คืนวิปริต......5

กระทู้สนทนา
บทที่ 4
https://pantip.com/topic/36712818



.

             “หันปลายกระบอกปืนไปทางอื่นได้ไหม”
            
              คุณบอกเสียงเย็นชา เพราะรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับการถูกเล็งด้วยปลายกระบอกปืนอยู่ตลอดเวลาจากแม่เสือสาวนักล่าตัวฉกาจ แอลเซเว่นเป็นมือสังหารนิสัยดูยากที่สุด ไม่มีใครรู้ว่าเธอจะคิดจะทำอะไรภายใต้สีหน้าเหมือนยิ้มร่าเริงอยู่เสมอ

             “ว่ากันว่า เมทัล หลบกระสุนได้ไม่ใช่เหรอ”    เธอพูดพลางยิ้มกริ่ม เดินเข้ามาใกล้ จนปลายกระบอกปืนแทบอยู่ในระยะคว้าจับ แต่เธอฉลาดพอจะรู้ว่าถ้ายังขืนเดินเข้ามาใกล้มากกว่านั้นจะโดนปัดหรือคว้าปลายกระบอกปืนได้ง่ายๆ  จึงหยุดห่างออกไปในระยะปลอดภัยจากการใช้มือปัดป้องของคู่กรณี

             “ไม่มีใครหลบกระสุนได้หรอก”   คุณเอ่ยปากสั้นๆ เท่าที่จำเป็น  ยังคงจ้องหน้าคู่กรณีด้วยสายตาเฉื่อยชา แต่ในความสงบนิ่งแฝงด้วยพลังเตรียมพร้อมในการเคลื่อนไหวแบบรวดเร็วในพริบตาถ้าจำเป็น  

             แม่เสือสาวทำตาโตเลิกคิ้วขวาขึ้นเป็นเชิงฉงน ห่อริมฝีปากเป่าลมออกมา ขณะกดไกปืนระเบิดเปรี้ยงในระยะประชิดโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

             นั่นไง... นึกแล้วไม่มีผิด...

             สัญชาตญาณพิเศษปะทุวาบขึ้นในความรู้สึกก่อนหน้านิ้วเรียวจะลั่นไกในเสี้ยววินาที  คุณเบี่ยงตัวออกด้านข้างเต็มความเร็ว รู้สึกถึงมวลอากาศอัดวูบผ่านแก้มซ้ายไปในระยะเผาขนแบบฉิวเฉียดกับเสียงอึงอลสะท้านหู  เท้าขวาเตะตวัดขึ้นด้วยความเร็วชนิดมองแทบไม่ทัน ปัดกระบอกปืนเฉปลายเฉียงขึ้นไปด้านบน  เท้าขวายังไม่ทันลงแตะปืน  คุณกระโดดสลับเท้าเตะซ้ายขึ้นไปอัดใส่ปืนในมือของหญิงสาวโดยเจตนาไม่ให้กระแทกมือเจ้าของปืนผู้กำลังผงะถอยหลังออกไปจนเสียจังหวะยิงนัดที่สอง

             ปืนยาวในมือหลุดลอยกระเด็นปลิวขึ้นไปในอากาศ มือสังหารปกติจะไม่ปล่อยอาวุธคู่กายง่ายดาย แอลเซเว่นย่อมมีแผนในใจเช่นกันจึงยอมปล่อยปืนในมือจนหลุดออกไปง่ายๆ เธอกระโดดถอยหลังตีลังกาลอยตัวหมุนไปในอากาศราวไร้น้ำหนัก ก่อนพลิกตัวเอาเท้าเหยียบลงบนโขดหินใหญ่สูงระดับบ่าทางด้านหลัง ห่างออกไปประมาณสี่ห้าเมตรอย่างนิ่มนวล ชนิดคนปกติธรรมดาทั่วไปไม่มีทางทำได้  ยืนรอให้ปืนคู่มือลอยร่วงลงมาอยู่ในอุ้งมือพอดี เป็นการคำนวณคาดการไว้ล่วงหน้าอย่างเฉียบขาดที่สุด

