
ช่วงปี 2559 ไม่มีละครเรื่องไหนที่ไม่ถูกพูดถึงเป็นพิเศษมากไปกว่า 'พิษสวาท' และ 'นาคี' ละครแนวเหนือธรรมชาติที่ผลิตโดยช่อง one และช่อง 3 โดยหลังจากที่ นุ่น วรนุช ได้สร้างชื่อให้กับ 'ทองเนื้อเก้า' ให้กับแอคอาร์ตฯ ไปแล้วครั้งหนึ่ง ทางคุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ จึงได้นำ แต้ว ณฐพร มาเล่นละคร และนี้ก็คือความเหมือนทั้ง 10 อย่างที่คุณน่าดู
*สปอยหนักมาก ไม่ควรดูถ้ายังไม่ได้ดูน้าาา*
1.พ่อพระเอกคนเดียวกัน

ลุงหมู ดิลก พ่อทุกสถาบัน ยังต้องหลบเมื่อพบกับ ลุงอุ้ย เกรียงไกร อุณหะนันทน์ ซึ่งเป็นพ่อพระเอกแค่ 2 เรื่อง แต่ดันเป็นละครที่โด่งดังมาก ถึงมากที่สุด แต่ในบทจะแตกต่างนิดหน่อยตรงที่ในพิษสวาทจะเป็นทหาร/นักการเมืองและมีภรรยา ส่วนในนาคีจะเป็นนักโบราณคดีและเป็นพ่อหม้าย ส่วนที่เป็นบทอดีตชาติ ในพิษสวาทจะเป็นพราหมณ์และเป็นลุงของพระเอก ส่วนในนาคีจะเป็นเจ้าเมืองเป็นนายเหนือหัวของพระเอก
2.รีเมคมาเหมือนกัน

ก่อนหน้านี้ พิษสวาทถูกทำเป็นละครมาแล้ว 3 ครั้ง และภาพยนตร์ 1 ครั้ง ครั้งล่าสุดคือปี พ.ศ. 2534 ส่วนนาคีถูกทำเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง และละคร 1 ครั้ง ครั้งล่าสุดคือปี พ.ศ. 2531
3.เพื่อนชื่อ 'เชษฐ์' เหมือนกัน แถม 'เชษฐ์' พอๆกัน

'เชษฐ์' ในที่นี้ไม่ได้นิยามหมายถึงว่าเป็นขาเผือกเหมือนกัน แต่ให้นิยามว่าเน้นฮาปนรำคาญมากกว่า เพราะเชษฐ์ในพิษสวาท ยุ่งได้ทุกเรื่อง ทุกที่ ทั้งๆที่ไม่เคยมีเรื่องใดในอดีตชาติ ส่วนเชษฐ์ในนาคี เป็นคนเงียบๆแต่ธรรมะธรรมโม เวลาพูดขึ้นมาทีจะคอยเทศนาบ่อยๆจนถูกเพื่อนๆตั้งฉายาให้ว่า "หลวงปู่"
4.มีการระลึกชาติเหมือนกัน

ด้วยความที่ทั้ง 2 ละคร มาในรูปแบบละครย้อนยุคปนเหนือธรรมชาติ (นาคีฉากปัจจุบันอาจจะเป็นละครย้อนยุคด้วยเพราะมีการใช้กล้องแบบยุค 70s-80s และยังมีการล้างด้วยฟิลม์อยู่) ดังนั้นจึงไม่แปลกใจหากจะมีการทำฉากย้อนยุคขึ้นมาและมีบรรยากาศที่ดูคล้ายๆกันอยู่นิดหน่อย และแน่นอนว่าฉากเหล่านั้นก็เป็นไปเพื่อการระลึกชาติ และเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์
5.พระเอกเป็นนักโบราณคดีและนักรบ

ทั้งทศพลและอัคนี เขาทั้ง 2 ในอดีตชาติเป็นแม่ทัพใหญ่ ขณะที่ชาติปัจจุบันเป็นนักโบราณคดี แต่โชคร้ายหน่อยที่อดีตชาติตายไม่ดีเอาเสียเลย แถมยังมีนางเอกรอคอยมาอีก ซึ่งผลจากอดีตชาติจึงทำให้สัญญาทางชาติภพต้องถูกรื้อฟื้นเมื่อเวลาพบเจอเรื่องที่ผูกพันกันไว้
6.บ้านนางเอกอยู่ในถ้ำใต้โบราณสถานเหมือนกัน

