ช่วงนี้ว่าที่บัณฑิตใหม่คงกำลังเริ่มเขียน CV เพื่อหางานทำบ้างแล้ว และเชื่อว่าน้องๆที่เพิ่งเรียนจบคงกำลังสงสัยว่าเด็กจบใหม่อย่างเราเนี่ย จะเอาประสบการณ์ทำงานจากไหนมาใส่ลงใน CV ดี ไม่ต้องวิตกกังวลไปค่ะ เพราะจริงๆแล้วนายจ้างไม่ได้สนหรอกว่าเราเคยทำงานที่ไหนมาก่อน แต่เค้าจะสนใจคนที่มีทักษะความสามารถตรงตามที่เค้าตามหาอยู่ต่างหากล่ะ
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเขียนประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาลงใน CV เพื่อยื่นสมัครงาน ให้น้องๆไปอ่านรายละเอียดของงานที่กำลังจะสมัคร และคุณสมบัติผู้สมัครให้ดี ว่าสิ่งที่นายจ้างต้องการหรือมองหาในตัวผู้สมัครอยู่คืออะไร แล้วค่อยลงมือเขียนประสบการณ์ที่มีของเราให้สอดคล้องตามคุณสมบัติที่นายจ้างมองหาอยู่
แต่ปัญหาคือบางคนอาจคิดว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานเลยไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรออกมาดี อย่าเพิ่งประเมินตัวเองต่ำไปค่ะ เพราะถ้าเรายังมองไม่เห็นศักยภาพในตัวเราเองแล้วนายจ้างจะมองเห็นได้อย่างไร ถ้าเราไม่แสดงมันออกมา จริงมั้ยคะ เรามาลองมองหาประสบการณ์ทำงานที่มีในตัวเราตามนี้ดูค่ะ
เริ่มจากให้น้องๆลองพิจารณาตัวเองดูว่าที่ผ่านมาเราทำกิจกรรมอะไรมาบ้าง หรือเคยเป็นนักกีฬานักดนตรีอะไรมาก่อน งานพิเศษที่เคยทำช่วงเรียนหรือปิดเทอม ไม่ว่าจะเป็นงานร้านอาหารหรือว่าช่วยงานที่บ้าน เคยเป็นอาสาสมัครอะไรมาก่อน เคยอยู่ชมรมอะไรมา เขียนออกมาให้หมดไม่ว่าจะงานเล็กหรือใหญ่ เพราะนั่นคือประสบการณ์ทำงานที่เรามีค่ะ
จากนั้นให้วิเคราะห์ออกมาว่าในแต่ละงานเราเคยทำนั้น เราใช้ทักษะอะไรบ้างระหว่างที่ทำงาน ในทุกงานและทุกกิจกรรมที่น้องเคยทำมา เราสามารถดึงทักษะที่เคยใช้ออกมาเขียนในประสบการณ์ทำงานได้ อาทิเช่น
- ทักษะการติดต่อสื่อสาร เช่น การโทรศัพท์ติดต่อประสานงานบุคคล โรงเรียน หรือบริษัทต่างๆ เพื่อจัดสารพัดกิจกรรมตั้งแต่รับน้อง บายเนียร์ กีฬาสี หรือค่ายอาสา การเป็นพิธีกรบนเวที การนำเสนอผลงานทางวิชาการต่างๆ การขายของ การติวหนังสือ
- ทักษะการเขียน เช่น การเขียนบทความ เรื่องสั้น ลงวารสารคณะ facebook หรือ blog การทำหนังสือติดต่อราชการเพื่อขอใช้สถานที่ การเขียนจดหมายติดต่อบริษัทเพื่อขอสปอนเซอร์ การเขียนป้ายโฆษณากิจกรรมหรือสินค้า
- ทักษะการทำวิจัย เช่น การค้นคว้าหาข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การใช้เครื่องมือหรือโปรแกรมเฉพาะทางต่างๆ
- ทักษะการทำงานเป็นทีม เช่น การทำงานร่วมกับผู้อื่น การแข่งกีฬาหรือดนตรีต่างๆ มีการจัดสรรแบ่งงานแบ่งหน้าที่กัน ยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น มีความสามัคคีในกลุ่ม
นอกจากนี้ยังมีทักษะอื่นอีกมากมายให้ลองพิจารณากันดูว่าเราเคยผ่านงานหรือกิจกรรมที่ต้องใช้ทักษะเหล่านี้หรือไม่ เช่น ทักษะการแก้ปัญหา การบริหารเวลา ความเป็นผู้นำ การต่อรอง การตัดสินใจ เป็นต้น
ดังนั้นเวลาเขียนประสบการณ์ทำงานเราก็สามารถใส่งานพิเศษหรือกิจกรรมที่เคยทำนี่แหละลงไป พร้อมทั้งระบุรายละเอียดของงานเพื่อแสดงให้นายจ้างเห็นว่าเรามีทักษะอะไรอยู่บ้าง แต่ที่สำคัญอย่าลืมว่าทักษะที่เราแสดงอยู่ใน CV นั้นต้องเป็นทักษะที่นายจ้างมองหาอยู่ด้วยนะจ้ะ
แต่ถ้าสุดท้ายแล้วถ้ายังรู้สึกว่าตัวเองมีคุณสมบัติหรือมีประสบการณ์น้อยอยู่ดี ไม่มีอะไรจะเขียนลงไป แนะนำว่าให้ลองไปขอฝึกงานหรือไปเป็นอาสาสมัครในบริษัทหรือหน่วยงานเพื่อเพิ่มประสบการณ์ดู นอกจากจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ทำงานของเราแล้ว ยังอาจทำให้เราค้นพบตัวเองว่าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรด้วยก็ได้ค่ะ
#เคล็ดลับนักเรียน
#allaboutstudents