             แม่เสือสาวไม่ได้อยู่ในท่วงท่าเตรียมยิงใครอีก แต่เหวี่ยงปืนยาวคู่ใจสะพายบ่า ด้วยท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับว่าไม่ได้ลั่นไกปืนยิงใส่ใครมาหยกๆ  สีหน้าแววตามีรอยยิ้มพราวขณะเอ่ยปากพูดอย่างสบายอกสบายใจ

             “อ้าว...ไหนว่าไม่มีคนหลบลูกปืนได้ เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตาแท้ๆ วันนี้เห็นชัดเต็มตาเลย”

             คุณลดทีท่าเตรียมพร้อมมาเป็นผ่อนคลายลง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายพอใจแล้ว กับการหยั่งเชิงทักทาย คงไม่ลงมืออีกต่อไป

             “ทำบ้าอะไรกัน”  คุณยังรู้สึกถึงความเข้มเครียดในน้ำเสียงของตัวเอง

             “ไม่มีอะไร ก็แค่ลองอะไรบางอย่างดูเท่านั้น”

             มือสังหารสาวยักไหล่ตอบหน้าตายเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แค่นั้นก็เป็นการพิสูจน์แล้ว แอลเซเว่นได้คำตอบที่ต้องการ ว่ามีคนสามารถหลบกระสุนในการยิงระยะประชิดได้ และคุณเองก็เห็นแล้วว่าแม่เสือสาวอันตรายคนนี้อันตรายร้ายกาจแค่ไหน การกระโดดตีลังกาถอยหลังกลับไปยืนอยู่บนโขดหินได้ง่ายดายไม่ยอมถูกประชิดตัว แสดงว่าก่อนปรากฏตัว เธอสำรวจจดจำภูมิประเทศบริเวณนี้ได้ละเอียดชัดเจนเพียงใด  ทางหนีทีไล่ถูกบันทึกแบบแผนล่วงหน้าอยู่ในหัวอย่างแม่นยำขนาดไหน

             “เห็นท่าทางนายคงจะลงไปทางเมืองใต้   ได้ข่าวว่าเมืองกำลังจะถูกประกาศเป็นเขตซีโร่โซน จะรีบทำอะไรก็รีบทำ อย่าลืมว่านายเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน  ถ้าล่าหัวแวมไพร์ได้ไม่ครบจำนวน  ก็เสียใจด้วยนะ  คงไม่ต้องบอกว่าจะเป็นยังไง ฉันเองก็มีงานต้องทำคงมาช่วยไม่ได้  ไปล่ะนะ... รักษาตัวด้วยก็แล้วกัน อย่ามัวแต่วิ่งหนีความเจ็บปวด รู้จักวิ่งหาความสุขบ้างนะคนเรา“

             พูดจบนักล่าสาว เอานิ้วมือแตะริมฝีปากทำท่าส่งจูบ กระโดดลงจากโขดหิน  หันหลังเดินดุ่มขึ้นเนินเขาไปพร้อมกับอาการฮัมเพลงเบาๆ ในลำคอแบบไม่รีบร้อน  คุณมองตามแล้วโคลงศีรษะไปมาอย่างเอือมระอาใจ การต่อสู้กับผู้หญิงเป็นเรื่องต้องหลบลี้หนีห่าง ไม่ใช่ว่ากลัว  ไม่ใช่เพราะเป็นกฎเหล็กขององค์กร แต่เป็นเพราะนิสัยส่วนตัวต่างหาก

             การใช้กำลังกับผู้หญิงเป็นสิ่งที่คุณไม่ชอบและไม่ทำมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นอกจากการป้องกันตัวคราจำเป็นเท่านั้น

             สำหรับแม่เสือสาวนักล่าคนนี้ไม่มีอะไรต้องห่วง เธอเอาตัวรอดได้เสมอ เรื่องราวของเธอ ไม่มีใครรู้อะไรไม่มากนัก แต่ถ้าจะให้เดาความเป็นมาก็คงไม่ดีมากว่าคุณเท่าไร มือสังหารขององค์กรล่าแวมไพร์ คนปกติไม่มีทางเข้าใกล้งานไร้อนาคต และการเดินทางบนเส้นทางแห่งความตายอันมืดมน

