้อยได้ยินคำนี้เท่านั้น ตัวเองก็ได้แต่นิ่งไป...(สงสัยต้องประเมิน Bran ใหม่ซะแล้ว)
วิเคราะห์สถานการณ์
- ตัวนิ้วก้อยเอง สำนึกได้ว่า Bran มีความสามารถในการใช้นิมิต และ Bran ต้องรู้เรื่องที่เขาเคยทรยศ Ned Stark หากจะให้เดาใจว่านิ้วก้อยจะทำอย่างไรต่อไป เขาคงไม่อยู่เฉยๆรอให้ Jon กลับมา แล้วปล่อยให้ Bran พูดเรื่องนี้กับ Jon แน่ๆ ทางเลือกมีสามทาง หนึ่ง รีบเดินทางกลับ Vale ก่อนที่กษัตริย์แห่งแดนเหนือจะกลับมา สอง หาทางฆ่า Bran ให้ไวที่สุดก่อนที่พี่น้องจะได้เจอกัน และสาม รีบเป่าหู Sansa ให้เร็วที่สุด เพื่อยึดอำนาจและครองแดนเหนือไปด้วยกัน

“เมื่อพวกมันมาถึง ข้าต้องกลับไปอยู่กับครอบครัว”
- ความเย็นชาของ Bran ที่พูดกับ Meera ตอนกำลังจะจากลา มันทำให้รู้สึกว่า Bran เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปเป็นอีกาสามตาอย่างเต็มตัวหรือโดนอีกาสามตาครอบครองจิตใจ นับตั้งแต่ในถ้ำนอกกำแพงแล้ว
วิเคราะห์สถานการณ์
- แอดคิดว่าคำพูดที่ Meera พูดว่าจะเดินทางกลับไปหาครอบครัว แสดงว่านางยังมีครอบครัวอยู่และคนที่เป็นบุคคลสำคัญ กุมความลับชาติกำเนิดของ Jon Snow และเป็นผู้ฆ่า Arthur Dayne อัศวินที่เก่งที่สุด (ในสายตา Ned) และคนๆนั้นก็คือ Lord Howland Reed พ่อของ Meera และเพื่อนของ Ned Stark ซึ่งเขาอาจจะมีบทบาทในการร่วมต่อสู้กับเหล่ากองทัพผีดิบในตอนต่อไปก็เป็นได้

หมาป่าสาวเดินทางกลับบ้าน
- ฉากที่ Arya ต่อล้อต่อเถียงกับทหารคุ้มกันประตูเมือง ทำให้คิดขึ้นตอนซีซั่น 1 ที่นางถูกยามเฝ้าประตู King’s Landing กันไม่ให้เข้าเมือง แต่สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไป นางถือไพ่เหนือกว่ามากและพกความมั่นใจมาเต็ม
- ขณะ Arya นั่งรอพบ Sansa นางได้มองไปรอบๆ Winterfell ที่เปลี่ยนไป แสดงให้เห็นว่า Arya นั้นถึงจะฝึกการเป็นนักฆ่าไร้หน้ามา แต่นางก็ยังเหลือความอาลัยความคิดถึงอยู่ (ต่างจาก Bran ที่เป็นเพียงท่อนไม้ท่อนซุงไร้ความรู้สึกใดๆ)
วิเคราะห์สถานการณ์
- จากฉากที่ Arya ได้ลงฝึกซ้อมดาบกับ Brienne ผู้เคยเอาชนะ Sandor Clegane (คนน้อง) มาแล้ว ทำให้ Arya อยากเรียนรู้การใช้ดาบจากผู้เคยคว่ำ The Hound แน่นอนว่าจุดประสงค์ต่อไปของ Arya คือ Gregor Clegane (คนพี่) การที่จะเข้าถึงตัว The Mountain นั้นถือเป็นเรื่องยาก แต่การจะฆ่ามันนั้นยากยิ่งกว่า แต่ตอนนี้ เราได้เห็นความเทพและความโครตเท่ของ Arya แล้ว ถึงกระบวนดาบนางจะยังสู้อัศวินไม่ได้ แต่ไหวพริบและการพลิกแพลงของ Arya จะเป็นอาวุธที่อันตรายกับคู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
