แล้วฉันก็ได้รู้ว่า 'รักแรกพบ' มันมีอยู่จริงก็ตอนที่เห็นหน้าเขาในคืนนี้ ขณะที่ฉันกำลังร้องเพลงในร้านอาหาร ตรงลานกลางแจ้ง พื้นที่สำหรับดนตรีสด
สายตาที่สบกันระหว่างฉันกับเขา มันเหมือนเวลาได้หยุดนิ่งลง
ฉันตกในภวังค์ไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มือกีตาร์มาสะกิดพร้อมกระซิบว่า
"นุชร้องผิดคีย์นะ"
ฉันละสายตาออกจากเขา แล้วร้องเพลงต่อจนจบโดยไม่สนใจเขาอีก แต่ใครจะฝืนใจอยู่ได้นาน พอฉันลงจากเวทีใจมันก็ร่ำร้องโดยที่ไม่อาจขัดขืน ฉันสอดส่ายสายตามองหาเขา ใจเต้นรัวแรงเมื่อพบว่าเขานั่งมองฉันอยู่ก่อนแล้ว เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน สายตาและรอยยิ้มนั้นเหมือนแรงดึงดูดให้ฉันต้องเดินเข้าไปหาเขา
"นั่งด้วยคนได้ไหมคะ?" ฉันถามในทันทีที่มาถึงโต๊ะเขา
เขาลุกขึ้นโค้งและผายมืออย่างสุภาพ
"เชิญครับ"
"ปกติแล้วนุชไม่เคยมาคุยกับลูกค้าคนไหนเลยนะคะ"
เขายิ้มนิดๆ
"แสดงว่าผมเป็นลูกค้าคนแรก ที่คุณนุชให้เกียรติมาทัก ผมชื่อเอกนะครับ"
ฉันยิ้มอายๆ
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเอก"
"ยินดีเช่นกันครับ คุณนุชร้องเพลงได้เพราะมากเลยนะครับ"
"ขอบคุณค่ะ มันเป็นอาชีพของนุชก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ"
เขาสบตาฉัน แล้วเหม่อมองออกไปทางนอกร้านอย่างเลื่อนลอย ก่อนพูดขึ้นช้าๆ
"ความจริงแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาที่ร้านนี้นะครับ ผมก็จำไม่ได้ว่าผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่"
ฉันหัวเราะขัน เพราะนึกว่าเขาล้อเล่น
"คุณเอกหลงทางเหรอคะ?"
เขาหันกลับมาสบตาฉันจริงจัง ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้น
"ผมรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่หน้าร้านอาหารแห่งนี้ แล้วก็ได้ยินเสียงคุณนุชร้องเพลง ผมเดินมาตามเสียงเพลงคุณนุชครับ"
ฉันเริ่มแปลกใจเพราะน้ำเสียงและสีหน้าของเขา ดูเป็นจริงเป็นจังเอามากๆ
"คุณเอกจำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ?"
เขาหันไปมองรอบข้างอย่างพินิจพิจารณา ก่อนเอามือจับขมับอย่างใคร่ครวญ
"ผมกำลังกลับบ้าน....ผมจำได้แค่นั้นครับ"
"แล้วคุณเอกจอดรถไว้ที่ไหนคะ?"
"ผมไม่ได้เอารถมาครับ เพราะน้องชายยืมขับไปทำธุระที่ต่างจังหวัด......"
ไม่ทันที่เขาและฉันจะได้พูดคุยอะไรกันต่อ เสียงรถตำรวจและรถกู้ภัยก็ดังระงม รถของเจ้าหน้าที่มาจอดบริเวณหน้าร้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยบางส่วน แยกตัววิ่งไปที่ป่ารกซึ่งอยู่ติดกับด้านหลังของร้านอาหาร แขกในร้านต่างหยุดคุย วงดนตรีก็หยุดเล่น เจ้าของร้านอาหารเดินออกไปคุยกับตำรวจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพียงชั่วอึดใจไม่นานก็มีเสียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ตะโกนโหวกเหวกโวยวายว่า
"พบศพแล้ว!"
ฉันหันไปบอกคุณเอก
"เดี๋ยวนุชมาค่ะ"
เขาพยักหน้ารับอย่างงงๆ จากนั้นฉันก็รีบเดินไปจับแขนเจ้าของร้านอาหารที่รู้จักกันดี
"มีอะไรกันเหรอคะพี่?"
"แท็กซี่มันพาผู้โดยสารมาฆ่าปาดคอชิงทรัพย์ ที่ป่าด้านหลังร้านเราเมื่อหัวค่ำนี้เอง เดชะบุญตำรวจเขาตั้งด่านแล้วเห็นพิรุธของแท็กซี่พร้อมรอยเลือดบนเสื้อ เค้นสอบปากคำมันจึงรับสารภาพ แล้วพามาชี้ที่จุดเกิดเหตุ"
ฉันหันไปอีกที ก็เห็นคุณเอกเดินมาใกล้ๆ เขาถามฉันเบาๆปานกระซิบ
"มีคนตายเหรอครับ?"
