ขอท้าวความเล็กน้อย เราเป็นลูกที่ไม่น่ารักเท่าไหร่ ทิ้งพ่อแม่ไปอยู่ต่างประเทศนานมากหลายปี แต่โชคดีที่บ้านเราเป็นครอบครัวขยาย อยู่กันหลายหลังในบริเวณเดียวกัน พ่อกับแม่ก็เลยมีพี่น้องลูกหลานแวดล้อม ไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่ แต่มันก็นำพาความหนักใจมาให้เหมือนกันเมื่อเรากลับมาอยู่เมืองไทยและพบเห็นอะไรบางอย่างที่เราทำตัวไม่ถูกเลย
ในหลาย ๆ ปีนี้ พ่อกับแม่ก็มีพวกพี่ ๆ น้อง ๆ ลูกคุณลุงคุณอาทั้งหลายที่อยู่ในละแวกบ้านมาช่วยกันดูแลค่ะ พ่อกับแม่ก็เลยสนิทกับหลานและติดหลานมาก หนึ่งในนั้นก็คือพี่สาวคนนี้ พี่เราอายุห่างกับเราเยอะมากเพราะพ่อเราเป็นลูกคนเล็ก พ่อของพี่ (ลุง) เป็นลูกคนโต ห่างกันเป็นสิบปี พี่เค้าอายุประมาณห้าสิบกว่าแล้ว เราอายุใกล้หลานมากกว่า หลานสาวเราอายุประมาณยี่สิบ อยู่ปีสามปีสี่มหาวิทยาลัย พ่อแม่เราสนิทกับพี่คนนี้มาก เค้าดูแลพ่อแม่เราดีมากด้วยเพราะคุณลุงคุณป้าเราเสียไปแล้ว เค้าก็ดูแลพ่อแม่เราเหมือนพ่อแม่เค้าเลยนะ
เรารักและเคารพพี่เค้ามากเลยนะ เค้าเก่ง เลิกกับสามีตั้งแต่หลานเรายังเล็กมาก เลี้ยงลูกมาคนเดียว และหาเงินได้เก่งมาก ส่งลูกเรียนเมืองนอกได้แต่เล็กจนโต เมื่อไม่นานมานี้ ห้าหกปีได้ มีผู้ชายคนหนึ่ง อายุไร่เลี่ยกันค่ะ เข้ามาติดพัน และทุกวันนี้ก็เปรียบเหมือนกับแฟนของพี่สาวเรา ไปไหนมาไหนเค้าก็คอยขับรถรับส่ง ไปมาหาสู่ที่บ้านตลอด บางทีก็ตามไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วย เราได้ยินเรื่องพี่ผู้ชายคนนี้สมัยที่เรายังอยู่ต่างประเทศ ก็ยังรู้สึกดีใจที่พี่เรามีคนมาดูแลเสียที
แต่พอกลับมาเมืองไทย เราได้รู้ความจริงอย่างหนึ่งที่ทำให้เรากระอักกระอ่วน ผู้ชายคนนี้มีลูกและภรรยาแล้ว และยังไม่ได้เลิกกันค่ะ
เรางงกับเรื่องราวมาก ๆ เหมือนกับว่าภรรยาของเขาก็รู้ว่าเขามาติดพันพี่สาวเรา เหมือนเค้ากับพี่เราแบ่งเวลาของผู้ชายคนนี้กัน บอกก่อนว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นคนมีสตางค์ แต่พอมาคบกับพี่เรา พี่เราก็ค่อนข้างช่วยเหลือจุนเจือเค้าอยู่ในหลายอย่าง ค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร เวลาไปเที่ยวไหน ๆ พี่สาวเราก็ซื้อของให้เค้าและฝากไปให้ลูกและภรรยาเค้าด้วย เฮ้ยยยย มันใช่เหรอ