น่าสงสารเจ้าแม่อุบลหน่อยเพราะแม้ถ้ำ (หรือกรุอุโมงค์) จะเต็มไปด้วยสมบัติ แต่ก็ต้องอยู่ในฐานะคนเฝ้าสมบัติ และเป็นที่ๆไม่เต็มใจอยากอยู่ ขณะที่เจ้าแม่นาคี มีถ้ำที่เป็นเมืองเนรมิต งดงาม แต่ที่เหมือนๆกันก็คือ ไม่ค่อยมีใครย่างกรายเข้าไปแล้วรอดชีวิตกลับมา เพราะเป็นสถานที่อันตรายที่รับรองว่าหากมีในชีวิตจริง คุณจะต้องลังเลแน่ระหว่างไม่ไปกับอยากไป
7.นางเอกรอคอยพระเอกมานานแสนนาน

แม้ขึ้นชื่อว่าจะเป็นวิญญาณหรือสิ่งเหนือธรรมชาติที่รอคอยพระเอกมานานแสนนานนับร้อยปีพันปี แต่สัญญาทางชาติภพถือว่าแตกต่างโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ เจ้าแม่อุบลมักจะออกแนวอาฆาตแค้น และต้องการให้พระเอกกลับมาเฝ้าสมบัติแทนตน ส่วนเจ้าแม่นาคีจะออกแนวรักผูกพัน และต้องการให้พระเอกจดจำสัญญารักในอดีตชาติได้เท่านั้น
8.พยายามระลึกชาติด้วยการขุดค้นวัตถุโบราณ

การขุดค้นหรือค้นหาวัตถุโบราณ ถอดอักษร และตีความวัตถุ ในฐานะนักโบราณคดีที่มีสัญญาทางอดีตชาติผูกพันมา จึงจำเป็นต้องค้นหาหลักฐานเพื่อยืนยันความเป็นอดีตชาติของตัวเอง โดยทางจิตวิทยา (ที่ไม่น่าเชื่อถือในเชิงวิทยาศาสตร์) เชื่อว่า การกระตุ้นความจำโดยสิ่งของจะสามารถจดจำเรื่องราวในอดีตชาติได้มากขึ้น
9.บอสใหญ่มักมาพร้อมแสงหรือแค่เสียง

บอสใหญ่สำหรับ 2 เรื่อง คือผู้มีอำนาจสูงสุดในด้านจิตวิญญาณและพลัง ซึ่งก็ไม่น่าจะพ้นพญายมราชและพ่อปู่ศรีสุทโธเท่าไหร่นัก ซึ่งสำหรับพ่อปู่ศรีสุทโธ อาจจะดีหน่อยตรงที่มีเสียง มีรูปพร้อม แต่ในพิษสวาท พญายมราชมาแค่เสียง สี เสียง แต่ไร้ตัวตนทางกายภาพ โดยมักจะมาในช่วงท้ายๆ คอยให้คำคมแง่คิดสำคัญ อันเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องในตอนจบ
10.พระเอกบวชเหมือนกัน

