ผมมีลูกชาย 3 คน ตอนนี้ 2 คน เรียน ม.1 และ ม.2 อยู่หอพักประจำ รร.อสช.
ผมคิดเล่นๆว่า ถ้าผมเลือกได้นะ (ย้ำนะ ถ้าผมเลือกได้ เพราะผมต้องให้เขาเลือกชีวิตเขาเอง) ผมอยากให้เขาออกรร. ตอนจบ ม.3 ออกมาวางแผนชีวิตการเรียนของตัวเองต่อ เป็นแบบนอกห้องเรียน ไปเรียนของจริง วางแผนเป็นเดือนๆ เดือนนี้เรียนอะไรบ้าง เดือนหน้าเรียนอะไรบ้าง แล้วให้ใช้ชีวิตตามอิสระ ค้นหาตัวเองไปด้วย ค้นหาความชอบ ความถนัด ค้นหาพรสวรรค์ในตัวเองให้เจอ..และ หาเงินเอาเอง
อยากเรียนเรื่องอะไร ก็ไปเรียนเรื่องนั้น ให้รู้แท้ รู้จริง รู้ลึกไปเลย เช่น เรื่องภาษา การเงิน เรื่องหุ้น เรื่องการเขียนโปรแกรม เขียนเว็บไซต์ คอมพิวเตอร์กราฟฟิค e-commerce ก็ออกเดินทางไปเจอของจริงแบบนี้เลย เช่น ลูกผมคนนึง เขาอยากรู้เรื่องคอมพิวเตอร์กราฟฟิค อีกคนอยากรู้เรื่องการเขียนเว็บไซต์ ก็ไปเลย..ไปเรียนรู้จากของจริง จากคนที่ทำงานตรงนั้นจริงๆ ไม่ใช่ไปลงคอร์สตามรร.กวดวิชานะ อันนั้นมันพื้นๆไป
เรียนมันให้ทุกๆด้าน โลกเรามีสิ่งที่น่าเรียนรู้เยอะแยะไปหมด ไม่ใช่แค่ในห้องเรียน และเรียนให้รู้แบบลึกๆ ไม่ใช่รู้แค่พื้นฐาน แล้วทำธุรกิจส่วนตัวของตัวเองไปด้วย เริ่มจากเล็กๆ เริ่มจากของที่ชอบก่อนก็ได้ หัดแก้ปัญหาเอง ติดต่อลูกค้าเอง บริหารการเงินด้วยตัวเอง ถ้าจะเจ๊ง ก็ลุกขึ้นมาสร้างใหม่ด้วยตัวเอง
พอทำธุรกิจเอง มีเงิน อยากไปเรียนอะไรต่อที่ต่างประเทศ ในระยะสั้นๆ ก็ไปเองเลย อยากให้เขาใช้ชีวิตให้คุ้มค่า และอิสระ
โดยผมและแฟน (พ่อแม่) จะมีหน้าที่เป็นเหมือนที่ปรึกษา คอยแนะนำ ชี้นำทาง คอยซัพพอร์ตให้บ้าง จนกว่าเขาจะแกร่ง
ผมไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กมหาลัย ที่... มีรถหรูขับ ที่พ่อแม่ซื้อให้ ขับอวดกัน กลางคืนเที่ยวเธคกินเหล้า เงินหมดก็โทรมาขอ เป็นพวกหน้าบาง กลัวตัวเองดูไม่ไฮโซ ห่วงแต่สายตาชาวบ้าน แต่งตัวเท่ห์ตลอดเวลา ทุกอย่างเปลือกนอกดูดีไปหมด แต่ดันหาเงินเองไม่เป็น ทำงานไม่เป็น คิดไม่เป็น พอคุยเรื่องงานเรื่องธุรกิจ ได้แต่ทำหน้าเอ๋อ และจบออกมาตอน อายุ 24-25 ยังไม่มีอะไรเลย ทำอะไรไม่เป็น และเพิ่งจะไปเริ่มสร้างชีวิตในตอนนั้น แถมยังคิดไม่ค่อยเป็นด้วย ..คิดแล้วเหนื่อยใจ
ผมสอนลูกทั้ง 3 คนเสมอว่า..พ่อแม่จะไม่มีกิจการอะไรให้สานต่อ ไม่มีเงินเตรียมไว้ให้ ทุกคนต้องสร้างจาก 0 เอาเอง เริ่มใหม่ทั้งหมดเอาเอง ไม่เอาแบบ..จบออกมา แล้วมารับกิจการต่อจากพ่อแม่ แบบนั้นมันง่ายไป...ที่ต้องสอนแบบนี้ เพราะไม่อยากให้เขาใช้ชีวิตแบบเรื่อยเปื่อยไปวันๆ แล้วได้แต่คิดว่า เดี๋ยวพ่อแม่ kru ก็มีให้..ผมสอนเขาว่า อยากทำอะไร ชอบอะไร ทุ่มเททำมันให้รู้ลึกรู้จริงไปเลย อย่าทำครึ่งๆกลางๆ อย่ารู้แค่พื้นๆ