- อีกทั้งหลังการประลองดาบจบ สายตาที่ Arya ได้มองขึ้นไปสบตากับนิ้วก้อย เหมือนจะมีนัยยะอะไรอย่างบาง ความลับของนิ้วก้อยยังไม่ถูกเปิดเผย แต่หาก Arya ได้ทราบเรื่อง นิ้วก้อยจะขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในลิสต์ของนางแน่นอน และในความคิดของแอดเอง หากนิ้วก้อยจะตาย มันต้องตายด้วยคนใดคนหนึ่งในบรรดาสตาร์คแน่นอน (เอาคืนแบบจัดหนัก)

ประวัติที่ถูกจารึกไว้บนผนังถ้ำ
- ฉากแรกที่ Missandei คุยกับ Daenerys เรื่องหนอนเทา มีการส่งยิ้มแซวกันแบบเพื่อนสาว แต่เมื่อ Jon Snow โผล่มา Missandei กลับส่งสายตาให้ Daenerys แบบเดียวกัน ประมาณว่า “ชั้นรอคู่จิ้นแม่มังกรกับพ่อหมาป่าอยู่น้า...” หรือว่าความรักได้เริ่มก่อตัวหน่อยๆแล้ว (Jon Snow กรูยังไม่รู้แหดรู้ตี๋เหมือนเดิม)
- สัญลักษณ์ในถ้ำ โดยเป็นการเขียนขึ้นโดยเหล่าเด็กแห่งพงไพร (เผ่าพันธุ์แรกที่อาศัยอยู่ ณ Westeros) ก่อนที่เผ่าพันธุ์คนจะเข้ามา (ปฐมบุรุษ) รูปบนผนังทำให้รู้ว่ามันถูกเขียนในช่วงที่ ปฐมบุรุษได้ทำสัจจะสาบานและร่วมเป็นมิตรกับเหล่าเด็กแห่งพงไพรเพื่อต่อสู้กับเหล่าผีดิบ
***วิเคราะห์สถานการณ์
- สัญลักษณ์ รูปวงกลมวนๆ มันมีความหมายแฝง เราเคยเห็นสัญลักษณ์แบบนี้ในหลากหลายรูปแบบที่เป็นเหมือนพิธีกรรมอะไรบางอย่างของเหล่า White Walker (ตั้งแต่ซีซั่น 1 ตอนแรกสุด) อีกทั้งการเอาชิ้นส่วนคนตายมาเรียงให้เป็นวงวนเหมือนก้นหอย แน่นอนว่า Daenerys เชื่อเรื่องการมาของเหล่าผีดิบนอกกำแพงจากหลักฐานที่ปรากฏในถ้ำแน่นอน แต่หากจะให้ Daenerys ยอมร่วมทัพเพื่อสู้กับเหล่าผีดิบ Jon ต้องยอมคุกเข้าเพื่อภักดีของนาง แอดกลับตอบคำตอบของ Jon ที่ว่า “"Isn't their survival more important than your pride?" “การอยู่รอดของพวกเขามันจะสำคัญกว่าความภาคภูมิใจของตัวท่านเหรอ?” เพราะมันเป็นคำพูดเดียวกันกับตอนที่ Mance Rayder ราชานอกกำแพง สั่งให้ Jon คุกเข่าต่อหน้า Jon ก็ได้พูดประโยคเดียวกันนี้
- อีกทั้ง หลังการแจ้งข่าวร้ายของ Tyrion ต่อ Daenerys คำพูดสุดท้ายที่คุณย่า Olenna ได้พูดกับ Daenerys เรื่อง Tyrion ในเชิงว่าอย่าไปเชื่อคำชี้นำของภูติน้อย มันเริ่มจะทำให้ Daenerys ฉุกคิดและกล่าวโทษ Tyrion ที่เป็นคนคิดแผน และทำให้ต้องสูญเสียทัพของ Dorne และ Yara Greyjoy

เจ้าหนี้แห่งธนาคารเหล็ก ลูกหนี้ราชินีสิงห์
- จากบทสนทนาได้รู้ว่า ตอนนี้หัตถ์คนปัจจุบัน Qyburn ได้ทาบกลุ่มทหาร Golden แห่ง Essos มาเป็นกองกำลังเสริมทัพ ซึ่งทัพ Golden เป็นเหมือนทหารรับจ้าง เคยรับงานรับจ้างทวงหนี้ให้แก่ Iron Bank อีกด้วย
เดินทัพกลับ King’s Landing