"ค่ะ"
ขณะจะพูดอะไรต่อ เจ้าของร้านก็ดึงตัวฉันให้หลบไปด้านหลัง ฉันหันมองไปก็ต้องสะดุ้งและส่งเสียงกรีดร้องมาสุดตัว เมื่อพบว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังนำศพผู้ชายคนหนึ่งเดินมาทางนี้เพื่อจะนำขึ้นรถ สภาพศพนั้นเต็มไปด้วยเลือดที่ท่วมตัว ฉันหันไปอีกทางโดยที่ไม่มองอีกเลย แต่คุณเอกกลับร้องขึ้นมาเสียงดัง เขาร้องอย่างคร่ำครวญหวนไห้
ฉันสะดุ้งกับเสียงนั้น รีบหันไปมองเขาก็พบว่า เขากำลังทรุดตัวลงร้องไห้อย่างคลุ้มคลั่ง
"คุณเอกเป็นอะไรไปคะ!"
"ผมจำได้แล้ว ผมจำได้แล้ว!"
เขาละล่ำละลักแล้วชี้มืออันสั่นเทา ไปที่ศพผู้ชายคนนั้น ฉันลืมความกลัวไปชั่วขณะ หันไปมองศพนั้นตามที่เขาชี้ เมื่อตั้งใจมองดีๆแล้วฉันก็แทบจะสิ้นสติลงเสียตรงนั้น ฉันผงะถอยหลังโซเซแล้วหันไปมองคุณเอกอีกครั้ง ก็พบว่าลำคอเขาเริ่มมีเลือดไหลทะลักออกมา จนเสื้อเชิ้ตสีขาวกลายเป็นสีแดงฉาน ฉันน้ำตาไหลและกรีดร้องสุดเสียง ได้ยินเสียงเจ้าของร้านถามไล่หลังมาด้วยน้ำเสียงตระหนกตกใจ
"นุชแกเป็นอะไร..... นุช!"
แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบ และได้แต่หลับตากรีดร้องด้วยอาการเหมือนคนเสียสติอยู่เช่นนั้น.
เฟืองเขียว เกี้ยวบุหลัน (สมเกียรติ จันทร)
๒๓/๐๖/๒๕๖๐
[เรื่องสั้น] ในคืนที่ฉันตกหลุมรัก
สายตาที่สบกันระหว่างฉันกับเขา มันเหมือนเวลาได้หยุดนิ่งลง
ฉันตกในภวังค์ไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มือกีตาร์มาสะกิดพร้อมกระซิบว่า
"นุชร้องผิดคีย์นะ"
ฉันละสายตาออกจากเขา แล้วร้องเพลงต่อจนจบโดยไม่สนใจเขาอีก แต่ใครจะฝืนใจอยู่ได้นาน พอฉันลงจากเวทีใจมันก็ร่ำร้องโดยที่ไม่อาจขัดขืน ฉันสอดส่ายสายตามองหาเขา ใจเต้นรัวแรงเมื่อพบว่าเขานั่งมองฉันอยู่ก่อนแล้ว เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน สายตาและรอยยิ้มนั้นเหมือนแรงดึงดูดให้ฉันต้องเดินเข้าไปหาเขา
"นั่งด้วยคนได้ไหมคะ?" ฉันถามในทันทีที่มาถึงโต๊ะเขา
เขาลุกขึ้นโค้งและผายมืออย่างสุภาพ
"เชิญครับ"
"ปกติแล้วนุชไม่เคยมาคุยกับลูกค้าคนไหนเลยนะคะ"
เขายิ้มนิดๆ
"แสดงว่าผมเป็นลูกค้าคนแรก ที่คุณนุชให้เกียรติมาทัก ผมชื่อเอกนะครับ"
ฉันยิ้มอายๆ
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเอก"
"ยินดีเช่นกันครับ คุณนุชร้องเพลงได้เพราะมากเลยนะครับ"
"ขอบคุณค่ะ มันเป็นอาชีพของนุชก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ"
เขาสบตาฉัน แล้วเหม่อมองออกไปทางนอกร้านอย่างเลื่อนลอย ก่อนพูดขึ้นช้าๆ
"ความจริงแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาที่ร้านนี้นะครับ ผมก็จำไม่ได้ว่าผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่"
ฉันหัวเราะขัน เพราะนึกว่าเขาล้อเล่น
"คุณเอกหลงทางเหรอคะ?"