-------------------------------------------------------------------------------
จากเพจ "เคล็ดลับนักเรียน"
https://www.facebook.com/allaboutstudents 
เพิ่งเรียนจบจะเขียนประสบการณ์อะไรลงใน CV ดี
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเขียนประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาลงใน CV เพื่อยื่นสมัครงาน ให้น้องๆไปอ่านรายละเอียดของงานที่กำลังจะสมัคร และคุณสมบัติผู้สมัครให้ดี ว่าสิ่งที่นายจ้างต้องการหรือมองหาในตัวผู้สมัครอยู่คืออะไร แล้วค่อยลงมือเขียนประสบการณ์ที่มีของเราให้สอดคล้องตามคุณสมบัติที่นายจ้างมองหาอยู่
แต่ปัญหาคือบางคนอาจคิดว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานเลยไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรออกมาดี อย่าเพิ่งประเมินตัวเองต่ำไปค่ะ เพราะถ้าเรายังมองไม่เห็นศักยภาพในตัวเราเองแล้วนายจ้างจะมองเห็นได้อย่างไร ถ้าเราไม่แสดงมันออกมา จริงมั้ยคะ เรามาลองมองหาประสบการณ์ทำงานที่มีในตัวเราตามนี้ดูค่ะ
เริ่มจากให้น้องๆลองพิจารณาตัวเองดูว่าที่ผ่านมาเราทำกิจกรรมอะไรมาบ้าง หรือเคยเป็นนักกีฬานักดนตรีอะไรมาก่อน งานพิเศษที่เคยทำช่วงเรียนหรือปิดเทอม ไม่ว่าจะเป็นงานร้านอาหารหรือว่าช่วยงานที่บ้าน เคยเป็นอาสาสมัครอะไรมาก่อน เคยอยู่ชมรมอะไรมา เขียนออกมาให้หมดไม่ว่าจะงานเล็กหรือใหญ่ เพราะนั่นคือประสบการณ์ทำงานที่เรามีค่ะ
จากนั้นให้วิเคราะห์ออกมาว่าในแต่ละงานเราเคยทำนั้น เราใช้ทักษะอะไรบ้างระหว่างที่ทำงาน ในทุกงานและทุกกิจกรรมที่น้องเคยทำมา เราสามารถดึงทักษะที่เคยใช้ออกมาเขียนในประสบการณ์ทำงานได้ อาทิเช่น
- ทักษะการติดต่อสื่อสาร เช่น การโทรศัพท์ติดต่อประสานงานบุคคล โรงเรียน หรือบริษัทต่างๆ เพื่อจัดสารพัดกิจกรรมตั้งแต่รับน้อง บายเนียร์ กีฬาสี หรือค่ายอาสา การเป็นพิธีกรบนเวที การนำเสนอผลงานทางวิชาการต่างๆ การขายของ การติวหนังสือ
- ทักษะการเขียน เช่น การเขียนบทความ เรื่องสั้น ลงวารสารคณะ facebook หรือ blog การทำหนังสือติดต่อราชการเพื่อขอใช้สถานที่ การเขียนจดหมายติดต่อบริษัทเพื่อขอสปอนเซอร์ การเขียนป้ายโฆษณากิจกรรมหรือสินค้า
- ทักษะการทำวิจัย เช่น การค้นคว้าหาข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การใช้เครื่องมือหรือโปรแกรมเฉพาะทางต่างๆ
- ทักษะการทำงานเป็นทีม เช่น การทำงานร่วมกับผู้อื่น การแข่งกีฬาหรือดนตรีต่างๆ มีการจัดสรรแบ่งงานแบ่งหน้าที่กัน ยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น มีความสามัคคีในกลุ่ม
นอกจากนี้ยังมีทักษะอื่นอีกมากมายให้ลองพิจารณากันดูว่าเราเคยผ่านงานหรือกิจกรรมที่ต้องใช้ทักษะเหล่านี้หรือไม่ เช่น ทักษะการแก้ปัญหา การบริหารเวลา ความเป็นผู้นำ การต่อรอง การตัดสินใจ เป็นต้น
ดังนั้นเวลาเขียนประสบการณ์ทำงานเราก็สามารถใส่งานพิเศษหรือกิจกรรมที่เคยทำนี่แหละลงไป พร้อมทั้งระบุรายละเอียดของงานเพื่อแสดงให้นายจ้างเห็นว่าเรามีทักษะอะไรอยู่บ้าง แต่ที่สำคัญอย่าลืมว่าทักษะที่เราแสดงอยู่ใน CV นั้นต้องเป็นทักษะที่นายจ้างมองหาอยู่ด้วยนะจ้ะ
แต่ถ้าสุดท้ายแล้วถ้ายังรู้สึกว่าตัวเองมีคุณสมบัติหรือมีประสบการณ์น้อยอยู่ดี ไม่มีอะไรจะเขียนลงไป แนะนำว่าให้ลองไปขอฝึกงานหรือไปเป็นอาสาสมัครในบริษัทหรือหน่วยงานเพื่อเพิ่มประสบการณ์ดู นอกจากจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ทำงานของเราแล้ว ยังอาจทำให้เราค้นพบตัวเองว่าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรด้วยก็ได้ค่ะ
#เคล็ดลับนักเรียน
#allaboutstudents
-------------------------------------------------------------------------------
จากเพจ "เคล็ดลับนักเรียน"
https://www.facebook.com/allaboutstudents