Hello ! สวัสดีครับ
หรือถ้าจะให้เข้าธีมรีวิวนี้หน่อยต้องขอพูดว่า
" อันยอง" ละกัน
สำหรับทริปนี้ตามชื่อเลยครับ SeoulStunt งงๆ ทริปเพราะแค่เริ่มจองก็ งงๆ ตั้งแต่เริ่มแล้ว จองเสร็จยัง งงๆ ว่าทำอะไรลงไปจะจ่ายค่าบัตรเครดิตยังไงดี รีวิวนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มาเที่ยวครั้งแรกและต้องการเก็บสถานที่เที่ยวฮิตๆฮอตๆ ให้ครบทุกอย่างในทริปเดียวนะครับ เพราะอันนี้ผมเป็นทริปตื่นสายนอนดึก (ดึกมาก)
กิจกรรมของทริปนี้ก็ง่ายๆ เดินกินเที่ยวช้อปปิ้งต่อด้วยเที่ยวผับบาร์สบายๆเลยครับ ที่สำคัญเดียวชี้เป้าแหล่งซื้อเสื้อผ้าสไตล์เกาหลีราคาถูกๆ ให้ด้วยฮะ ใครสนใจอันไหนก็ตามไปกันได้เลยนะครับเผื่อแพลนครบหมดแล้วมีเวลาว่างๆ ไม่รู้ทำไรก็ตามมาเที่ยวแบบ งงๆ กันได้เนอะ ตามมาดูกันต่อได้เลยฮ้า
จองตั๋วแบบ "งงๆ"
ขอเริ่มเปิดด้วย Topic นี้ก่อนเลยละกันนะครับว่าผมจองไปแบบ งงๆ ยังไง เพราะอันที่จริงแล้วผมไม่ได้ตั้งใจเลยที่จะไปเกาหลีเพราะไปมาสามปีติดแล้ว ไม่รู้จะไปทำอะไรดี เพราะได้ไปในทุกรูปแบบแล้วทั้งทัวร์ ไปเองและไปแบบแวะเปลี่ยนเครื่อง หลังจากกลับมาจากอเมริกา ผมเลยค่อนข้างจะเล็งๆ อยากไปญี่ปุ่นมากกว่า ซึ่งตัดสินใจอยู่ว่าจะไปโตเกียวหรือโอซาก้าดี แต่ได้ดูตั๋วตามเว็บต่างๆ แล้วไม่ว่าจะเป็น Expedia หรือเว็บของสายการบินเอง เช่นการบินไทย แอร์เอเชีย ลองวนเลื่อนวันไปเรื่อยๆ เพื่อจะหาวันเดินทางที่อยู่ในช่วงสงกรานต์และขอแบบถูกที่สุด
------- ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ ราคาเกิน 15,000 บาททั้งหมด จะกลับมาถูกลงอีกที ก็ต้องหลังสงกรานต์ไปแล้ว 10 กว่าวัน ซึ่งผมก็พอทราบว่าการจองก่อนบินแค่ 5 วันยังไงก็ไม่มีทาได้ตั๋วราคาดีๆ แต่ไม่คิดว่าขนาดสายการบิน Scoot ยังราคาขึ้นไปถึง 15,000 บาท ไม่รวมกกระเป๋าอีกด้วย เลยโอเคกะว่าไม่น่าจะไปแล้ว อยู่กรุงเทพเล่นน้ำดีกว่า
แต่ แต่ แต่ ! มีเพื่อนที่จะไปด้วยกันถามว่าได้ลองดูเว็บ Traveloka รึยังเห็นในโฆษณาพอดี ยังไงผมก็คิดว่ามันก็น่าจะออกมาไม่ต่างกัน แต่ไม่เป็นไร ลองคลิกเล่นๆละกันไม่มีอะไรเสียอยู่แล้ว สรุปผลที่ออกมาก็ไม่ต่างกันราคาสูงหมดเลยกับเส้นทางบินญี่ปุ่น (ถอนหายใจเฮือกนึง) โอเคอยู่บ้านแหละ ไม่ไปก็ไม่เสียเงินหลังจากนั้น ก็เลยกดที่หน้า Homeกลับไปหน้าแรกของ Traveloka ดูเล่นๆ ก็เอ๊ะ แวบๆ ไปเจอช่องๆนึงเหมือนเป็น ปฏิธินบอกว่าราคาตั๋ววันนี้ราคาเท่าไร ดูท่าทางจะใช้ง่ายดี ก็เลยลองเล่นกับมันดูสักพัก
