กระทู้บ่นเด็กเยอะแล้ว..เพื่อความสุขในการเดินทาง เมื่อคุณต้องนั่งใกล้เด็กเล็กบนเครื่องบิน
เราเป็นคนหนึ่งที่ต้องพาเด็กเล็กเดินทางโดยเครื่องบินบ่อยๆ ทุกวันนี้ลูกสาวอายุ 21 เดือนผ่านการบินเฉพาะไฟลท์กรุงเทพ-ปารีสมาก็สามครั้งแล้ว ทุกครั้งไม่ว่าจะบินใกล้หรือไกล แน่นอนค่ะ เราเตรียมลูกอย่างดี เพราะอ่านทั้งกระทู้ ทั้งที่เพื่อนฝูงบ่นในโซเชียล รวมทั้งความรู้สึกตัวเองสมัยยังไม่มีลูก เราเข้าใจดีถึงความรำคาญอันเกิดจากพ่อแม่ที่ไม่สามารถหรือไม่ทำการจัดการอะไรสักอย่างกับลูกตัวเอง เราสัมผัสได้ถึงความผิดหวังเมื่อหลายคนพบว่าตัวเองต้องนั่งติดกับเด็ก เราจึงทำตั้งแต่ให้ลูกเล่นจนเพลียมาจากสนามบินเค้าจะได้หลับ ให้ดูดนมตอนเครื่องขึ้นลงเพื่อลดความดันหู เตรียมของเล่นที่ชอบมาด้วย จนล่าสุดคือลูกเริ่มสื่อสารได้เยอะแล้ว เราติวลูกล่วงหน้าหลายอาทิตย์ว่าบนเครื่องบินต้องนั่งกับแม่ตลอด ห้ามเดินไปเดินมา ห้ามส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นเด็ดขาด ซึ่งลูกก็เข้าใจและเราว่าเค้าปฏิบัติตามได้ดีมากเลยทีเดียว
แต่เรากลับพบว่าคนที่เหมือนจะควบคุมยากกว่าเด็กคือผู้ใหญ่นี่แหละค่ะ ในโลกที่เราต่างคาดหวังว่าเด็กจะนั่งบนเครื่องบินไฟลท์ยาวๆได้อย่างสงบ ผู้ใหญ่กลับกลายเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความอลเวง อาจจะด้วยไม่รู้ตัวหรือรู้ก็ไม่แคร์เพราะเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมที่ท่านจะทำได้ เราในฐานะของคนที่ได้พยายามเต็มที่แล้วในการจัดการกับลูก ขอสาธยายเหตุการณ์ที่เรารู้สึกว่ามันทำให้การเดินทางกับเด็กยากขึ้นนะคะ
1. แสงจากหน้าจอทีวีของผู้โดยสารข้างๆ ย้ำก่อนว่าเข้าใจถึงสิทธิ์อันชอบธรรมของทุกคนที่จะดูได้เพื่อความบันเทิงตลอดการเดินทาง เราก็เป็นคนนึงที่ตั้งหน้าตั้งตารอจะดูหนังที่ยังไม่มีโอกาสได้ดูบนเครื่องบินหลังจากที่แอร์ปิดไฟในเคบินแล้ว แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าแสงที่จ้าจากหน้าจอมันเร้าความสนใจจากเด็กเล็กมาก เด็กที่กำลังเคลิ้มๆจะหลับเห็นแสงไฟสว่างๆเคลื่อนไหวไปมา อย่างลูกเรานี่ลุกขึ้นมาชี้ถามเลยว่าอะไรๆ ยิ่งถ้าเด็กเหนื่อย ง่วง มาเจอแสงสว่างกระตุ้นแบบนี้ งอแงแน่นอนค่ะ ไฟลท์บันเทิงสมใจเลยคราวนี้ เลยอยากขอความร่วมมือถ้าพบว่าเรานั่งติดกับเด็กเล็ก ดูเถอะค่ะเพื่อลดความรำคาญเด็ก แต่ช่วยลดค่าความสว่างของหน้าจอด้วย เด็กจะได้หลับๆไป คุณได้ดูหนังอย่างสงบ คนทั้งไฟลท์ไม่ต้องหนวกหูเด็ก แม่ก็จะได้นอนบ้าง
