เริ่มต้นชีวิตม.ปลาย...ทำไมมันถึงลำบากขนาดนี้..

พอดีว่าผมพึ่งจะขึ้น ม.4 ครับ โรงเรียนเก่าผมจบแค่ม.3 ผมเลยต้องย้ายมาที่โรงเรียนที่แม่ผมเคยเรียนมาก่อน แถมอยู่ใกล้บ้านด้วย ผมเลยยอมย้ายไป ซึ่งโรงเเรียนเก่าผมเป็นเอกชน แต่ที่ใหม่เป็นรัฐบาล สิ่งที่ผมต้องเจอนั้นมันยากลำบากมาก ผมอยากแชร์ให้อ่านกันครับ
    พอย้ายไปถึง สิ่งแรกที่ผมต้องปรับตัวคือการเข้าแถวตอนเช้า โรงเรียนนี้เข้าแถวนานมาก แถมยังเข้ากลางแดดอีก ซึ่งโรงเรียนเก่าผมเข้าในร่ม ผิวผมดำขึ้นภายในสามสัปดาห์ เป็นอะไรที่โหดร้ายมาก
    อีกกอย่างก็คือ โรงเรียนเก่าผมเป็นโรงเรียนคริสต์ แต่ที่นี่โรงเรียนพุทธ ก่อนหน้านี้ต้องท่องบทสวดภาษาอังกฤษตลอด แต่นี่ต้องมาท่องของพุทร แต่อยู่ไปเรื่อยๆก็ท่องได้ ตอนร้องเพลงชาติโรงเรียนเก่าผมมีดนตรีให้ ที่นี่ต้องร้องเอง บางวันก็มีวงโยทวาทิตวง่อยๆมาบรรเลงให้
    ผมเลือกเรียนสายศิลป์-ภาษา แต่เพื่อนในห้องแต่ละคนห่วยภาษาอังกฤษกันทั้งนั้นครับ โรงเรียนนี้ไม่เน้นภาษาอังกฤษ แต่โรงเรียนเก่าผมเน้นอังกฤษสุดๆ ต้องเจอทั้ง Grammar Conversation HealthEducation SocialStadies และ Mathematic ผมเลยมีความสามรถด้านภาษาอังกฤษพอสมควร แต่พอมาที่นี่ การเรียนภาษาอังกฤษมันเป็นอะไรที่ล้าหลังนิดนึง เพราะมีหลายๆเรื่องที่ผมเคยเรียนมาแล้วทั้งนั้น ครูถามอะไรผมก็ตอบสบายๆ หลังจากนั้นเพื่อนมันพึ่งผมตลอดเลยครับ บางคนก็ขอลอกการบ้านเลย
    อีกเรื่องก็คือความเคยชินครับ โรงเรียนเก่าผมต้องเรียกคุณครูว่าทิกเชอร์-มาสเสอร์ แต่พอมาที่นี่ผมต้องเรียกครู แต่ไปเรื่อยๆก็ชินแล้วครับ
    เนื่องจากโรงเรียนเก่าผมมีหลักสูตรที่สูงพอสมควร ถ้าเทียบผมกับเด็กที่นั่น ผมจะเป็นเด็กที่ฉลาดระดับกลาง แต่พอมาที่นี่ ผมดูฉลาดสุดๆไปเลยครับ (ยกเว้นคณิต) วิชาคอมพิวเตอร์ก็เหมือนผมต้องกลับไปเรียนใหม่ เพราะผมเคยเรียนมาหมดแล้ว แถมเก่งซะด้วย วิชาคอมผมก็สบายไปอีก
    เรื่องที่ลำบากสำหรับผมสุดๆคือภาษาจีนครับ  ผมเกิดมาไม่เคยเรียนภาษาจีนเลย มันยากมาก เพื่อนๆในห้องมันก็เรียนกันหมดแล้วด้วย แต่ครูก็บอกผมว่า เด็กที่นี่มันไม่ได้สนใจกันหรอก ผมน่าจะเรียนทันพวกมันได้ ผมเลยสบายใจไปครับ เรียนมาเรื่อยๆก็รู้เรื่องขึ้นเยอะแล้ว โรงเรียนเก่าผมมีเรียนเปียโนกับไวโอลินด้วย ผมก็ชอบมาก แต่ที่นี่อย่าว่าแต่เปียโนเลยครับ ไม่มีเครื่องดนตรีสอนสักอย่าง เรียนแต่ทฤษฏีอย่างเดียว
    สิ่งที่ผมต้องปรับตัวอย่างหนักเลยคือการไปเรียนครับ โรงเรียนเก่าผมเป็นห้องประจำ นั่งเฉยๆครูก็เข้ามาสอนในห้อง แต่ที่นี่ต้องเดินไปห้องนู้นห้องนี้ ย้ายไปตึกนู้นตึกนี้ แถมไม่มีห้องประจำด้วย โต๊ะแต่ละห้องก็เก่าสุดๆ เก้าอี้ก็มีโยกบ้าง แต่โรงเรียนเก่าผมเปลี่ยนโต๊ะทุกๆสองปี แถมเป็นโต๊ะเปิดปิด ไส่หนังสือไว้ได้ ไม่ต้องแบกกลับ แต่ที่นี่ผมต้องจัดตารางสอนเอง
    หนังสือที่นี่ก็ต้องเป็นแบบยืมเรียน โรงเรียนเก่าผมต้องซื้อเองเลย ผมชอบแบบนั้นมากกว่า แบบนี้มันต้องรักษาแบบสุดๆ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไรมาก
    สิ่งที่ผมต้องเจออีกก็คือ โดนเพื่อนแกล้งครับ โดนหนักด้วย เพราะผมจะมีความคิดไม่เมือนคนอื่นเขา แต่พออยู่ไปเรื่อยๆผมก็มีเพื่อนครับ เพราะผมเป็นคนบ้าอนิเมะมาก ก็เลยพอมีเพื่อนที่ชอบเรื่องเดียวกันอยู่ เลยคุยกันได้สบายๆ
    ผ.อที่โรงเรียนเก่าผมไส่ใจนักเรียนมาก แต่ผ.อ.ที่นี่โหดสุดๆ เน้นระเบียบยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ที่เก่าของผมคือเด็กต้องมาก่อน แต่ที่นี่ชื่อเสียงต้องมาก่อน ผมเลยไม่รู้จะทำตัวยังไงดี
    สิ่งที่ผมต้องเจออีกก็คือ เด็กนักเลงต่างห้อง เนื่องจากบ้านผมก็พอมีฐานะพอสมควร เอาเงินไปโรงเรียนก็เยอะ โทรศัพท์ก็แพงกว่าคนอื่น เด็กที่นี่มันก็ไม่ค่อยจะมีฐานะกันเท่าไหร่ บางคนก็ถึงขั้นจนเลย แถมชอบซื้ออะไรฟุ่มเฟือยอีก ผมเลยโดนไถเงินบ่อยมาก แล้วนิสัยของผมเป็นคนที่ไม่อยากมีเรื่อง ผมเลยให้มันไป คิดซะว่าให้หมูให้หมา เพราะยังไงผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร มันไถก็ไม่ได้เยอะมากด้วย แต่หลังๆเริ่มไม่มีแล้ว
    เด็กที่นี่มันไม่ค่อยมีจิตสำนึกกันด้วย ครูด่าอะไรมันก็ไม่ฟัง ต่างกับผมที่จะสำนึกตลอด ผมเป็นคนเงียบๆด้วย ไม่ค่อยยุ่งกับใครเท่าไหร่นอกจากเพือ่น ตอนพักกลางวันกินข้าวเสร็จก็ไปคุดอยู่ในห้องสมุด โรงเรียนเก่าผมก็เป็น ห้องสมุดที่นี่ไม่ค่อยมีหนังสือที่ผมอยากอ่าน ผมเลยเอาไลท์โนเวลที่ซื้อมาไปอ่านที่โรงเรียนทุกวัน
    เรื่องลำบากอีกอย่างก็คือการบ้านครับ ที่นี่สั่งเยอะหกว่าที่เก่าผมสองเท่า แต่ผมก็ทำตลอด ถึงจะมีลอกเพื่อนบ้างผมก็ทำ
    อยู่ที่นี่มันก็ไม่ได้ลำบากทุกเรื่องนะครับ ยังมีสิ่งที่สบายอยู่บ้าง ถึงจะน้อยก็เถอะ สิ่งที่สบายคือ ที่นี่คาบว่างเยอะ บางวิชาเขาก็ให้จดแล้วเปิดเพลงให้ฟัง (ไม่รู้ว่าดีรึเปล่า)
    เรื่องทรงผมก็เหมือนกัน โรงเรียนเก่าผมตัดรองทรงสูง ที่นี่ต้องตัดเกรียน น่าเบื่อมาก ไม่ตัดก็โดนไถ โดนตีด้วย ผมไม่ชอบทรงนี้แบบสุดๆ ไม่อยากจะตัดเลยสักนิด
    เรื่องโทรศัพท์อีก ที่นี่ผ.อ.ห้ามเอาโทรศัพท์มา แต่เด็กมันก็เอามากันอยู่ดี รวมถึงผมด้วย โรงเรียนก็ติด WiFi ให้ แต่ห้ามเอาโทรศัพท์ไป นี่มันบ้าชัดๆ แต่สุดท้ายผมก็เอาไปอยู่ดีนั่นแหละ
    ไม่ไช่ว่าผมมีแต่เพื่อนดีๆนะ เพื่อนเลวๆก็เยอะมาก อย่างล่าสุด มีงานกลุ่ม ผมทำคนเดียวเลยครับ พวกมันไปเล่นเกมสบายใจ กลุ่มครูก็จับให้ ถ้าได้จับเองผมคงไม่อยู่กับพวกมันหรอก แถมตอนนี้ผมก็ต้องเขียนนิยายลงเน็ตอีก พวกนั้นมันก็หาว่าผมปัญญาอ่อน บางครั้งก็แกล้งกันหนักเลย อย่างเช่นเอาครีมมีหนีบผมบ้าง เอานิยายไปซ่อนบ้าง เอากระดาษทรายมาถูหัวบ้าง ผมเลยไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับพวกมันเท่าไหร่ ผมก็ไม่เข้าใจว่าชอบการ์ตูนมันผิดมากรึไง พวกมันติดเกมกันผมยังไม่ล้อเลย
    พวกเด็กเกเรมันเยอะจนผมลำคาญเลยครับ ทุกวันนี้ผมเลยไม่คุยกับพวกมันเลย
    ที่ผมเล่าไปมันก็ยังไม่หมดนะครับ ความจริงผมเจอเยอะกว่านี้มาก จากที่ผมอยู่โรงเรียนสบายๆมาตลอดแล้วต้องมาอยู่ที่ลำบาก มันก็ต้องปรับตัวกันยาวล่ะครับ ผมขอไม่เอ่ยชื่อโรงเรียนละกันครับ กลัวโดน แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมอยากแชร์ครับ ใครมีอะไรที่เลวร้ายกว่านี้เล่าได้นะครับ ไปแระครับ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่