สรุป ไปเจอตั๋วไปเกาหลีใต้ของสายการบิน Airasia X คืนวันที่ 12 และบินกลับวันที่ 15 ตอนกลางคืนในราคาไปกลับประมาณ 9,300 บาท งงไปเลยสิครับ ว่าทำไมตั๋วถูกแบบนี้ แถมไม่ต้องลางานไปอีก คุ้ม! โทรหาเพื่อนในกลุ่มบังคับให้คอนเฟิมเดียวนั้น แล้วรีบกดจองจ่ายเงินในทันที กลัวราคานี้หายไป แกร๊กๆๆ ตัดบัตรเครดิตเรียบร้อย
นี่เป็นที่มาของการจองแบบ งงๆ ครับ

ลองเปิดเข้าไปดูในเว็บของ Traveloka แล้วเลื่อนลงไปดูด้านล่างๆ จะเจอแบบในรูปนะครับ ผมว่ามันดูง่ายดีไม่ต้องไปนั่งไล่วัน ไล่ทีละสายการบิน ถ้าใครมีวิธีหาตั๋วง่ายๆวิธีอื่น เอามาช่วยแชร์กันเพิ่มได้นะครับ
จองที่พักแบบ "งงๆ"
หลังจากจองตั๋วเสร็จแล้วก็เกิดอาการ "งง" อีกที ว่าจะไปทำอะไรดีเพราะตอนไปกับทัวร์ก็วนไปครบแล้วทั้งปูซานเอย เกาะนามิ วัดวังวิวเอย และที่สำคัญผมเหลือเวลาจองที่พักนู่นนี่ อีก 4 วันเลยไม่พอที่จะแพลนทริปไปเที่ยวต่างจังหวัดของเกาหลีที่ยังไม่เคยไป ต้องรีบจองกลัวจะไม่มีที่นอนดีๆ เลยใช้บริการของ Airbnb ไปพักแถว Hongdae ชื่อสถานีรถไฟคือ Hongik University เพื่อให้ง่ายต่อการเที่ยวกลางคืนและเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับไปกลับ airport ครับ ใช้รถไฟต่อเดียวถึงเลย แถวย่านนี้ก็จะเป็นเด็กมหาลัยกัน ของกินราคาก็จะไม่แรงเท่าไรแถมมีให้เลือกเยอะอีกต่างหาก ยังไงก็ลองมาดูหน้าตาที่พักที่ผมจองไว้ก่อน

อันนี้เอามาจากที่เจ้าของห้องถ่ายไว้นะครับ พอดีตอนไปกระโดดวางของซะเละหมดเลย กลัวจะดูไม่สวยเลยหารูปมาฝาก ห้องนอนเป็นห้องแบบ Duplex คือเป็นแบบ 2 ชั้น นอนได้ 4 คนและที่สำคัญติดสถานีรถไฟเลยซะด้วย แบบขึ้นจากสถานีรถไฟแล้วกดลิฟต์ก็ถึงที่พักเราแล้วอ่ะ เอาไง สบายขนาดนี้ ใครอยากสอบถามที่พักก็ inbox มาถามกันได้ฮะ แต่เพื่อนๆ ในนี้น่าจะใช้บริการห้องพักแถวนี้ก็เยอะแล้ว สำหรับราคาต่อคนต่อคืน หารแล้วเพียง 600 บาทนิดๆ อันนี้จองแบบจ่ายเงินเลยนะครับ เพราะห้องช่วงนี้น่าจะหายากหาแบบที่จ่ายแบบ cancle ได้ไม่มีเลย
แต่สำหรับคืนแรกถ้าใครมาถึงโซลตอนกลางคืน เพราะ Airasia X ช่วงนั้นจะชอบบินไฟลท์ถึงโซลประมาณเที่ยงคืน
ก็สามารถใช้บริการ Hotel Capsule ของสนามบินได้นะครับ ชื่อว่า Darakyu Capsule Hotel ราคาต่อคืนก็ไม่แพงมาก ผมเคยทำรีวิวเอาไว้ แต่บางคนก็บอกว่าไม่เวิคในคอมเม้นต์เพราะเดียวนี้มีคนไทยเช่าเหมารถตู้เข้าไปพักในเมืองกันได้ จะกี่โมงก็ได้หมด แต่สำหรับผมก็ยังคิดว่าถ้าถึงดึกจริงๆ นอนที่สนามบินเลยน่าจะสบายกว่า เพราะได้อาบน้ำนอนเลย ตื่นมาก็อาบน้ำแล้วใช้บริการรถไฟเข้าเมือง ซึ่งราคาก็ไม่แพง ถ้าเทียบกันแล้วผมก็ยังเลือกวิธีนี้ครับ
