▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวไทย
ภาพถ่ายทิวทัศน์
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
จังหวัดลำพูน
[CR] ย้อนเวลา ค้นหาเมืองเก่าแห่งแม่น้ำปิง แก่งสร้อยเมืองเก่าแก่ใต้บาดาล
ทริปนี้จะเป็นทริปที่ถูกใจของบรรดานักพจญภัยแน่นอน เพราะ เป็นสถานที่ๆน้อยคนนักจะเดินทางเข้าไปถึง และ น้อยคนมากๆที่จะรู้จักกันเมืองเก่าแก่เมืองนี้ สำหรับทริปนี้จะแนะนำเมืองนี้โดยเล่าจากประวัติกันก่อนเลยนะครับ อาจยาวไปซักนิด แต่รับรองตื่นตาตื่นใจกันแน่นอน
#ประวัติของเมืองสร้อย
เมืองสร้อย ชื่อนี้ฟังดูอาจจะไม่คุ้นหูกันนัก เนื่องจากเป็นเมืองที่มลายสาบสูญไปเกือบ 100 ปี เมืองสร้อยตั้งอยู่ทางด้านเหนือเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก บริเวณอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล มีเมืองเล็กๆ ใต้น้ำเมืองหนึ่ง ซึ่งถูกซ่อนตัวในหุบเขาลำเนาไพร เป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นามว่า “วัดพระธาตุแก่งสร้อย” มีตำนานเล่าว่า ก่อนนี้เป็นเมืองอุดม เป็นที่ราบกว้างใหญ่ พระยาอุตุม จึงได้สร้างเมืองขึ้น ประกอบกับมีชุมชนอาศัยอยู่ริมน้ำเป็นจำนวนมาก
ต่อมาพระพุทธเจ้าเสด็จผ่านได้แวะพัก เมื่อชาวลั๊วทราบข่าว จึงได้นำ ดอกไม้ และอาหารมาถวาย ซึ่งดอกไม้บริเวณนั้นส่วนใหญ่จะเป็น ดอกสร้อย และพุทธองค์ได้นำพระเกศาให้ไว้จึงได้สร้างเจดีย์บรรจุไว้ ซึ่งเรียกว่า "พระธาตุแก่งสร้อย" มาจนถึงปัจจุบัน โดยภายในพระธาตุแก่งสร้อยประดิษฐานพระเกศาธาตุและพระธาตุส่วนแขนด้านซ้ายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นวัดเก่าแก่ และสำคัญยิ่งในแม่น้ำปิงวัดหนึ่งในเขตแคว้นดินแดนล้านนา และยังเป็นเส้นทางที่พระมหากษัตริย์หลายพระองค์ที่เคยเสด็จผ่าน เช่น พระแม่เจ้าจามเทวี วีระกษัตริย์แห่งล้านนาไทยที่เสด็จผ่านและเคยบูรณะวัดพระธาตุเมื่อพันกว่าปีก่อน จนถึงยุคแห่งกษัตริย์องค์สุดท้ายของเมืองแก่งสร้อย ทรงพระนามว่า “พยาปาตุมมะราช” ทรงสร้างบูรณะวัดวาอารามในเมืองสร้อย ถึง 99 วัด
ครั้นต่อมา มีการสร้างเขื่อนภูมิพล ทำให้มีการเคลื่อนย้ายราษฎรจากพื้นที่บริเวณเหนือเขื่อนภูมิพล ไปอยู่ที่บ้านจัดสรร อำเภอสามเงา ทำให้เมืองต่างๆ เหนือเขื่อนภูมิพลอยู่ใต้น้ำ รวมถึง เมืองสร้อยนี้ด้วย แต่มีเพียง “วัดพระธาตุแก่งสร้อย” เท่านั้นที่ถือว่าเป็นสมบัติของเมืองสร้อยชิ้นสุดท้ายที่เห็น อยู่จนถึงปัจจุบัน แต่ในยามหน้าแล้ง เมื่อน้ำลดผู้เดินทางไปยังวัดพระธาตุแก่งสร้อยยังคงพบเห็นซากปรักหักพัง อาทิ กระเบื้องหลังคาโบสถ์ และเจดีย์ต่างๆ ที่เคยอยู่ใต้น้ำ เพื่อเป็นอนุสรณ์แสดงถึงความรุ่งเรืองของเมืองสร้อยในอดีต
ในปี พ.ศ. 2467 พระครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชัยโย นักบุญอมตะแห่งล้านนาไทยได้มาบูรณะปฏิสังขรณ์อีกครั้งหนึ่ง ต่อมาองค์พระบรมธาตุได้ทรุดโทรมไป จนถึงปี พ.ศ. 2537 พระครูบาเจ้าชัยยะวงษาพัฒนา จันทวังโส ผู้สืบสายทายาทนักบุญอมตะแห่งล้านนาไทยได้มาบูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระบรมธาตุ เจดีย์ สืบสายบูรพาจารย์มาจนถึงทุกวันนี้
โดยในทุก ๆ ปี ในช่วงเดือนเมษายน จะมีงาน ประเพณีขึ้นไหว้สาสรงน้ำพระบรมธาตุแก่งสร้อย ซึ่งจะมีชาวบ้านในพื้นที่และละแวกใกล้เคียง รวมทั้งผู้คนที่มีจิตศรัทธาจากจังหวัดอื่น ๆ มาร่วมงานกันอย่างมากมาย ท่านสามารถมาท่องเที่ยวและทำบุญที่ วัดพระธาตุแก่งสร้อย ไปพร้อม ๆ กันได้ในช่วงเดือนเมษายนนี้