- เปิดเรื่องด้วยบทสนทนาของ Jaime และ Bronn (ที่เพิ่งจะได้บทสนทนาแบบจริงจังครั้งแรกในซีซั่นนี้) ตามนิสัยและพื้นเพพี่แกที่เป็นทหารรับจ้าง ทำงานทุกอย่างเพื่อเงิน และสัญญาที่ Jaime เคยให้ไว้ว่าจะให้ปราสาทและเงินทอง แต่ต้องคอยอยู่เป็นมือขวา Bronn เริ่มที่จะทวงของที่เค้าควรจะได้
- ทัพใหญ่ของ Jaime ในตอนนี้ แบ่งออกเป็นสองทัพ ทัพแรก คือ ทัพขนทอง เดินทัพกลับ King’s Landing เพื่อนำทองที่ได้จาก Highgarden ไปจ่ายหนี้ให้กับ Iron Bank ซึ่ง Lord Randyll ได้ยืนยันว่าทัพขนทองได้เดินทางสู่เมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้ว อีกทัพหนึ่งคือทัพคุมชาวนาและนำผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเป็นเสบียงกลับ King’s Landing โดยมี Jaime เป็นผู้นำทัพ กำลังเดินทาง

ศึกทุ่งหญ้าทะเลเพลิง
- Daenerys เป้าหมายหลักในการลอบยกทัพจู่โจมครั้งนี้คือ การตัดท่อน้ำเลี้ยง การเผาทำลายเสบียงของทัพ Lannister ที่ขนเสบียงจาก Highgarden ไป King’s Landing
- กองทัพของ Jaime ซึ่งถูกแบ่งทัพออกไป กำลังทหารอ่อนลงไปเยอะ บวกกับการถูกดักโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบตั้งแต่เริ่มศึก
- กองทัพ Dothaki ผู้เชี่ยวชาญการรบบนหลังม้าและชำนาญการสู้บนท้องทุ่ง ได้เปรียบอย่างมาก หากสู้กันแบบหนึ่งต่อหนึ่งแล้ว กองทัพสิงห์บวกทัพ Tarly ก็ไม่อาจจะสู้กับม้าศึก Dothaki บวก Daenerys ที่บนหลังมังกรไฟได้ ทัพสิงห์ยิ่งเสียขวัญ ทางบกก็สู้ไม่ได้ ยังต้องรับศึกทางอากาศ (แม่มังกรเล่นเผารถขนเสบียงอย่างเดียวเบยยยย)
***กษัตริย์ Robert Baratheon เคยตรัสไว้ว่า “Only a fool would meet the Dothraki in open battle (มีเพียงพวกโง่เท่านั้นที่จะสู้กับพวกโดธากีในทุ่งกว้าง)” มันยืนยันชัดเจนว่า ผลการรบครั้งนี้จะเป็นอย่างไร
- ฉากที่ Bronn ใช้เครื่องยิงยักษ์สอยมังกร (Scorpion) เมื่อได้เห็นมังกรพุ่งตรงมายัง Bronn ทำให้นึกถึง Rickon Stark แห่งศึก Battle of Bastard (จะไม่ซิกแซกหน่อยเหรอ??) โครตจะริคคอนสไตล์เลย แล้วฉากสุดท้าย ที่ Jaime เกือบจะโดนเผาด้วยไฟมังกร แอดต้องกด Pause ดูหลายครั้งว่าใครเป็นฮีโร่เอาตัวพุ่งกระโดดช่วย Jaime ตอนแรกนึกว่าน่าจะเป็น Dickon Tarly ลูกชายคนเล็กของลอร์ด Randyll Tarly แต่ไม่ใช่ คนๆนั้นคือ นาย Bronn นั่นเอง (จากที่ไม่เคยยอมเสี่ยงตายเพื่อช่วยทีเรียน กลับเป็นผู้กระโดดเข้ามาช่วยเจมี่ น่าชื่นชมจริงๆ) Jaime ผู้สวมเกราะเหล็กกับมือข้างเดียว กำลังจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ...
รีวิว + เจาะรายละเอียด Game of Thrones ซีซั่น 7 ตอนที่ 4 “The Spoils of War”
Spoil Alert!!!