เรา รู้สึกกระอักกระอ่วนใจมาก รู้ว่าไม่ใช่เรื่องของเรา แต่หลายอย่างมันทำให้เราไม่ค่อยอยากยุ่ง ไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้หรือสังคมอะไรกับผู้ชายคนนี้เลย พ่อกับแม่เราก็ไม่ได้พูดอะไร นี่ในทางกลับกันนะ สมมตินะ ถ้าเป็นเรา คบกับผู้ชายมีภรรยาแล้วแบบนี้นะ เราว่าบ้านแตกล่ะ พ่อแม่เรารับไม่ได้แน่นอน มันเป็นเรื่องที่พ่อแม่เราด่าเราหรือตัดเราออกจากครอบครัวแน่นอนเลย พอเราถามว่า ทีแบบนี้ทำไมพ่อกับแม่รับได้ล่ะ เรากลับได้รับคำตอบมาว่า เอาเถอะ พี่เค้าอายุเยอะแล้ว พ่อแม่เค้าก็เสียหมดแล้ว ลูกเค้าก็โตแล้ว เค้าจะทำอะไรก็ปล่อยเค้าเถอะ ให้เรามองในส่วนดีของพี่เราและของผู้ชายคนนั้นแทน
เราอึดอัดมากนะ นี่บอกเลย เพราะตอนนี้เวลาที่ครอบครัวใหญ่ ๆ ของเรามีงานสังสรรค์หรือแม้แต่ไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ผู้ชายคนนี้เค้าก็ไปด้วยตลอด มันทำให้บางทีเราไม่อยากไปเลย ช่วงหลัง ๆ นี้เราทำเป็นไม่ว่าง ไม่ไป ไม่สังสรรค์ อ้างว่าติดงานติดเพื่อน แต่ไม่รู้จะหนีสถานการณ์แบบนี้ไปได้นานแค่ไหน เวลามีงานใหญ่ ๆ บางรายการเราก็ต้องจำทนไปร่วมงานนะ แล้วก็จำทนยิ้มแย้มแจ่มใส เรามันแก่เกินจะทำตัวเสียมารยาทสังคมใส่คนที่เราไม่ชอบแล้วด้วยแหละ
แต่บอกตรง ๆ ว่าอึดอัดมากค่ะ อีกไม่นานหลานสาวเราก็จะเรียนจบจากต่างประเทศมาอีกคนละนะ เราก็ไม่รู้ว่าหลานจะคิดยังไง เค้าอาจจะรับได้ก็ได้ นั่นก็ดีไป เรื่องของหลานเราไม่ขอไปยุ่งล่วงหน้าดีกว่า เอาเป็นว่าตอนนี้ เราเหนื่อยก็เลยเอามาระบายกับทุกคนในนี้ หวังว่าคงเข้าใจเรา ถ้าใครมีคำแนะนำให้เราทำใจได้แบบไหนบ้างก็แนะนำกันมาค่ะ ยินดีรับฟัง หลายหัวก็ดีกว่าหัวเดียวละนะ
ไม่ชอบแฟนของพี่สาว ไม่รู้จะทำยังไงดี
ในหลาย ๆ ปีนี้ พ่อกับแม่ก็มีพวกพี่ ๆ น้อง ๆ ลูกคุณลุงคุณอาทั้งหลายที่อยู่ในละแวกบ้านมาช่วยกันดูแลค่ะ พ่อกับแม่ก็เลยสนิทกับหลานและติดหลานมาก หนึ่งในนั้นก็คือพี่สาวคนนี้ พี่เราอายุห่างกับเราเยอะมากเพราะพ่อเราเป็นลูกคนเล็ก พ่อของพี่ (ลุง) เป็นลูกคนโต ห่างกันเป็นสิบปี พี่เค้าอายุประมาณห้าสิบกว่าแล้ว เราอายุใกล้หลานมากกว่า หลานสาวเราอายุประมาณยี่สิบ อยู่ปีสามปีสี่มหาวิทยาลัย พ่อแม่เราสนิทกับพี่คนนี้มาก เค้าดูแลพ่อแม่เราดีมากด้วยเพราะคุณลุงคุณป้าเราเสียไปแล้ว เค้าก็ดูแลพ่อแม่เราเหมือนพ่อแม่เค้าเลยนะ
เรารักและเคารพพี่เค้ามากเลยนะ เค้าเก่ง เลิกกับสามีตั้งแต่หลานเรายังเล็กมาก เลี้ยงลูกมาคนเดียว และหาเงินได้เก่งมาก ส่งลูกเรียนเมืองนอกได้แต่เล็กจนโต เมื่อไม่นานมานี้ ห้าหกปีได้ มีผู้ชายคนหนึ่ง อายุไร่เลี่ยกันค่ะ เข้ามาติดพัน และทุกวันนี้ก็เปรียบเหมือนกับแฟนของพี่สาวเรา ไปไหนมาไหนเค้าก็คอยขับรถรับส่ง ไปมาหาสู่ที่บ้านตลอด บางทีก็ตามไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วย เราได้ยินเรื่องพี่ผู้ชายคนนี้สมัยที่เรายังอยู่ต่างประเทศ ก็ยังรู้สึกดีใจที่พี่เรามีคนมาดูแลเสียที