2. วงสนทนาเม้าท์มอย โดยเฉพาะบริเวณแถวหน้า ซึ่งเด็กมักจะได้นั่งกับแม่ตรงนั้นเพราะแขวน baby cot ได้ เป็นบริเวณที่ผู้โดยสารทั่วไปจะได้ยืดขานั่งได้อย่างสบาย มีบริเวณกว้าง ถือเป็นที่นั่งในฝันของใครหลายคน อย่าทำให้ฝันสลายกลายเป็นไฟลท์โลกาวินาศด้วยการมาตั้งวงเม้าท์กันทั้งคืนเลยค่ะ ที่เจอคือมีคนในกลุ่ม 1-2 คนจากแก๊งเกินห้าคนได้นั่งแถวหน้า ทุกคนก็รวมใจกันมาตั้งวงกันตรงนั้น เม้าท์สรรพเพเหระ เม้าท์ทั้งคืน การยืนเป็นกลุ่มใหญ่ๆและมีการส่งเสียงพูดคุยตลอดมันทำให้เด็กสนใจแล้วไม่ยอมนอนหรือนอนไม่หลับ (จริงๆแล้วไม่ได้รบกวนแค่เด็กด้วยค่ะ) สุดท้ายเด็กหงุดหงิดอีกก็จบกัน เพราะงั้นขอเถอะค่ะ ถ้าเป็นเพื่อนสนิทกันมาหรือจะเพิ่งเจอหรืออะไรก็ตาม ช่วยอดทนลงไปคุยกันตอนเครื่องลง คุณมีเวลาอีกทั้งชีวิตที่จะได้คุยกัน อย่าเอาเวลาอันมีค่าสิบชั่วโมงบนเครื่องบินของตัวเองและผู้โดยสารคนอื่นมาทิ้งไปกับเสียงร้องของเด็กเลยค่ะ
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อแนะนำนะคะ ผู้โดยสารทุกคนมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะไม่ทำตามอยู่แล้วอันนี้เข้าใจ เราเพียงมาบอกเล่าให้ทราบก่อนที่ใครจะเริ่มเบ้ปากกับเสียงเด็ก สำรวจตัวเองก่อนนิดนึงว่าจะช่วยให้สมองอายุขวบสองขวบของเด็กๆสงบลงได้บ้างไหม เราในฐานะพ่อแม่จะขอบคุณมากเลยค่ะ
เพื่อความสุขในการเดินทาง เมื่อคุณต้องนั่งใกล้เด็กเล็กบนเครื่องบิน
เราเป็นคนหนึ่งที่ต้องพาเด็กเล็กเดินทางโดยเครื่องบินบ่อยๆ ทุกวันนี้ลูกสาวอายุ 21 เดือนผ่านการบินเฉพาะไฟลท์กรุงเทพ-ปารีสมาก็สามครั้งแล้ว ทุกครั้งไม่ว่าจะบินใกล้หรือไกล แน่นอนค่ะ เราเตรียมลูกอย่างดี เพราะอ่านทั้งกระทู้ ทั้งที่เพื่อนฝูงบ่นในโซเชียล รวมทั้งความรู้สึกตัวเองสมัยยังไม่มีลูก เราเข้าใจดีถึงความรำคาญอันเกิดจากพ่อแม่ที่ไม่สามารถหรือไม่ทำการจัดการอะไรสักอย่างกับลูกตัวเอง เราสัมผัสได้ถึงความผิดหวังเมื่อหลายคนพบว่าตัวเองต้องนั่งติดกับเด็ก เราจึงทำตั้งแต่ให้ลูกเล่นจนเพลียมาจากสนามบินเค้าจะได้หลับ ให้ดูดนมตอนเครื่องขึ้นลงเพื่อลดความดันหู เตรียมของเล่นที่ชอบมาด้วย จนล่าสุดคือลูกเริ่มสื่อสารได้เยอะแล้ว เราติวลูกล่วงหน้าหลายอาทิตย์ว่าบนเครื่องบินต้องนั่งกับแม่ตลอด ห้ามเดินไปเดินมา ห้ามส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นเด็ดขาด ซึ่งลูกก็เข้าใจและเราว่าเค้าปฏิบัติตามได้ดีมากเลยทีเดียว