คิดเล่นๆ เริ่มตอนอายุ 15 กว่าจะถึงอายุ 25 เท่าคนจบปริญญาทั่วๆไป ระยะเวลา 10 ปี สั่งสมการเรียนรู้ สะสมบทเรียนจากความผิดพลาดต่างๆนาๆ และมีประสบการณ์ผ่านมามากมาย รวมทั้งสร้างธุรกิจของตัวเองในระยะเวลา 10 ปี อาจจะรวย หรือ อาจจะเจ๊งไม่รู้กี่รอบ อันนั้นผมไม่ได้แคร์ แต่ที่แน่ๆ ตอนอายุ 25 น่าจะมีอะไรมากกว่าคนเรียนในระบบ ทั้งเรื่องฐานะ ความคิด และประสบการณ์
พอประสบความสำเร็จแล้ว อยากจะไปเรียนเพื่อให้ได้วุฒิ ก็ค่อยไปเรียนทีหลัง
มันอาจเป็นแนวคิดที่...สังคมส่วนใหญ่ยอมรับยาก แต่ผมมีแนวคิดแบบนี้มานานแล้ว และต้องเข้าใจด้วยว่า มันใช้กับคนทั่วๆไป ไม่ได้ เพราะ..
แนวคิดนี้ มันเหมาะสำหรับ
1. คนที่จะสร้างธุรกิจของตัวเอง..เท่านั้น
2. ไม่ใส่ใจสายตาสังคมรอบข้าง
3. ใจถึง มีศรัทธาในตัวเอง พร้อมเจอปัญหารอบด้าน
4. มีความกระตือรือร้น ใฝ่หาความรู้ด้วยตัวเอง ไม่รอคำสั่งใคร
แต่ผมจะไม่เลือกทางเดินให้ลูกเด็ดขาด จะให้เขาเลือกชีวิตด้วยตัวเอง เพียงแต่จะช่วยให้เขาค้นหาตัวเองให้เจอ ซึ่งมันสำคัญกว่าการเรียน ผมกำลังเฝ้าดูว่าลูกคนไหน เหมาะและแกร่งพอ ที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ได้มั้ย หรือเขาอาจเป็นเหมือนคนทั่วไป ก็ต้องแล้วแต่เขาเลือกเอง เพียงแต่หวังลึกๆอยากให้เป็นแบบนั้น
ผมเชื่อเสมอว่า เด็ก..ถ้ารู้จักทำงานหาเงินเองเมื่อไหร่ เขาจะเป็นคนที่ คิดเป็นทันที จะใช้เงินยังงัย อยากได้อะไร ควรหรือไม่ควร และจะไม่เอาเงินไปเที่ยวใช้แบบไร้สาระเลย...ตอนนี้ลูกคนเล็ก อยู่ ป.5 เขามีกิจการเล็กๆของเขา คือตั้งโต๊ะขายแว่นตา แว่นกันแดด แว่นอ่านหนังสือ ฝากอากงเขาขาย พอตอนเย็นกลับจากโรงเรียน ก็จะมาเช็คเงิน ทำบัญชีทุกวัน ทุกๆวัน จะขายได้วันละประมาณ พันนึง +- ตอนนี้มีเงินหมุนเวียนหลายหมื่น..พอขายแว่นได้กำไร เริ่มมีเงินขึ้นมาเยอะ เขาก็เอาเงินไปต่อยอด ด้วยการฝากอากงลงทุน รับซื้อทองเก่าต่ออีก 555
ที่ผมคิดแบบนี้ เพราะว่า ผมเห็นตัวอย่างจากชีวิตใครหลายๆคน อายุ 15-25 ระยะเวลาเป็น 10 ปี คือทุกคนทำตามๆกัน เหมือนกันหมด เสียเวลาไปกับการเรียนรู้แบบไม่ตรงจุด ไม่ได้ค้นหาตัวเองเลย ว่าเราถนัดและเหมาะกับอะไร ผมเชื่อว่าคนทุกคน มีพรสวรรค์ติดตัวมาทั้งนั้น เพียงแต่ต้องอยู่ในกรอบในระบบ ไม่ได้เอาออกมาใช้เลย