สามารถดูรีวิวเดิมได้ที่
https://pantip.com/topic/36405775
Day 1
เรื่องจองตั๋วจองที่พักก็บ่นจบไปแล้วต่อไปก็จะขอรีวิวเป็นพิกัดสถานที่เที่ยวพร้อมรูปและชี้เป้าของกินของถูกของช้อปแทนละกันนะครับ ไปคาเฟ่มาหลายที่เลย ยังไงมาเริ่มต้นกันที่วันแรกเลยดีกว่าหลังจากเข้าเมืองมาตอนเช้าเก็บของที่พักเรียบร้อยแล้ว
การแพลนเที่ยวของเราบอกเลยว่าเป็นวันต่อวันเลยครับอยากไปที่ไหนก็ใช้ Google maps หาเอา ซึ่งจุดหมายแรกที่จะไปเลยคือ ไปชมดอกซากุระบานกันที่ Yeoido Park ที่เกาหลีจะเรียกอีกแบบนึงแต่จำไม่ได้เรียกว่าอะไร ตอนที่เราไปก็เกือบจะเป็นวันท้ายๆ ของฤดูซากุระนี้แล้ว มาถึงก็นั่งชิวๆ รับลมสบายๆ ริมแม่น้ำเลยครับ มีร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ ซื้อของมานั่งทานกันได้

พิกัด: Yeouido Hangang Park
วิธีการเดินทาง: ใช้รถไฟสายสีม่วงลงสถานี Yeouinaru ขึ้นมา Exit ไหนก็ได้ขึ้นมาก็ถึงเลย
ลองให้เข้ากับบรรยากาศก็ขอซื้อ Hoegarden รสซากุระมาดื่มชมสวนกันหน่อย แต่เท่าที่ลองคิดว่ากลับไปดื่มแบบธรรมดาอร่อยกว่า

จุดหมายที่ 2 เราจะตรงไปที่
Bukchon Hanok Village อันนี้จะออกเป็นแนวหมู่บ้านสมัยโบราณ มีให้เปลี่ยนใส่ชุดฮันบกเดินถ่ายรูปกันได้มีให้เดินเล่นได้หลายจุด ใครอยากได้รูปเท่ๆ เอาไปลงโปรไฟล์ก็มานี่ได้เลย บรรยากาศพร้อม

พิกัด: Bukchon Hanok Village
วิธีการเดินทาง: ใช้รถไฟสายสีส้ม ลงสถานี Anguk Exit 2
เดินมาเยอะจนเมื่อยก็เป็นไปตามธรรมเนียมขอแวะเข้าไปนั่งร้านกาแฟพักขากันสักหน่อย ซึ่งคาเฟ่ที่แรกเราขอเรียก Starbuck ก่อนละกันเพราะเห็นมีเมนูซากุระ ไม่มีที่เมืองไทยเลยขอจัดสักหน่อย รสชาติก็อร่อยดีครับ มีกลิ่นกุหลาบนิดๆ แต่ถ้าคนไม่ชอบหวานอาจจะบอกไม่อร่อยเลย

หลังจากเที่ยวแถวนี้เสร็จหมดแล้ว ก็เดินย้อนกลับมาทาสถานี Anguk แต่เดินข้ามไปอีกฝั่ง ย่านนี้เรียกว่า Insadong ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ขายสินค้าเก่าๆ รวมทั้งเต็มไปด้วยแกลลอรีมากมายถึง 100 แกลลอรี่ เรียกได้ว่าที่นี่คือศูนย์รวมของศิลปะเลย ใครชอบอะไรแนวๆ นี้ก็มาเดินเล่นดูกันได้ครับและห้ามพลาด ถ้าจะมาเดินเล่นแถวนี้ ตึกชัมชีกิล หรือ Ssamziegil เป็น Shopping mall ชื่อดังแถวนี้เลย