นิ้วก้อย vs อีกาสามตา
- ฉากที่นิ้วก้อย ได้นำกริชที่นักฆ่าเคยพยายามใช้สังหาร Bran ที่นอนไม่ได้สติ (ซีซั่น 1) มาให้และเล่าเรื่องราวต่างๆ โดยนิ้วก้อยเองก็ยังไม่รู้ความสามารถที่ Bran มีในตอนนี้ จุดประสงค์คือการใช้คำหวานเพื่อทำให้ Bran อุ่นใจในตัวนิ้วก้อยและพยายามจะผูกมิตร (อาจจะเพราะคิดว่า Bran คือ Lord Stark ที่แท้จริง ผู้มีสิทธิ์ในการครองแดนเหนือ)
- Bran เองเหมือนรู้เรื่องทุกอย่าง ได้ลองใจนิ้วก้อยโดยการถามว่า “ท่านรู้มั๊ยว่ากริชนี่เป็นของใคร?” คำตอบที่ไม่ได้คำตอบของนิ้วก้อย ทำให้ Bran ต้องพูดแทรกขึ้นมาว่า “ความวุ่นวายคือบันไดไต่เต้า (Chaos is a ladder)” ซึ่งมันคือคำพูดของนิ้วก้อยเองที่เคยพูดกับลอร์ด Varys ณ King’s Landing (คำพูดนี้แบรนรู้ได้อย่างไร มีแค่สองคนที่รู้เท่านั้น) พอนิ้วก้อยได้ยินคำนี้เท่านั้น ตัวเองก็ได้แต่นิ่งไป...(สงสัยต้องประเมิน Bran ใหม่ซะแล้ว)
วิเคราะห์สถานการณ์
- ตัวนิ้วก้อยเอง สำนึกได้ว่า Bran มีความสามารถในการใช้นิมิต และ Bran ต้องรู้เรื่องที่เขาเคยทรยศ Ned Stark หากจะให้เดาใจว่านิ้วก้อยจะทำอย่างไรต่อไป เขาคงไม่อยู่เฉยๆรอให้ Jon กลับมา แล้วปล่อยให้ Bran พูดเรื่องนี้กับ Jon แน่ๆ ทางเลือกมีสามทาง หนึ่ง รีบเดินทางกลับ Vale ก่อนที่กษัตริย์แห่งแดนเหนือจะกลับมา สอง หาทางฆ่า Bran ให้ไวที่สุดก่อนที่พี่น้องจะได้เจอกัน และสาม รีบเป่าหู Sansa ให้เร็วที่สุด เพื่อยึดอำนาจและครองแดนเหนือไปด้วยกัน
- ความเย็นชาของ Bran ที่พูดกับ Meera ตอนกำลังจะจากลา มันทำให้รู้สึกว่า Bran เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปเป็นอีกาสามตาอย่างเต็มตัวหรือโดนอีกาสามตาครอบครองจิตใจ นับตั้งแต่ในถ้ำนอกกำแพงแล้ว
วิเคราะห์สถานการณ์
- แอดคิดว่าคำพูดที่ Meera พูดว่าจะเดินทางกลับไปหาครอบครัว แสดงว่านางยังมีครอบครัวอยู่และคนที่เป็นบุคคลสำคัญ กุมความลับชาติกำเนิดของ Jon Snow และเป็นผู้ฆ่า Arthur Dayne อัศวินที่เก่งที่สุด (ในสายตา Ned) และคนๆนั้นก็คือ Lord Howland Reed พ่อของ Meera และเพื่อนของ Ned Stark ซึ่งเขาอาจจะมีบทบาทในการร่วมต่อสู้กับเหล่ากองทัพผีดิบในตอนต่อไปก็เป็นได้
- ฉากที่ Arya ต่อล้อต่อเถียงกับทหารคุ้มกันประตูเมือง ทำให้คิดขึ้นตอนซีซั่น 1 ที่นางถูกยามเฝ้าประตู King’s Landing กันไม่ให้เข้าเมือง แต่สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไป นางถือไพ่เหนือกว่ามากและพกความมั่นใจมาเต็ม
- ขณะ Arya นั่งรอพบ Sansa นางได้มองไปรอบๆ Winterfell ที่เปลี่ยนไป แสดงให้เห็นว่า Arya นั้นถึงจะฝึกการเป็นนักฆ่าไร้หน้ามา แต่นางก็ยังเหลือความอาลัยความคิดถึงอยู่ (ต่างจาก Bran ที่เป็นเพียงท่อนไม้ท่อนซุงไร้ความรู้สึกใดๆ)
วิเคราะห์สถานการณ์