เขาหันกลับมาสบตาฉันจริงจัง ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้น
"ผมรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่หน้าร้านอาหารแห่งนี้ แล้วก็ได้ยินเสียงคุณนุชร้องเพลง ผมเดินมาตามเสียงเพลงคุณนุชครับ"
ฉันเริ่มแปลกใจเพราะน้ำเสียงและสีหน้าของเขา ดูเป็นจริงเป็นจังเอามากๆ
"คุณเอกจำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ?"
เขาหันไปมองรอบข้างอย่างพินิจพิจารณา ก่อนเอามือจับขมับอย่างใคร่ครวญ
"ผมกำลังกลับบ้าน....ผมจำได้แค่นั้นครับ"
"แล้วคุณเอกจอดรถไว้ที่ไหนคะ?"
"ผมไม่ได้เอารถมาครับ เพราะน้องชายยืมขับไปทำธุระที่ต่างจังหวัด......"
ไม่ทันที่เขาและฉันจะได้พูดคุยอะไรกันต่อ เสียงรถตำรวจและรถกู้ภัยก็ดังระงม รถของเจ้าหน้าที่มาจอดบริเวณหน้าร้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยบางส่วน แยกตัววิ่งไปที่ป่ารกซึ่งอยู่ติดกับด้านหลังของร้านอาหาร แขกในร้านต่างหยุดคุย วงดนตรีก็หยุดเล่น เจ้าของร้านอาหารเดินออกไปคุยกับตำรวจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพียงชั่วอึดใจไม่นานก็มีเสียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ตะโกนโหวกเหวกโวยวายว่า
"พบศพแล้ว!"
ฉันหันไปบอกคุณเอก
"เดี๋ยวนุชมาค่ะ"
เขาพยักหน้ารับอย่างงงๆ จากนั้นฉันก็รีบเดินไปจับแขนเจ้าของร้านอาหารที่รู้จักกันดี
"มีอะไรกันเหรอคะพี่?"
"แท็กซี่มันพาผู้โดยสารมาฆ่าปาดคอชิงทรัพย์ ที่ป่าด้านหลังร้านเราเมื่อหัวค่ำนี้เอง เดชะบุญตำรวจเขาตั้งด่านแล้วเห็นพิรุธของแท็กซี่พร้อมรอยเลือดบนเสื้อ เค้นสอบปากคำมันจึงรับสารภาพ แล้วพามาชี้ที่จุดเกิดเหตุ"
ฉันหันไปอีกที ก็เห็นคุณเอกเดินมาใกล้ๆ เขาถามฉันเบาๆปานกระซิบ
"มีคนตายเหรอครับ?"
"ค่ะ"
ขณะจะพูดอะไรต่อ เจ้าของร้านก็ดึงตัวฉันให้หลบไปด้านหลัง ฉันหันมองไปก็ต้องสะดุ้งและส่งเสียงกรีดร้องมาสุดตัว เมื่อพบว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังนำศพผู้ชายคนหนึ่งเดินมาทางนี้เพื่อจะนำขึ้นรถ สภาพศพนั้นเต็มไปด้วยเลือดที่ท่วมตัว ฉันหันไปอีกทางโดยที่ไม่มองอีกเลย แต่คุณเอกกลับร้องขึ้นมาเสียงดัง เขาร้องอย่างคร่ำครวญหวนไห้
ฉันสะดุ้งกับเสียงนั้น รีบหันไปมองเขาก็พบว่า เขากำลังทรุดตัวลงร้องไห้อย่างคลุ้มคลั่ง
"คุณเอกเป็นอะไรไปคะ!"
"ผมจำได้แล้ว ผมจำได้แล้ว!"
เขาละล่ำละลักแล้วชี้มืออันสั่นเทา ไปที่ศพผู้ชายคนนั้น ฉันลืมความกลัวไปชั่วขณะ หันไปมองศพนั้นตามที่เขาชี้ เมื่อตั้งใจมองดีๆแล้วฉันก็แทบจะสิ้นสติลงเสียตรงนั้น ฉันผงะถอยหลังโซเซแล้วหันไปมองคุณเอกอีกครั้ง ก็พบว่าลำคอเขาเริ่มมีเลือดไหลทะลักออกมา จนเสื้อเชิ้ตสีขาวกลายเป็นสีแดงฉาน ฉันน้ำตาไหลและกรีดร้องสุดเสียง ได้ยินเสียงเจ้าของร้านถามไล่หลังมาด้วยน้ำเสียงตระหนกตกใจ
"นุชแกเป็นอะไร..... นุช!"
แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบ และได้แต่หลับตากรีดร้องด้วยอาการเหมือนคนเสียสติอยู่เช่นนั้น.
เฟืองเขียว เกี้ยวบุหลัน (สมเกียรติ จันทร)
๒๓/๐๖/๒๕๖๐