หลังจากเดินแถวนี้เสร็จก็จะเริ่มมืดๆ หน่อยแล้ว เลยมีที่นึงปิ๊งขึ้นมาว่าน่าจะไปตอนกลางคืน เพราะดูจากรูปที่คนอื่นถ่ายมาแล้ว ถ่ายตอนกลางคืนดูสวยมากที่นั่นก็คือ Dongdaemoon Design Plaza ซึ่งตั้งอยู่สถานีรถไฟ Dongdaemoon เลยซึ่งที่นี่ไม่ได้ไปแค่ถ่ายรูปเท่านั้น ถ้าใครอยากไปช้อปปิ้งที่นี่ก็เรียกว่าแหล่งเลยครับ คล้ายๆ ประตูน้ำบ้านเรา มีให้เดินหลายตึกเลย

พิกัด: Dongdaemoon Design Plaza
วิธีเดินทาง: ใช้รถไฟสายสีฟ้า Dongdaemoon History and culture Park Exit 1
สำหรับวันแรกก็ค่อนข้างเหนื่อยแล้ว หาอาหารเย็นทานกันดีกว่า ครั้งที่แล้วเคยทานหมูย่างเกาหลีร้านนึง ไม่แน่ใจว่าคนรู้จักเยอะมั้ย แต่ผมคิดว่าไม่ค่อยมีคนรู้จักอยู่ตรง Hongdae สถานี Hongik University อันเดียวกับที่พักเราเลยครับ ติดใจที่เคยมาทานรอบที่แล้วเลยขอไปซ้ำอีกสักรอบ

สำหรับราคาก็ไม่แพงเลย ชุดละหมื่นวอน เท่านั้นชุดนึงให้หมูมาเยอะมาก เอารูปหน้าร้านมาแปะไว้ให้เผื่อใครอยากไปลอง เดินไปจากถนนใหญ่ทางซอย Gs25 อยู่ด้านซ้าย ทานมื้อนี้อิ่มก็จุกแล้วกลับไปนอนพักผ่อนก่อนดีกว่า
[CR] SEOULSTUNT จองกินเที่ยว "งงๆ" ที่เกาหลี
หรือถ้าจะให้เข้าธีมรีวิวนี้หน่อยต้องขอพูดว่า
" อันยอง" ละกัน
สำหรับทริปนี้ตามชื่อเลยครับ SeoulStunt งงๆ ทริปเพราะแค่เริ่มจองก็ งงๆ ตั้งแต่เริ่มแล้ว จองเสร็จยัง งงๆ ว่าทำอะไรลงไปจะจ่ายค่าบัตรเครดิตยังไงดี รีวิวนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มาเที่ยวครั้งแรกและต้องการเก็บสถานที่เที่ยวฮิตๆฮอตๆ ให้ครบทุกอย่างในทริปเดียวนะครับ เพราะอันนี้ผมเป็นทริปตื่นสายนอนดึก (ดึกมาก)
กิจกรรมของทริปนี้ก็ง่ายๆ เดินกินเที่ยวช้อปปิ้งต่อด้วยเที่ยวผับบาร์สบายๆเลยครับ ที่สำคัญเดียวชี้เป้าแหล่งซื้อเสื้อผ้าสไตล์เกาหลีราคาถูกๆ ให้ด้วยฮะ ใครสนใจอันไหนก็ตามไปกันได้เลยนะครับเผื่อแพลนครบหมดแล้วมีเวลาว่างๆ ไม่รู้ทำไรก็ตามมาเที่ยวแบบ งงๆ กันได้เนอะ ตามมาดูกันต่อได้เลยฮ้า
จองตั๋วแบบ "งงๆ"
ขอเริ่มเปิดด้วย Topic นี้ก่อนเลยละกันนะครับว่าผมจองไปแบบ งงๆ ยังไง เพราะอันที่จริงแล้วผมไม่ได้ตั้งใจเลยที่จะไปเกาหลีเพราะไปมาสามปีติดแล้ว ไม่รู้จะไปทำอะไรดี เพราะได้ไปในทุกรูปแบบแล้วทั้งทัวร์ ไปเองและไปแบบแวะเปลี่ยนเครื่อง หลังจากกลับมาจากอเมริกา ผมเลยค่อนข้างจะเล็งๆ อยากไปญี่ปุ่นมากกว่า ซึ่งตัดสินใจอยู่ว่าจะไปโตเกียวหรือโอซาก้าดี แต่ได้ดูตั๋วตามเว็บต่างๆ แล้วไม่ว่าจะเป็น Expedia หรือเว็บของสายการบินเอง เช่นการบินไทย แอร์เอเชีย ลองวนเลื่อนวันไปเรื่อยๆ เพื่อจะหาวันเดินทางที่อยู่ในช่วงสงกรานต์และขอแบบถูกที่สุด
------- ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ ราคาเกิน 15,000 บาททั้งหมด จะกลับมาถูกลงอีกที ก็ต้องหลังสงกรานต์ไปแล้ว 10 กว่าวัน ซึ่งผมก็พอทราบว่าการจองก่อนบินแค่ 5 วันยังไงก็ไม่มีทาได้ตั๋วราคาดีๆ แต่ไม่คิดว่าขนาดสายการบิน Scoot ยังราคาขึ้นไปถึง 15,000 บาท ไม่รวมกกระเป๋าอีกด้วย เลยโอเคกะว่าไม่น่าจะไปแล้ว อยู่กรุงเทพเล่นน้ำดีกว่า
แต่ แต่ แต่ ! มีเพื่อนที่จะไปด้วยกันถามว่าได้ลองดูเว็บ Traveloka รึยังเห็นในโฆษณาพอดี ยังไงผมก็คิดว่ามันก็น่าจะออกมาไม่ต่างกัน แต่ไม่เป็นไร ลองคลิกเล่นๆละกันไม่มีอะไรเสียอยู่แล้ว สรุปผลที่ออกมาก็ไม่ต่างกันราคาสูงหมดเลยกับเส้นทางบินญี่ปุ่น (ถอนหายใจเฮือกนึง) โอเคอยู่บ้านแหละ ไม่ไปก็ไม่เสียเงินหลังจากนั้น ก็เลยกดที่หน้า Homeกลับไปหน้าแรกของ Traveloka ดูเล่นๆ ก็เอ๊ะ แวบๆ ไปเจอช่องๆนึงเหมือนเป็น ปฏิธินบอกว่าราคาตั๋ววันนี้ราคาเท่าไร ดูท่าทางจะใช้ง่ายดี ก็เลยลองเล่นกับมันดูสักพัก
สรุป ไปเจอตั๋วไปเกาหลีใต้ของสายการบิน Airasia X คืนวันที่ 12 และบินกลับวันที่ 15 ตอนกลางคืนในราคาไปกลับประมาณ 9,300 บาท งงไปเลยสิครับ ว่าทำไมตั๋วถูกแบบนี้ แถมไม่ต้องลางานไปอีก คุ้ม! โทรหาเพื่อนในกลุ่มบังคับให้คอนเฟิมเดียวนั้น แล้วรีบกดจองจ่ายเงินในทันที กลัวราคานี้หายไป แกร๊กๆๆ ตัดบัตรเครดิตเรียบร้อย
นี่เป็นที่มาของการจองแบบ งงๆ ครับ
ลองเปิดเข้าไปดูในเว็บของ Traveloka แล้วเลื่อนลงไปดูด้านล่างๆ จะเจอแบบในรูปนะครับ ผมว่ามันดูง่ายดีไม่ต้องไปนั่งไล่วัน ไล่ทีละสายการบิน ถ้าใครมีวิธีหาตั๋วง่ายๆวิธีอื่น เอามาช่วยแชร์กันเพิ่มได้นะครับ
จองที่พักแบบ "งงๆ"
หลังจากจองตั๋วเสร็จแล้วก็เกิดอาการ "งง" อีกที ว่าจะไปทำอะไรดีเพราะตอนไปกับทัวร์ก็วนไปครบแล้วทั้งปูซานเอย เกาะนามิ วัดวังวิวเอย และที่สำคัญผมเหลือเวลาจองที่พักนู่นนี่ อีก 4 วันเลยไม่พอที่จะแพลนทริปไปเที่ยวต่างจังหวัดของเกาหลีที่ยังไม่เคยไป ต้องรีบจองกลัวจะไม่มีที่นอนดีๆ เลยใช้บริการของ Airbnb ไปพักแถว Hongdae ชื่อสถานีรถไฟคือ Hongik University เพื่อให้ง่ายต่อการเที่ยวกลางคืนและเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับไปกลับ airport ครับ ใช้รถไฟต่อเดียวถึงเลย แถวย่านนี้ก็จะเป็นเด็กมหาลัยกัน ของกินราคาก็จะไม่แรงเท่าไรแถมมีให้เลือกเยอะอีกต่างหาก ยังไงก็ลองมาดูหน้าตาที่พักที่ผมจองไว้ก่อน