             เป้าหมายของคุณอยู่เมืองซึ่งกำลังจะรกร้าง สิ่งที่คุณต้องการคือผีดิบชั่วร้ายสักสองสามคน มาประทังอายุให้ยืดยาว สังคมพวกมันก็ไม่ต่างจากอะไรกับสังคมมนุษย์ มีทั้งพวกดีและพวกชั่วร้าย ก่อนหน้านี้คุณไม่สนใจว่าพวกผีดิบตัวไหนจะดีหรือร้าย เจอต้องจัดการทันที แต่หลังจากผ่านคืนวิปริตในโรงนาความคิดของคุณเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

             ถ้าจำเป็นต้องฆ่า ขอเลือกเหยื่อสมควรตายเท่านั้น


             คุณมาถึงชานเมืองเล็กๆ ในช่วงบ่าย ข่าวขององค์กรเมืองเคยบอกว่าแห่งนี้กำลังจะเป็นเมืองร้าง คนแก่ เด็ก และผู้หญิงอพยพลงไปทางตอนใต้หมดแล้ว เหลือเพียงพวกผู้ชายและคนไม่อยากจะหลบหนีไปไหนเฝ้าเมืองอยู่ แต่ละคนล้วนมีเจตนาต่างกันในการไม่ยอมเคลื่อนย้ายบางคนรอเวลา บางคนไม่รู้จะหนีไปไหน เลยอยู่รอวันตายเท่านั้น   ผลของเหมันตนิวเคลียร์ส่งผลรุนแรงมากขึ้นทุกที หลายคนตั้งความหวังไปยังบริเวณเส้นศูนย์สูตรของโลกซึ่งสมัยก่อนเคยร้อนแห้งแล้งเวลานี้กลับกลายเป็นพื้นที่อบอุ่น เมืองใหญ่หลายเมืองยังคงรักษารูปแบบของสังคมวัฒนธรรมเดิมเอาไว้ได้ ผู้คนต่างมุ่งหน้าไปยังเมืองในฝันของพวกเขา
             
             เป็นครั้งแรกกับการเข้ามาในตัวเมือง หลังจากการออกล่าหัวผีดูดเลือดอยู่นอกเมืองเป็นเวลานานนับสัปดาห์ และเป็นครั้งแรกในการเข้ามาตัวเมืองโดยไม่มีหัวของผีดูดเลือดติดมือมาด้วย บรรยากาศโดยรอบดูเงียบเหงา เศษขยะปลิวไปตามสายลมเกลื่อนถนน เพราะไม่มีคนคอยดูแล  ไม่มีกฎหมายอะไรหลงเหลืออยู่ ผู้คนต้องพึ่งพาตนเองทุกรูปแบบ เพราะกำลังจะถูกประกาศเป็นเขตซีโร่โซน ดินแดนอันตราย ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง อาหารยังชีพของคุณกำลังจะหมดไป จำเป็นต้องหาอาหารติดตัวสำหรับการเดินทาง

             ข้างถนนสายหลักเข้าเมืองมีร้านไม้ชั้นเดียวเล็กๆ ทรุดโทรมตั้งเพิงขายของตั้งอยู่ท่ามกลางสายลมเย็นพัดผ่าน  ชายชราค่อนอายุซุกกายอยู่ในผ้าผืนหนาเอนกายอยู่บนเก้าอี้ยาวหน้าร้าน ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไรแต่ระบบธุรกิจและการเงินไม่เคยขาดหาย เงินทองยังเป็นสิ่งจำเป็นในการแลกเปลี่ยน  คุณเดินตรงไปอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด

             หลังจากการมองปราดเดียว คุณก็รู้ว่าร้านเล็กๆ ซอมซ่อแห่งนี้มีสิ่งของจำเป็นอยู่พอสมควร เนื้อหรือข้าวตากแห้งซึ่งคุณไม่สนใจว่าจะเป็นเนื้ออะไรหรือเอามาจากไหน เป็นความต้องการพื้นฐาน