ผมอยากให้ลูกเรียน แค่ม.3
ผมคิดเล่นๆว่า ถ้าผมเลือกได้นะ (ย้ำนะ ถ้าผมเลือกได้ เพราะผมต้องให้เขาเลือกชีวิตเขาเอง) ผมอยากให้เขาออกรร. ตอนจบ ม.3 ออกมาวางแผนชีวิตการเรียนของตัวเองต่อ เป็นแบบนอกห้องเรียน ไปเรียนของจริง วางแผนเป็นเดือนๆ เดือนนี้เรียนอะไรบ้าง เดือนหน้าเรียนอะไรบ้าง แล้วให้ใช้ชีวิตตามอิสระ ค้นหาตัวเองไปด้วย ค้นหาความชอบ ความถนัด ค้นหาพรสวรรค์ในตัวเองให้เจอ..และ หาเงินเอาเอง
อยากเรียนเรื่องอะไร ก็ไปเรียนเรื่องนั้น ให้รู้แท้ รู้จริง รู้ลึกไปเลย เช่น เรื่องภาษา การเงิน เรื่องหุ้น เรื่องการเขียนโปรแกรม เขียนเว็บไซต์ คอมพิวเตอร์กราฟฟิค e-commerce ก็ออกเดินทางไปเจอของจริงแบบนี้เลย เช่น ลูกผมคนนึง เขาอยากรู้เรื่องคอมพิวเตอร์กราฟฟิค อีกคนอยากรู้เรื่องการเขียนเว็บไซต์ ก็ไปเลย..ไปเรียนรู้จากของจริง จากคนที่ทำงานตรงนั้นจริงๆ ไม่ใช่ไปลงคอร์สตามรร.กวดวิชานะ อันนั้นมันพื้นๆไป
เรียนมันให้ทุกๆด้าน โลกเรามีสิ่งที่น่าเรียนรู้เยอะแยะไปหมด ไม่ใช่แค่ในห้องเรียน และเรียนให้รู้แบบลึกๆ ไม่ใช่รู้แค่พื้นฐาน แล้วทำธุรกิจส่วนตัวของตัวเองไปด้วย เริ่มจากเล็กๆ เริ่มจากของที่ชอบก่อนก็ได้ หัดแก้ปัญหาเอง ติดต่อลูกค้าเอง บริหารการเงินด้วยตัวเอง ถ้าจะเจ๊ง ก็ลุกขึ้นมาสร้างใหม่ด้วยตัวเอง
พอทำธุรกิจเอง มีเงิน อยากไปเรียนอะไรต่อที่ต่างประเทศ ในระยะสั้นๆ ก็ไปเองเลย อยากให้เขาใช้ชีวิตให้คุ้มค่า และอิสระ
โดยผมและแฟน (พ่อแม่) จะมีหน้าที่เป็นเหมือนที่ปรึกษา คอยแนะนำ ชี้นำทาง คอยซัพพอร์ตให้บ้าง จนกว่าเขาจะแกร่ง
ผมไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กมหาลัย ที่... มีรถหรูขับ ที่พ่อแม่ซื้อให้ ขับอวดกัน กลางคืนเที่ยวเธคกินเหล้า เงินหมดก็โทรมาขอ เป็นพวกหน้าบาง กลัวตัวเองดูไม่ไฮโซ ห่วงแต่สายตาชาวบ้าน แต่งตัวเท่ห์ตลอดเวลา ทุกอย่างเปลือกนอกดูดีไปหมด แต่ดันหาเงินเองไม่เป็น ทำงานไม่เป็น คิดไม่เป็น พอคุยเรื่องงานเรื่องธุรกิจ ได้แต่ทำหน้าเอ๋อ และจบออกมาตอน อายุ 24-25 ยังไม่มีอะไรเลย ทำอะไรไม่เป็น และเพิ่งจะไปเริ่มสร้างชีวิตในตอนนั้น แถมยังคิดไม่ค่อยเป็นด้วย ..คิดแล้วเหนื่อยใจ
ผมสอนลูกทั้ง 3 คนเสมอว่า..พ่อแม่จะไม่มีกิจการอะไรให้สานต่อ ไม่มีเงินเตรียมไว้ให้ ทุกคนต้องสร้างจาก 0 เอาเอง เริ่มใหม่ทั้งหมดเอาเอง ไม่เอาแบบ..จบออกมา แล้วมารับกิจการต่อจากพ่อแม่ แบบนั้นมันง่ายไป...ที่ต้องสอนแบบนี้ เพราะไม่อยากให้เขาใช้ชีวิตแบบเรื่อยเปื่อยไปวันๆ แล้วได้แต่คิดว่า เดี๋ยวพ่อแม่ kru ก็มีให้..ผมสอนเขาว่า อยากทำอะไร ชอบอะไร ทุ่มเททำมันให้รู้ลึกรู้จริงไปเลย อย่าทำครึ่งๆกลางๆ อย่ารู้แค่พื้นๆ