ไม่น่าเชื่อว่าตอนจบของทั้ง 2 เรื่องจะหักมุมได้สุดมาก เพราะพระเอกได้เลือกที่จะปฏิบัติธรรมเข้าร่มกาสาวพักตร์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และอุทิศส่วนกุศลให้กับนางผู้เป็นที่รักในอดีตชาติ เป็นตอนจบที่แอบเศร้าแต่ก็ยังพอปิติยินดีอยู่บ้าง
ปล.คิดว่ากำลังจะดูเพลิงพระนางอยู่ เพราะเห็นว่าท็อปฟอร์มพอๆกัน แต่คงต้องทำใจสักพักถ้าจะดู เพราะไม่ได้ดูช่อง 7 มานานแล้ว
10 ความเหมือน 'พิษสวาท' และ 'นาคี'
ช่วงปี 2559 ไม่มีละครเรื่องไหนที่ไม่ถูกพูดถึงเป็นพิเศษมากไปกว่า 'พิษสวาท' และ 'นาคี' ละครแนวเหนือธรรมชาติที่ผลิตโดยช่อง one และช่อง 3 โดยหลังจากที่ นุ่น วรนุช ได้สร้างชื่อให้กับ 'ทองเนื้อเก้า' ให้กับแอคอาร์ตฯ ไปแล้วครั้งหนึ่ง ทางคุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ จึงได้นำ แต้ว ณฐพร มาเล่นละคร และนี้ก็คือความเหมือนทั้ง 10 อย่างที่คุณน่าดู
*สปอยหนักมาก ไม่ควรดูถ้ายังไม่ได้ดูน้าาา*
1.พ่อพระเอกคนเดียวกัน
ลุงหมู ดิลก พ่อทุกสถาบัน ยังต้องหลบเมื่อพบกับ ลุงอุ้ย เกรียงไกร อุณหะนันทน์ ซึ่งเป็นพ่อพระเอกแค่ 2 เรื่อง แต่ดันเป็นละครที่โด่งดังมาก ถึงมากที่สุด แต่ในบทจะแตกต่างนิดหน่อยตรงที่ในพิษสวาทจะเป็นทหาร/นักการเมืองและมีภรรยา ส่วนในนาคีจะเป็นนักโบราณคดีและเป็นพ่อหม้าย ส่วนที่เป็นบทอดีตชาติ ในพิษสวาทจะเป็นพราหมณ์และเป็นลุงของพระเอก ส่วนในนาคีจะเป็นเจ้าเมืองเป็นนายเหนือหัวของพระเอก
2.รีเมคมาเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ พิษสวาทถูกทำเป็นละครมาแล้ว 3 ครั้ง และภาพยนตร์ 1 ครั้ง ครั้งล่าสุดคือปี พ.ศ. 2534 ส่วนนาคีถูกทำเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง และละคร 1 ครั้ง ครั้งล่าสุดคือปี พ.ศ. 2531
3.เพื่อนชื่อ 'เชษฐ์' เหมือนกัน แถม 'เชษฐ์' พอๆกัน
'เชษฐ์' ในที่นี้ไม่ได้นิยามหมายถึงว่าเป็นขาเผือกเหมือนกัน แต่ให้นิยามว่าเน้นฮาปนรำคาญมากกว่า เพราะเชษฐ์ในพิษสวาท ยุ่งได้ทุกเรื่อง ทุกที่ ทั้งๆที่ไม่เคยมีเรื่องใดในอดีตชาติ ส่วนเชษฐ์ในนาคี เป็นคนเงียบๆแต่ธรรมะธรรมโม เวลาพูดขึ้นมาทีจะคอยเทศนาบ่อยๆจนถูกเพื่อนๆตั้งฉายาให้ว่า "หลวงปู่"
4.มีการระลึกชาติเหมือนกัน
ด้วยความที่ทั้ง 2 ละคร มาในรูปแบบละครย้อนยุคปนเหนือธรรมชาติ (นาคีฉากปัจจุบันอาจจะเป็นละครย้อนยุคด้วยเพราะมีการใช้กล้องแบบยุค 70s-80s และยังมีการล้างด้วยฟิลม์อยู่) ดังนั้นจึงไม่แปลกใจหากจะมีการทำฉากย้อนยุคขึ้นมาและมีบรรยากาศที่ดูคล้ายๆกันอยู่นิดหน่อย และแน่นอนว่าฉากเหล่านั้นก็เป็นไปเพื่อการระลึกชาติ และเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์