             ชายชราดึงตัวเองขึ้นมาเก้าอี้ลากเก้าอี้ไม้สภาพใกล้หมดอายุการใช้งานมาวางหน้าเคาน์เตอร์โทรมๆ ของแก สายตาเริ่มเป็นประกายแห่งความมีชีวิต คุณอาจเป็นลูกค้าคนแรกของแกในวันนี้

             “เชิญๆ พ่อหนุ่ม ท่าทางเหนื่อยมาดื่มอะไรให้ชื่นใจก่อน”

             ลุงแก่กุลีกุจอยกแก้วน้ำสภาพเก่ามีรอยร้าวเล็กๆ เหมือนไม่ค่อยได้ล้างมาวางให้ แต่ไม่ยอมรินน้ำหรือเครื่องดื่มอะไร หันมามองหน้าเป็นเชิงถาม คุณวางกระเป๋าสะพายลงจากบ่า ไล่สายตาไปตามชั้นวางของด้านหลัง แล้วชี้ไปยังขวดเหล้าราคาถูกขวดหนึ่ง

             “แก้วละสองเหรียญ”  แกบอกพลางยิ้มเห็นฟันคราบเขรอะดำ

             คุณล้วงมือในกระเป๋าหยิบเงินสองเหรียญออกมาวางบนเคาน์เตอร์ไม้แทนคำตอบ  ตาลุงยิ้มอีกครั้งคว้าเงินไปเก็บในลิ้นชักอย่างรวดเร็วเหมือนกลัวเงินจะลอยหนีได้  ยกขวดเหล้ามาเปิดฝาแล้วรินลงให้จนเต็มแก้ว  เวลาอากาศเย็นคุณเคยชินกับการใช้แอลกอฮอล์ให้พลังงานความร้อนต่อร่างกายแม้ว่าจะไม่ค่อยถูกหลักแล้วก็ตาม

             คุณยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวครึ่งแก้ว  รสชาติฉุนเฉียวบาดคอแบบเหล้าราคาถูก จนต้องระบายลมหายใจออกจากปาก หยิบกระติกน้ำจากข้างเอวเปิดฝายกขึ้นดื่มล้างคอ สติอ่อนล้าเปลี่ยนมาเป็นตื่นตัวแจ่มใสอย่างรวดเร็ว จะราคาถูกหรือแพงแต่ฤทธิ์ดีกรีของแอลกอฮอล์ยังคงซื่อสัตย์ทุกขวด

             “ท่าทางคงเดินทางมาไกล ไม่หาอาหารแห้งติดตัวไปหน่อยเหรอ”

             แกรีบเสนอขายสินค้าอย่างผู้เชี่ยวชาญในการขาย ขยับตัวมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามเคาน์เตอร์โบราณเหมือนอยากจะเป็นเพื่อนคุย  คุณมองดูเนื้อแห้งและซากสัตว์เลื้อยคลานหลายชนิดแขวนเรียงรายอย่างสนใจ

             “รับรองไม่มีเนื้อคน”

             ชายชราว่าพลางหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ หันไปหยิบแก้วออกมาอีกใบหนึ่งรินเหล้าให้ตัวเองครึ่งแก้วแล้วยกดื่มอย่างสบายใจไม่ทุกข์ร้อนกับชีวิตและเรื่องราวต่างๆ  และยังมีน้ำใจหันไปหยิบตั๊กแตนคั่วกำมือหนึ่งจากถุงห้อยด้านหลังวางลงบนจาน หยิบใส่ปากเคี้ยวหนึ่งตัวก่อนเลื่อนจานมาตรงหน้าคุณ

             “อันนี้ของแถมไม่คิดราคา”    แกบอกอย่างมีน้ำใจ   “แมลงพวกนี้หาได้ไม่ยาก พวกมันทนทานต่อดินฟ้าอากาศและสำคัญคือมีโปรตีนสูง”