คิดเล่นๆ เริ่มตอนอายุ 15 กว่าจะถึงอายุ 25 เท่าคนจบปริญญาทั่วๆไป ระยะเวลา 10 ปี สั่งสมการเรียนรู้ สะสมบทเรียนจากความผิดพลาดต่างๆนาๆ และมีประสบการณ์ผ่านมามากมาย รวมทั้งสร้างธุรกิจของตัวเองในระยะเวลา 10 ปี อาจจะรวย หรือ อาจจะเจ๊งไม่รู้กี่รอบ อันนั้นผมไม่ได้แคร์ แต่ที่แน่ๆ ตอนอายุ 25 น่าจะมีอะไรมากกว่าคนเรียนในระบบ ทั้งเรื่องฐานะ ความคิด และประสบการณ์
พอประสบความสำเร็จแล้ว อยากจะไปเรียนเพื่อให้ได้วุฒิ ก็ค่อยไปเรียนทีหลัง
มันอาจเป็นแนวคิดที่...สังคมส่วนใหญ่ยอมรับยาก แต่ผมมีแนวคิดแบบนี้มานานแล้ว และต้องเข้าใจด้วยว่า มันใช้กับคนทั่วๆไป ไม่ได้ เพราะ..
แนวคิดนี้ มันเหมาะสำหรับ
1. คนที่จะสร้างธุรกิจของตัวเอง..เท่านั้น
2. ไม่ใส่ใจสายตาสังคมรอบข้าง
3. ใจถึง มีศรัทธาในตัวเอง พร้อมเจอปัญหารอบด้าน
4. มีความกระตือรือร้น ใฝ่หาความรู้ด้วยตัวเอง ไม่รอคำสั่งใคร
แต่ผมจะไม่เลือกทางเดินให้ลูกเด็ดขาด จะให้เขาเลือกชีวิตด้วยตัวเอง เพียงแต่จะช่วยให้เขาค้นหาตัวเองให้เจอ ซึ่งมันสำคัญกว่าการเรียน ผมกำลังเฝ้าดูว่าลูกคนไหน เหมาะและแกร่งพอ ที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ได้มั้ย หรือเขาอาจเป็นเหมือนคนทั่วไป ก็ต้องแล้วแต่เขาเลือกเอง เพียงแต่หวังลึกๆอยากให้เป็นแบบนั้น
ผมเชื่อเสมอว่า เด็ก..ถ้ารู้จักทำงานหาเงินเองเมื่อไหร่ เขาจะเป็นคนที่ คิดเป็นทันที จะใช้เงินยังงัย อยากได้อะไร ควรหรือไม่ควร และจะไม่เอาเงินไปเที่ยวใช้แบบไร้สาระเลย...ตอนนี้ลูกคนเล็ก อยู่ ป.5 เขามีกิจการเล็กๆของเขา คือตั้งโต๊ะขายแว่นตา แว่นกันแดด แว่นอ่านหนังสือ ฝากอากงเขาขาย พอตอนเย็นกลับจากโรงเรียน ก็จะมาเช็คเงิน ทำบัญชีทุกวัน ทุกๆวัน จะขายได้วันละประมาณ พันนึง +- ตอนนี้มีเงินหมุนเวียนหลายหมื่น..พอขายแว่นได้กำไร เริ่มมีเงินขึ้นมาเยอะ เขาก็เอาเงินไปต่อยอด ด้วยการฝากอากงลงทุน รับซื้อทองเก่าต่ออีก 555
ที่ผมคิดแบบนี้ เพราะว่า ผมเห็นตัวอย่างจากชีวิตใครหลายๆคน อายุ 15-25 ระยะเวลาเป็น 10 ปี คือทุกคนทำตามๆกัน เหมือนกันหมด เสียเวลาไปกับการเรียนรู้แบบไม่ตรงจุด ไม่ได้ค้นหาตัวเองเลย ว่าเราถนัดและเหมาะกับอะไร ผมเชื่อว่าคนทุกคน มีพรสวรรค์ติดตัวมาทั้งนั้น เพียงแต่ต้องอยู่ในกรอบในระบบ ไม่ได้เอาออกมาใช้เลย