แต่พอกลับมาเมืองไทย เราได้รู้ความจริงอย่างหนึ่งที่ทำให้เรากระอักกระอ่วน ผู้ชายคนนี้มีลูกและภรรยาแล้ว และยังไม่ได้เลิกกันค่ะ
เรางงกับเรื่องราวมาก ๆ เหมือนกับว่าภรรยาของเขาก็รู้ว่าเขามาติดพันพี่สาวเรา เหมือนเค้ากับพี่เราแบ่งเวลาของผู้ชายคนนี้กัน บอกก่อนว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นคนมีสตางค์ แต่พอมาคบกับพี่เรา พี่เราก็ค่อนข้างช่วยเหลือจุนเจือเค้าอยู่ในหลายอย่าง ค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร เวลาไปเที่ยวไหน ๆ พี่สาวเราก็ซื้อของให้เค้าและฝากไปให้ลูกและภรรยาเค้าด้วย เฮ้ยยยย มันใช่เหรอ
เรา รู้สึกกระอักกระอ่วนใจมาก รู้ว่าไม่ใช่เรื่องของเรา แต่หลายอย่างมันทำให้เราไม่ค่อยอยากยุ่ง ไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้หรือสังคมอะไรกับผู้ชายคนนี้เลย พ่อกับแม่เราก็ไม่ได้พูดอะไร นี่ในทางกลับกันนะ สมมตินะ ถ้าเป็นเรา คบกับผู้ชายมีภรรยาแล้วแบบนี้นะ เราว่าบ้านแตกล่ะ พ่อแม่เรารับไม่ได้แน่นอน มันเป็นเรื่องที่พ่อแม่เราด่าเราหรือตัดเราออกจากครอบครัวแน่นอนเลย พอเราถามว่า ทีแบบนี้ทำไมพ่อกับแม่รับได้ล่ะ เรากลับได้รับคำตอบมาว่า เอาเถอะ พี่เค้าอายุเยอะแล้ว พ่อแม่เค้าก็เสียหมดแล้ว ลูกเค้าก็โตแล้ว เค้าจะทำอะไรก็ปล่อยเค้าเถอะ ให้เรามองในส่วนดีของพี่เราและของผู้ชายคนนั้นแทน
เราอึดอัดมากนะ นี่บอกเลย เพราะตอนนี้เวลาที่ครอบครัวใหญ่ ๆ ของเรามีงานสังสรรค์หรือแม้แต่ไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ผู้ชายคนนี้เค้าก็ไปด้วยตลอด มันทำให้บางทีเราไม่อยากไปเลย ช่วงหลัง ๆ นี้เราทำเป็นไม่ว่าง ไม่ไป ไม่สังสรรค์ อ้างว่าติดงานติดเพื่อน แต่ไม่รู้จะหนีสถานการณ์แบบนี้ไปได้นานแค่ไหน เวลามีงานใหญ่ ๆ บางรายการเราก็ต้องจำทนไปร่วมงานนะ แล้วก็จำทนยิ้มแย้มแจ่มใส เรามันแก่เกินจะทำตัวเสียมารยาทสังคมใส่คนที่เราไม่ชอบแล้วด้วยแหละ
แต่บอกตรง ๆ ว่าอึดอัดมากค่ะ อีกไม่นานหลานสาวเราก็จะเรียนจบจากต่างประเทศมาอีกคนละนะ เราก็ไม่รู้ว่าหลานจะคิดยังไง เค้าอาจจะรับได้ก็ได้ นั่นก็ดีไป เรื่องของหลานเราไม่ขอไปยุ่งล่วงหน้าดีกว่า เอาเป็นว่าตอนนี้ เราเหนื่อยก็เลยเอามาระบายกับทุกคนในนี้ หวังว่าคงเข้าใจเรา ถ้าใครมีคำแนะนำให้เราทำใจได้แบบไหนบ้างก็แนะนำกันมาค่ะ ยินดีรับฟัง หลายหัวก็ดีกว่าหัวเดียวละนะ