             คุณพึมพำขอบคุณ หยิบตั๊กแตนใส่ปาก ให้รสชาติเค็มๆมันๆอร่อยไปอีกแบบจนต้องยกแก้วเหล้าขึ้นซด ก่อนเอ่ยปากถามถึงราคาค่างวดเนื้อแห้งและข้าวแห้งในร้าน  ราคาของมันไม่แพงนัก พอมีเงินจับจ่ายซื้อได้ คุณจึงยื่นถุงหนังประจำตัวให้คุณลงบรรจุสินค้าอาหารแลกกับเงินจำนวนยี่สิบเหรียญ

             จากการพูดคุยซักถาม ทำให้คุณทราบว่าร้านของคุณลุงไม่ได้ถูกรบกวนจากพวกทหาร คงเป็นเพราะสินค้าในร้านโทรมๆ ไม่อยู่ในสายตาของพวกเขา เหล่าทหารล้วนกินดีอยู่ดีเพราะเป็นคนของกองทัพจึงเห็นอาหารในร้านเป็นเพียงเศษขยะ จะมีปัญหาบ้างก็จากพวกคนสัญจรสภาพอดอยากอันธพาล แต่คุณลุงก็มีปืนพร้อมกระสุนคอยต้อนรับ ทำให้อยู่มาได้จนทุกวันนี้  และบางทีก็มีพ่อค้าต่างถิ่นเดินทางผ่านมาทำให้แลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าราคาถูกกันได้

             “คุณเชื่อเถอะ มนุษยชาติไม่มีวันดับหายไปจากโลก”   พอเหล้าผ่านไปสามแก้ว เจ้าของร้านก็เริ่มพูดคล่องขึ้น และมีน้ำใจแถมเหล้าให้คุณอีกหนึ่งแก้วโดยไม่คิดเงิน

             “ลุงไม่คิดหรอกนะว่าเมืองจะกลายเป็นเมืองร้างอย่างสมบูรณ์ ต่อให้มีมลพิษหรือไม่มีกฎหมาย ก็ต้องมีคนหลงเหลือ แน่นอนว่าพวกเขาจะสร้างกฎระเบียบขึ้นมาเพื่อดูแลกันเอง   ถ้ามีคนก็ต้องมีสังคม พวกเขาจะมีการปรับตัวต่อสารพิษและสภาพดินฟ้าอากาศได้ในที่สุด”

             “แล้วพวกผีดิบล่ะครับ”   คุณถามเข้าประเด็นหลัก

             “พวกผีดิบก็ไม่ได้มารบกวนอะไร คงเห็นว่าแก่เกินไปเลือดไม่อร่อยมั้ง  แต่ว่าในเมืองได้ข่าวมีผีดิบซ่อนอยู่จำนวนหนึ่ง  แต่พวกมันไม่ได้ออกล่าเหยื่อบ่อย ที่น่ากลัวเป็นพวกทหารต่างหาก”

            “ทหาร”

             “ใช่....พวกทหารแตกแถว พวกมันถือว่ามีอาวุธมีกำลังคน ยิ่งอยู่ในเมืองกำลังจะถูกทิ้งแบบนี้พวกมันยิ่งเป็นตัวอันตราย อาจยิงใครเล่นเฉยๆ ก็ได้ กฎหมายก็กำลังจะยกเลิก ใครจะทำอะไรมันได้”

             ฟังแล้วคุณไม่แปลกใจ เพราะกองกำลังทหารได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย หลังจากทุกประเทศที่ยังมีคนรอดพ้นจากหายนะครั้งใหญ่  ได้ตกลงร่วมมือทำข้อสัญญารวมประเทศเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีประเทศต่างๆ อีกต่อไป ประชากรโลกทุกคนถือว่าเป็นคนของประเทศเดียว  มีเงินตราสกุลเดียวกันกฎหมายเดียวกัน  เป็นครั้งแรกที่ทุกชาติร่วมมือรวมตัวเป็นชนชาติเดียวกันไม่แบ่งแยก  เพื่อความอยู่รอดจากมหันตภัยร้ายหลายรูปแบบทั้งในปัจจุบันและอนาคต


.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่