อันนี้เอามาจากที่เจ้าของห้องถ่ายไว้นะครับ พอดีตอนไปกระโดดวางของซะเละหมดเลย กลัวจะดูไม่สวยเลยหารูปมาฝาก ห้องนอนเป็นห้องแบบ Duplex คือเป็นแบบ 2 ชั้น นอนได้ 4 คนและที่สำคัญติดสถานีรถไฟเลยซะด้วย แบบขึ้นจากสถานีรถไฟแล้วกดลิฟต์ก็ถึงที่พักเราแล้วอ่ะ เอาไง สบายขนาดนี้ ใครอยากสอบถามที่พักก็ inbox มาถามกันได้ฮะ แต่เพื่อนๆ ในนี้น่าจะใช้บริการห้องพักแถวนี้ก็เยอะแล้ว สำหรับราคาต่อคนต่อคืน หารแล้วเพียง 600 บาทนิดๆ อันนี้จองแบบจ่ายเงินเลยนะครับ เพราะห้องช่วงนี้น่าจะหายากหาแบบที่จ่ายแบบ cancle ได้ไม่มีเลย
แต่สำหรับคืนแรกถ้าใครมาถึงโซลตอนกลางคืน เพราะ Airasia X ช่วงนั้นจะชอบบินไฟลท์ถึงโซลประมาณเที่ยงคืน
ก็สามารถใช้บริการ Hotel Capsule ของสนามบินได้นะครับ ชื่อว่า Darakyu Capsule Hotel ราคาต่อคืนก็ไม่แพงมาก ผมเคยทำรีวิวเอาไว้ แต่บางคนก็บอกว่าไม่เวิคในคอมเม้นต์เพราะเดียวนี้มีคนไทยเช่าเหมารถตู้เข้าไปพักในเมืองกันได้ จะกี่โมงก็ได้หมด แต่สำหรับผมก็ยังคิดว่าถ้าถึงดึกจริงๆ นอนที่สนามบินเลยน่าจะสบายกว่า เพราะได้อาบน้ำนอนเลย ตื่นมาก็อาบน้ำแล้วใช้บริการรถไฟเข้าเมือง ซึ่งราคาก็ไม่แพง ถ้าเทียบกันแล้วผมก็ยังเลือกวิธีนี้ครับ
สามารถดูรีวิวเดิมได้ที่ https://pantip.com/topic/36405775
Day 1
เรื่องจองตั๋วจองที่พักก็บ่นจบไปแล้วต่อไปก็จะขอรีวิวเป็นพิกัดสถานที่เที่ยวพร้อมรูปและชี้เป้าของกินของถูกของช้อปแทนละกันนะครับ ไปคาเฟ่มาหลายที่เลย ยังไงมาเริ่มต้นกันที่วันแรกเลยดีกว่าหลังจากเข้าเมืองมาตอนเช้าเก็บของที่พักเรียบร้อยแล้ว
การแพลนเที่ยวของเราบอกเลยว่าเป็นวันต่อวันเลยครับอยากไปที่ไหนก็ใช้ Google maps หาเอา ซึ่งจุดหมายแรกที่จะไปเลยคือ ไปชมดอกซากุระบานกันที่ Yeoido Park ที่เกาหลีจะเรียกอีกแบบนึงแต่จำไม่ได้เรียกว่าอะไร ตอนที่เราไปก็เกือบจะเป็นวันท้ายๆ ของฤดูซากุระนี้แล้ว มาถึงก็นั่งชิวๆ รับลมสบายๆ ริมแม่น้ำเลยครับ มีร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ ซื้อของมานั่งทานกันได้
พิกัด: Yeouido Hangang Park
วิธีการเดินทาง: ใช้รถไฟสายสีม่วงลงสถานี Yeouinaru ขึ้นมา Exit ไหนก็ได้ขึ้นมาก็ถึงเลย