#เริ่มต้นการเดินทางที่แก่งก้อ
เป็นสถานที่ๆเป็นพล็อตเรื่องสำคัญของหนังเรื่องคิดถึงวิทยาเลย คือ โรงเรียนเรือนแพกลางน้ำนั่นเอง
สำหรับที่แห่งนี้ขอพูดเยอะหน่อย เพราะมากี่ครั้งก็ประทับใจทุกครั้งจริงๆ ผมจะชอบมาที่นี่ในช่วงปลายฝน ต้นหนาว เพราะธรรมชาติบริเวณที่จะเขียวชอุ่ม เป็นพิเศษ และ ในช่วงเช้า แพที่พักเราจะถูกล้อมรอบ โดยไอหมอกแบบ 360 องศา ซึ่งตรงความรู้สึกนี้ให้บรรยายเป็นความรู้สึกยังยากเลย แนะนำให้แฟนเพจลองไปสัมผัสดูซักครั้งนึง ว่าจะรู้สึกเช่นเดียวกับผมกันมั้ย
ช่วงสายๆ ไปจนถึงค่ำที่นี่ก็มีกิจกรรมให้เราทำหลายอย่างครับ ทั้งนั่งเรือชมวิว พายเรือเล่น ตกปลา ว่ายน้ำ บลาๆๆ เยอะจนทำให้วันๆนึงที่เราได้พักผ่อนอยู่ในที่แห่งนี้เหมือนมีแต่ 12 ชั่วโมง เพราะเวลาแห่งความสุขผ่านไปรวดเร็วมาก
ช่วงค่ำๆ อันนี้ไฮไลท์เลย หากแฟนเพจท่านไดชอบความสงบ ชอบดูดาว ในยามค่ำคืน หากวางแผนการเดินทางดีๆ เราสามารถชมทางช้างเผือกได้ด้วยตาเปล่าเลยทีเดียว เพราะบริเวณรอบๆ ไม่มีแสงไฟรบกวน
ราวกับว่าช่วงเวลานั้น เป็นช่วงเวลาแห่งเวทมนต์ที่มีแค่ตัวเรา กับ หมู่ดวงดาวนับล้าน สร้างความประทับใจให้ผมได้แบบเต็มๆ
**การเดินทางไปแก่งก้อ
น้ำตกก้อหลวงอยู่ห่างจากที่ทำการ 22 กิโลเมตร เป็นเส้นทางราดยางสะดวกสบายรถทุกชนิดสามารถไปถึง โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 1087 มุ่งหน้าไปบ้านก้อ เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกบ้านก้อทุ่ง (ก่อนถึงบ้านก้อ 1 กิโลเมตร) ไปอีก 1 กิโลเมตร ผ่านบ้านก้อทุ่ง
เลี้ยวซ้ายตรงวัดก้อทุ่งไปอีก 5.5 กิโลเมตร ผ่านหน่วยพิทักษ์ฯ ก้อหลวง ถึงลานจอดรถ จากนั้นต้องลงเดินอีก 500 เมตร เส้นทางสามารถเดินเท้าได้
เริ่มออกเดินทางโดยเรือเล็ก ตั้งแต่เช้าตรู่ การเดินทางลัดเลาะผ่านแนวเขา ทำให้เพลิดเพลินกับการชมธรรมชาติสองริมฝั่งน้ำปิง ใช้เวลาไม่เดิน 3 ชั่วโมงในการเดินทางไปเมืองสร้อย เมืองเก่าที่เป็นเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ของเรา
รอบๆอาณาเขตพระธาตุแก่งสร้อยนี้แสดงให้เห็นถึง ลักษณะหลายๆอย่าง และ ซากโบราณสถานที่สมคำร่ำลือว่าเป็นเมืองเก่าแห่งลุ่มน้ำปิงโดยแท้จริง ชาวบ้านที่นี่เล่าว่า หากช่วงน้ำลงมากๆ สามารถมองเห็นซากเมืองเก่าใต้น้ำได้ด้วย
**การเดินทางไปยังแก่งสร้อย
สามารถไปได้สองเส้นทางนั่นคือนั่งเรือจากเขื่อนภูมิพลจังหวัดตาก หรือ ทางที่ผมเดินทางคือ ล่องเรือจากแก่งก้อประมาณ 3 ชั่วโมง
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการท่องเที่ยวคือ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่ไหนๆก็ตามอยากให้แฟนเพจทุกท่านช่วยกันอนุรักษณ์กันคนละไม้คนละมือ ธรรมชาติที่งดงามเหล่านั้นจะได้อยู่คู่กับเราไปตลอดนะครับ
และ ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ที่ต้องกล่าวคำอำลา รีวิว แก่งสร้อย เมืองเก่าใต้บาดาล รีวิวต่อไปจะพาแฟนเพจทุกคนไปชมอะไร ที่ไหนฝาก ยังไง ฝากกด Like เพจ Chill กันด้วยนะครับจะได้ไม่พลาด
ถ้าชอบ และ ถูกใจรีวิวของผม ให้กำลังใจกันง่ายๆโดยการกด Like กด Share รีวิวนี้กันได้นะครับ จะได้มีกำลังใจในการสร้างสรรผลงานให้แฟนเพจทุกท่านได้อ่านได้ชมกันต่อไปนะครับ
ติดตามการเดินทางของผมได้ที่เพจ Chill Out Together ====>> https://www.facebook.com/ChillOutTogether
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น