แต่เรากลับพบว่าคนที่เหมือนจะควบคุมยากกว่าเด็กคือผู้ใหญ่นี่แหละค่ะ ในโลกที่เราต่างคาดหวังว่าเด็กจะนั่งบนเครื่องบินไฟลท์ยาวๆได้อย่างสงบ ผู้ใหญ่กลับกลายเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความอลเวง อาจจะด้วยไม่รู้ตัวหรือรู้ก็ไม่แคร์เพราะเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมที่ท่านจะทำได้ เราในฐานะของคนที่ได้พยายามเต็มที่แล้วในการจัดการกับลูก ขอสาธยายเหตุการณ์ที่เรารู้สึกว่ามันทำให้การเดินทางกับเด็กยากขึ้นนะคะ
1. แสงจากหน้าจอทีวีของผู้โดยสารข้างๆ ย้ำก่อนว่าเข้าใจถึงสิทธิ์อันชอบธรรมของทุกคนที่จะดูได้เพื่อความบันเทิงตลอดการเดินทาง เราก็เป็นคนนึงที่ตั้งหน้าตั้งตารอจะดูหนังที่ยังไม่มีโอกาสได้ดูบนเครื่องบินหลังจากที่แอร์ปิดไฟในเคบินแล้ว แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าแสงที่จ้าจากหน้าจอมันเร้าความสนใจจากเด็กเล็กมาก เด็กที่กำลังเคลิ้มๆจะหลับเห็นแสงไฟสว่างๆเคลื่อนไหวไปมา อย่างลูกเรานี่ลุกขึ้นมาชี้ถามเลยว่าอะไรๆ ยิ่งถ้าเด็กเหนื่อย ง่วง มาเจอแสงสว่างกระตุ้นแบบนี้ งอแงแน่นอนค่ะ ไฟลท์บันเทิงสมใจเลยคราวนี้ เลยอยากขอความร่วมมือถ้าพบว่าเรานั่งติดกับเด็กเล็ก ดูเถอะค่ะเพื่อลดความรำคาญเด็ก แต่ช่วยลดค่าความสว่างของหน้าจอด้วย เด็กจะได้หลับๆไป คุณได้ดูหนังอย่างสงบ คนทั้งไฟลท์ไม่ต้องหนวกหูเด็ก แม่ก็จะได้นอนบ้าง
2. วงสนทนาเม้าท์มอย โดยเฉพาะบริเวณแถวหน้า ซึ่งเด็กมักจะได้นั่งกับแม่ตรงนั้นเพราะแขวน baby cot ได้ เป็นบริเวณที่ผู้โดยสารทั่วไปจะได้ยืดขานั่งได้อย่างสบาย มีบริเวณกว้าง ถือเป็นที่นั่งในฝันของใครหลายคน อย่าทำให้ฝันสลายกลายเป็นไฟลท์โลกาวินาศด้วยการมาตั้งวงเม้าท์กันทั้งคืนเลยค่ะ ที่เจอคือมีคนในกลุ่ม 1-2 คนจากแก๊งเกินห้าคนได้นั่งแถวหน้า ทุกคนก็รวมใจกันมาตั้งวงกันตรงนั้น เม้าท์สรรพเพเหระ เม้าท์ทั้งคืน การยืนเป็นกลุ่มใหญ่ๆและมีการส่งเสียงพูดคุยตลอดมันทำให้เด็กสนใจแล้วไม่ยอมนอนหรือนอนไม่หลับ (จริงๆแล้วไม่ได้รบกวนแค่เด็กด้วยค่ะ) สุดท้ายเด็กหงุดหงิดอีกก็จบกัน เพราะงั้นขอเถอะค่ะ ถ้าเป็นเพื่อนสนิทกันมาหรือจะเพิ่งเจอหรืออะไรก็ตาม ช่วยอดทนลงไปคุยกันตอนเครื่องลง คุณมีเวลาอีกทั้งชีวิตที่จะได้คุยกัน อย่าเอาเวลาอันมีค่าสิบชั่วโมงบนเครื่องบินของตัวเองและผู้โดยสารคนอื่นมาทิ้งไปกับเสียงร้องของเด็กเลยค่ะ
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อแนะนำนะคะ ผู้โดยสารทุกคนมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะไม่ทำตามอยู่แล้วอันนี้เข้าใจ เราเพียงมาบอกเล่าให้ทราบก่อนที่ใครจะเริ่มเบ้ปากกับเสียงเด็ก สำรวจตัวเองก่อนนิดนึงว่าจะช่วยให้สมองอายุขวบสองขวบของเด็กๆสงบลงได้บ้างไหม เราในฐานะพ่อแม่จะขอบคุณมากเลยค่ะ