5.พระเอกเป็นนักโบราณคดีและนักรบ
ทั้งทศพลและอัคนี เขาทั้ง 2 ในอดีตชาติเป็นแม่ทัพใหญ่ ขณะที่ชาติปัจจุบันเป็นนักโบราณคดี แต่โชคร้ายหน่อยที่อดีตชาติตายไม่ดีเอาเสียเลย แถมยังมีนางเอกรอคอยมาอีก ซึ่งผลจากอดีตชาติจึงทำให้สัญญาทางชาติภพต้องถูกรื้อฟื้นเมื่อเวลาพบเจอเรื่องที่ผูกพันกันไว้
6.บ้านนางเอกอยู่ในถ้ำใต้โบราณสถานเหมือนกัน
น่าสงสารเจ้าแม่อุบลหน่อยเพราะแม้ถ้ำ (หรือกรุอุโมงค์) จะเต็มไปด้วยสมบัติ แต่ก็ต้องอยู่ในฐานะคนเฝ้าสมบัติ และเป็นที่ๆไม่เต็มใจอยากอยู่ ขณะที่เจ้าแม่นาคี มีถ้ำที่เป็นเมืองเนรมิต งดงาม แต่ที่เหมือนๆกันก็คือ ไม่ค่อยมีใครย่างกรายเข้าไปแล้วรอดชีวิตกลับมา เพราะเป็นสถานที่อันตรายที่รับรองว่าหากมีในชีวิตจริง คุณจะต้องลังเลแน่ระหว่างไม่ไปกับอยากไป
7.นางเอกรอคอยพระเอกมานานแสนนาน
แม้ขึ้นชื่อว่าจะเป็นวิญญาณหรือสิ่งเหนือธรรมชาติที่รอคอยพระเอกมานานแสนนานนับร้อยปีพันปี แต่สัญญาทางชาติภพถือว่าแตกต่างโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ เจ้าแม่อุบลมักจะออกแนวอาฆาตแค้น และต้องการให้พระเอกกลับมาเฝ้าสมบัติแทนตน ส่วนเจ้าแม่นาคีจะออกแนวรักผูกพัน และต้องการให้พระเอกจดจำสัญญารักในอดีตชาติได้เท่านั้น
8.พยายามระลึกชาติด้วยการขุดค้นวัตถุโบราณ
การขุดค้นหรือค้นหาวัตถุโบราณ ถอดอักษร และตีความวัตถุ ในฐานะนักโบราณคดีที่มีสัญญาทางอดีตชาติผูกพันมา จึงจำเป็นต้องค้นหาหลักฐานเพื่อยืนยันความเป็นอดีตชาติของตัวเอง โดยทางจิตวิทยา (ที่ไม่น่าเชื่อถือในเชิงวิทยาศาสตร์) เชื่อว่า การกระตุ้นความจำโดยสิ่งของจะสามารถจดจำเรื่องราวในอดีตชาติได้มากขึ้น
9.บอสใหญ่มักมาพร้อมแสงหรือแค่เสียง
บอสใหญ่สำหรับ 2 เรื่อง คือผู้มีอำนาจสูงสุดในด้านจิตวิญญาณและพลัง ซึ่งก็ไม่น่าจะพ้นพญายมราชและพ่อปู่ศรีสุทโธเท่าไหร่นัก ซึ่งสำหรับพ่อปู่ศรีสุทโธ อาจจะดีหน่อยตรงที่มีเสียง มีรูปพร้อม แต่ในพิษสวาท พญายมราชมาแค่เสียง สี เสียง แต่ไร้ตัวตนทางกายภาพ โดยมักจะมาในช่วงท้ายๆ คอยให้คำคมแง่คิดสำคัญ อันเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องในตอนจบ
10.พระเอกบวชเหมือนกัน
ไม่น่าเชื่อว่าตอนจบของทั้ง 2 เรื่องจะหักมุมได้สุดมาก เพราะพระเอกได้เลือกที่จะปฏิบัติธรรมเข้าร่มกาสาวพักตร์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และอุทิศส่วนกุศลให้กับนางผู้เป็นที่รักในอดีตชาติ เป็นตอนจบที่แอบเศร้าแต่ก็ยังพอปิติยินดีอยู่บ้าง
ปล.คิดว่ากำลังจะดูเพลิงพระนางอยู่ เพราะเห็นว่าท็อปฟอร์มพอๆกัน แต่คงต้องทำใจสักพักถ้าจะดู เพราะไม่ได้ดูช่อง 7 มานานแล้ว