- จากฉากที่ Arya ได้ลงฝึกซ้อมดาบกับ Brienne ผู้เคยเอาชนะ Sandor Clegane (คนน้อง) มาแล้ว ทำให้ Arya อยากเรียนรู้การใช้ดาบจากผู้เคยคว่ำ The Hound แน่นอนว่าจุดประสงค์ต่อไปของ Arya คือ Gregor Clegane (คนพี่) การที่จะเข้าถึงตัว The Mountain นั้นถือเป็นเรื่องยาก แต่การจะฆ่ามันนั้นยากยิ่งกว่า แต่ตอนนี้ เราได้เห็นความเทพและความโครตเท่ของ Arya แล้ว ถึงกระบวนดาบนางจะยังสู้อัศวินไม่ได้ แต่ไหวพริบและการพลิกแพลงของ Arya จะเป็นอาวุธที่อันตรายกับคู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
- อีกทั้งหลังการประลองดาบจบ สายตาที่ Arya ได้มองขึ้นไปสบตากับนิ้วก้อย เหมือนจะมีนัยยะอะไรอย่างบาง ความลับของนิ้วก้อยยังไม่ถูกเปิดเผย แต่หาก Arya ได้ทราบเรื่อง นิ้วก้อยจะขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในลิสต์ของนางแน่นอน และในความคิดของแอดเอง หากนิ้วก้อยจะตาย มันต้องตายด้วยคนใดคนหนึ่งในบรรดาสตาร์คแน่นอน (เอาคืนแบบจัดหนัก)
- ฉากแรกที่ Missandei คุยกับ Daenerys เรื่องหนอนเทา มีการส่งยิ้มแซวกันแบบเพื่อนสาว แต่เมื่อ Jon Snow โผล่มา Missandei กลับส่งสายตาให้ Daenerys แบบเดียวกัน ประมาณว่า “ชั้นรอคู่จิ้นแม่มังกรกับพ่อหมาป่าอยู่น้า...” หรือว่าความรักได้เริ่มก่อตัวหน่อยๆแล้ว (Jon Snow กรูยังไม่รู้แหดรู้ตี๋เหมือนเดิม)
- สัญลักษณ์ในถ้ำ โดยเป็นการเขียนขึ้นโดยเหล่าเด็กแห่งพงไพร (เผ่าพันธุ์แรกที่อาศัยอยู่ ณ Westeros) ก่อนที่เผ่าพันธุ์คนจะเข้ามา (ปฐมบุรุษ) รูปบนผนังทำให้รู้ว่ามันถูกเขียนในช่วงที่ ปฐมบุรุษได้ทำสัจจะสาบานและร่วมเป็นมิตรกับเหล่าเด็กแห่งพงไพรเพื่อต่อสู้กับเหล่าผีดิบ
***วิเคราะห์สถานการณ์
- สัญลักษณ์ รูปวงกลมวนๆ มันมีความหมายแฝง เราเคยเห็นสัญลักษณ์แบบนี้ในหลากหลายรูปแบบที่เป็นเหมือนพิธีกรรมอะไรบางอย่างของเหล่า White Walker (ตั้งแต่ซีซั่น 1 ตอนแรกสุด) อีกทั้งการเอาชิ้นส่วนคนตายมาเรียงให้เป็นวงวนเหมือนก้นหอย แน่นอนว่า Daenerys เชื่อเรื่องการมาของเหล่าผีดิบนอกกำแพงจากหลักฐานที่ปรากฏในถ้ำแน่นอน แต่หากจะให้ Daenerys ยอมร่วมทัพเพื่อสู้กับเหล่าผีดิบ Jon ต้องยอมคุกเข้าเพื่อภักดีของนาง แอดกลับตอบคำตอบของ Jon ที่ว่า “"Isn't their survival more important than your pride?" “การอยู่รอดของพวกเขามันจะสำคัญกว่าความภาคภูมิใจของตัวท่านเหรอ?” เพราะมันเป็นคำพูดเดียวกันกับตอนที่ Mance Rayder ราชานอกกำแพง สั่งให้ Jon คุกเข่าต่อหน้า Jon ก็ได้พูดประโยคเดียวกันนี้
- อีกทั้ง หลังการแจ้งข่าวร้ายของ Tyrion ต่อ Daenerys คำพูดสุดท้ายที่คุณย่า Olenna ได้พูดกับ Daenerys เรื่อง Tyrion ในเชิงว่าอย่าไปเชื่อคำชี้นำของภูติน้อย มันเริ่มจะทำให้ Daenerys ฉุกคิดและกล่าวโทษ Tyrion ที่เป็นคนคิดแผน และทำให้ต้องสูญเสียทัพของ Dorne และ Yara Greyjoy