ลองให้เข้ากับบรรยากาศก็ขอซื้อ Hoegarden รสซากุระมาดื่มชมสวนกันหน่อย แต่เท่าที่ลองคิดว่ากลับไปดื่มแบบธรรมดาอร่อยกว่า
จุดหมายที่ 2 เราจะตรงไปที่ Bukchon Hanok Village อันนี้จะออกเป็นแนวหมู่บ้านสมัยโบราณ มีให้เปลี่ยนใส่ชุดฮันบกเดินถ่ายรูปกันได้มีให้เดินเล่นได้หลายจุด ใครอยากได้รูปเท่ๆ เอาไปลงโปรไฟล์ก็มานี่ได้เลย บรรยากาศพร้อม
พิกัด: Bukchon Hanok Village
วิธีการเดินทาง: ใช้รถไฟสายสีส้ม ลงสถานี Anguk Exit 2
เดินมาเยอะจนเมื่อยก็เป็นไปตามธรรมเนียมขอแวะเข้าไปนั่งร้านกาแฟพักขากันสักหน่อย ซึ่งคาเฟ่ที่แรกเราขอเรียก Starbuck ก่อนละกันเพราะเห็นมีเมนูซากุระ ไม่มีที่เมืองไทยเลยขอจัดสักหน่อย รสชาติก็อร่อยดีครับ มีกลิ่นกุหลาบนิดๆ แต่ถ้าคนไม่ชอบหวานอาจจะบอกไม่อร่อยเลย
หลังจากเที่ยวแถวนี้เสร็จหมดแล้ว ก็เดินย้อนกลับมาทาสถานี Anguk แต่เดินข้ามไปอีกฝั่ง ย่านนี้เรียกว่า Insadong ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ขายสินค้าเก่าๆ รวมทั้งเต็มไปด้วยแกลลอรีมากมายถึง 100 แกลลอรี่ เรียกได้ว่าที่นี่คือศูนย์รวมของศิลปะเลย ใครชอบอะไรแนวๆ นี้ก็มาเดินเล่นดูกันได้ครับและห้ามพลาด ถ้าจะมาเดินเล่นแถวนี้ ตึกชัมชีกิล หรือ Ssamziegil เป็น Shopping mall ชื่อดังแถวนี้เลย
หลังจากเดินแถวนี้เสร็จก็จะเริ่มมืดๆ หน่อยแล้ว เลยมีที่นึงปิ๊งขึ้นมาว่าน่าจะไปตอนกลางคืน เพราะดูจากรูปที่คนอื่นถ่ายมาแล้ว ถ่ายตอนกลางคืนดูสวยมากที่นั่นก็คือ Dongdaemoon Design Plaza ซึ่งตั้งอยู่สถานีรถไฟ Dongdaemoon เลยซึ่งที่นี่ไม่ได้ไปแค่ถ่ายรูปเท่านั้น ถ้าใครอยากไปช้อปปิ้งที่นี่ก็เรียกว่าแหล่งเลยครับ คล้ายๆ ประตูน้ำบ้านเรา มีให้เดินหลายตึกเลย
พิกัด: Dongdaemoon Design Plaza
วิธีเดินทาง: ใช้รถไฟสายสีฟ้า Dongdaemoon History and culture Park Exit 1
สำหรับวันแรกก็ค่อนข้างเหนื่อยแล้ว หาอาหารเย็นทานกันดีกว่า ครั้งที่แล้วเคยทานหมูย่างเกาหลีร้านนึง ไม่แน่ใจว่าคนรู้จักเยอะมั้ย แต่ผมคิดว่าไม่ค่อยมีคนรู้จักอยู่ตรง Hongdae สถานี Hongik University อันเดียวกับที่พักเราเลยครับ ติดใจที่เคยมาทานรอบที่แล้วเลยขอไปซ้ำอีกสักรอบ
สำหรับราคาก็ไม่แพงเลย ชุดละหมื่นวอน เท่านั้นชุดนึงให้หมูมาเยอะมาก เอารูปหน้าร้านมาแปะไว้ให้เผื่อใครอยากไปลอง เดินไปจากถนนใหญ่ทางซอย Gs25 อยู่ด้านซ้าย ทานมื้อนี้อิ่มก็จุกแล้วกลับไปนอนพักผ่อนก่อนดีกว่า
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น