- จากบทสนทนาได้รู้ว่า ตอนนี้หัตถ์คนปัจจุบัน Qyburn ได้ทาบกลุ่มทหาร Golden แห่ง Essos มาเป็นกองกำลังเสริมทัพ ซึ่งทัพ Golden เป็นเหมือนทหารรับจ้าง เคยรับงานรับจ้างทวงหนี้ให้แก่ Iron Bank อีกด้วย
เดินทัพกลับ King’s Landing
- เปิดเรื่องด้วยบทสนทนาของ Jaime และ Bronn (ที่เพิ่งจะได้บทสนทนาแบบจริงจังครั้งแรกในซีซั่นนี้) ตามนิสัยและพื้นเพพี่แกที่เป็นทหารรับจ้าง ทำงานทุกอย่างเพื่อเงิน และสัญญาที่ Jaime เคยให้ไว้ว่าจะให้ปราสาทและเงินทอง แต่ต้องคอยอยู่เป็นมือขวา Bronn เริ่มที่จะทวงของที่เค้าควรจะได้
- ทัพใหญ่ของ Jaime ในตอนนี้ แบ่งออกเป็นสองทัพ ทัพแรก คือ ทัพขนทอง เดินทัพกลับ King’s Landing เพื่อนำทองที่ได้จาก Highgarden ไปจ่ายหนี้ให้กับ Iron Bank ซึ่ง Lord Randyll ได้ยืนยันว่าทัพขนทองได้เดินทางสู่เมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้ว อีกทัพหนึ่งคือทัพคุมชาวนาและนำผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเป็นเสบียงกลับ King’s Landing โดยมี Jaime เป็นผู้นำทัพ กำลังเดินทาง
- Daenerys เป้าหมายหลักในการลอบยกทัพจู่โจมครั้งนี้คือ การตัดท่อน้ำเลี้ยง การเผาทำลายเสบียงของทัพ Lannister ที่ขนเสบียงจาก Highgarden ไป King’s Landing
- กองทัพของ Jaime ซึ่งถูกแบ่งทัพออกไป กำลังทหารอ่อนลงไปเยอะ บวกกับการถูกดักโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบตั้งแต่เริ่มศึก
- กองทัพ Dothaki ผู้เชี่ยวชาญการรบบนหลังม้าและชำนาญการสู้บนท้องทุ่ง ได้เปรียบอย่างมาก หากสู้กันแบบหนึ่งต่อหนึ่งแล้ว กองทัพสิงห์บวกทัพ Tarly ก็ไม่อาจจะสู้กับม้าศึก Dothaki บวก Daenerys ที่บนหลังมังกรไฟได้ ทัพสิงห์ยิ่งเสียขวัญ ทางบกก็สู้ไม่ได้ ยังต้องรับศึกทางอากาศ (แม่มังกรเล่นเผารถขนเสบียงอย่างเดียวเบยยยย)
***กษัตริย์ Robert Baratheon เคยตรัสไว้ว่า “Only a fool would meet the Dothraki in open battle (มีเพียงพวกโง่เท่านั้นที่จะสู้กับพวกโดธากีในทุ่งกว้าง)” มันยืนยันชัดเจนว่า ผลการรบครั้งนี้จะเป็นอย่างไร
- ฉากที่ Bronn ใช้เครื่องยิงยักษ์สอยมังกร (Scorpion) เมื่อได้เห็นมังกรพุ่งตรงมายัง Bronn ทำให้นึกถึง Rickon Stark แห่งศึก Battle of Bastard (จะไม่ซิกแซกหน่อยเหรอ??) โครตจะริคคอนสไตล์เลย แล้วฉากสุดท้าย ที่ Jaime เกือบจะโดนเผาด้วยไฟมังกร แอดต้องกด Pause ดูหลายครั้งว่าใครเป็นฮีโร่เอาตัวพุ่งกระโดดช่วย Jaime ตอนแรกนึกว่าน่าจะเป็น Dickon Tarly ลูกชายคนเล็กของลอร์ด Randyll Tarly แต่ไม่ใช่ คนๆนั้นคือ นาย Bronn นั่นเอง (จากที่ไม่เคยยอมเสี่ยงตายเพื่อช่วยทีเรียน กลับเป็นผู้กระโดดเข้ามาช่วยเจมี่ น่าชื่นชมจริงๆ) Jaime ผู้สวมเกราะเหล็กกับมือข้างเดียว กำลังจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ...