---------------------------------
"Wukong - หงอคง กำเนิดเทพเจ้าวานร" (6.75/10)
---------------------------------
สวัสดีครับเพื่อนชาว Pantip ทุกท่านวันนี้เพจหนัง "Movies Feedback" ขอเสนอความเห็นหลังชมภาพยนตร์เรื่อง "Wukong - หงอคง กำเนิดเทพเจ้าวานร" ทางไปเพจผมครับ -->
https://www.facebook.com/FeedbackMovies
คงไม่มีใครที่จะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของ "ไซอิ๋ว" อีกหนึ่งตำนานที่มีมนต์เสน่ห์และโด่งดังที่สุดของประวัติศาสตร์จีน ทั้งตัวละครที่มีคาแรคเตอร์และรูปลักษณ์ที่เป็นที่น่าจดจำอย่าง "หงอคง" วานรจอมซนซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่อง หรือจะเป็นเจ้าหมูอ้วน "ตือ ป๊วย ก่าย" ที่วันๆเอาแต่กิน แถมยังมี "ซ๊วย เจ๋ง" และ "พระสัมธัมจั๋ง" ที่เป็นอีกสองตัวเอกที่ช่วยสร้างสีสันให้กับเรื่องราว ผ่านการบุกป่าฝ่าดงร่วมกันผจญภัยไปพร้อมๆกับการสอดแทรกเหตุการณ์อิงประวัติศาสตร์และความเชื่อทางศาสนาที่น่าสนใจ มันจึงไม่แปลกเลยที่ตำนาน "ไซอิ๋ว" จะถูกนำมาสร้างภาพยนตร์อยู่หลายต่อหลายหน และใน "WuKong" หรือ "หงอคง กำเนิดเทพเจ้าวานร" เวอร์ชั่นนี้นั้น ก็เป็นอีกครั้งที่ตัวละครหวอคงจะได้กลับมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม ภายใต้การนำเสนอผ่านตัวละคร "หงอคง" เป็นหลัก แถมครั้งนี้ยังมีการตีความใหม่ ซึ่งจะทำการเล่าย้อนไปถึงตำนานของราชาวานรก่อนที่จะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ในไซอิ๋วที่เรารู้จักกันดี
โดยหนังจะเล่าถึงตัวละคร "หงอคง" ราชาวานรผู้มีถิ่นกำหนิดในหุบเขาฮั้วกั้วะ ซึ่งถูก "ฮั้วจี" แม่ทัพสวรรค์หมายจะเอาชีวิตเขา แต่ด้วยการช่วยเหลือจากพระโพธิ์สัตว์ทำให้เขาได้กลายเป็นศิษย์เอกผู้ภักดี ในขณะเดียวกัน "หยางเจียน" ได้รับมอบหมายหน้าที่จากเบื้องบนให้สังหาร "จื่อเซี่ย" ผู้ที่เป็นทั้งลูกสาวของฮั้วจีและบุคคลที่เขาหลงรัก เพื่อแลกกับตำแหน่งในสรวงสวรรค์ ด้าน "เทียนเผิง" องค์รักษ์ของฮั้วจี ก็ได้รับบัญชาการให้สืบหาข้อมูลของหงอคง ชะตากรรมทำให้ทั้งสามคนมาพานพบกันที่สำนักเทียนจิ ซึ่งการพบกันครั้งนี้ทำให้ทั้งสามได้พบกับความจริงของสวรรค์ที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งจุดเปลี่ยนนี้เองที่จะทำให้ชีวิตของคนทั้งสามเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ตัวหนังมาพร้อมกับงานภาพและวิชชั่วเอ็ฟเฟ็คที่โดดเด่นตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่ด้วยความที่หนังมีการตีความใหม่เกือบทั้งหมด เราเลยไม่ค่อยคุ้นกับเรื่องราวในเรื่องเท่าไหร่นัก บวกกับการเล่าเรื่องในช่วงต้นจนถึงกลางๆเรื่องที่ดูจะไวไปหน่อยสำหรับการทำเริ่มทำความเข้าใจความเป็นมาของเหตุการณ์ในหนัง ดีที่หลังจากผ่านช่วงนั้นมาแล้ว หนังเริ่มลดระดับความเร็วในการเล่าเรื่องลง แล้วหันมาให้น้ำหนักกับอารมณ์ของตัวละครหลักๆแทน จุดนี้ที่ทำให้หวอคงในเวอร์ชั่นนี้มีมิติของอารมณ์มากขึ้น ทำให้เราได้เห็นภาพลักษณ์ในแบบอื่นๆที่นอกเหนือไปจากความกวนโอ้ยในแบบเดิมๆที่เคยได้รับชมกันมา อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าหนังจะให้น้ำหนักแต่ตัวหวอคงอยู่ฝ่ายเดียว เพราะส่วนตัวมองว่าหนังนำเสนอความรักได้ในหลายๆรูปแบบ ซึ่งหนึ่งในประเด็นนี้คือการพูดถึงความรักของตัวละคร "เทียน เผิง" องค์รักษ์ของฮั้วจีที่มีเหตุต้องพรากจากคนรัก โดยที่ฝ่ายหญิงต้องลงมาเกิดเป็นมนุษย์ และเมื่อวันหนึ่งทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้ง มันจึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้เราได้รับอารมณ์และความรู้สึกของความโหยหากันและกัน ซึ่งหนังก็ถ่ายทอดตัวละครคู่นี้ออกมาได้เข้าถึงความรู้สึกของทั้งสองได้เป็นอย่างดี (โดยส่วนตัวแล้วผมชอบคู่นี้มากกว่าฝ่ายของคู่พระนางเสียอีก)
ในช่วงท้าย แม้หนังจะไม่ได้โชว์ลูกเล่นที่หวือหวาและสร้างความแปลกใหม่ของเรื่องราวแอ๊กชั่นได้เท่าไหร่นัก แต่มันก็มีความน่าติดตามได้ดีในระดับนึงเลย ซึ่งหนังที่มีความยาวเกิน 2 ชั่วโมงแต่สามารถทำให้ผู้ชมเกิดความเพลิดเพลินได้อยู่เรื่อยๆ ผมถือว่ามันประสบความสำเร็จในแง่ของการนำเสนอและถ่ายทอดเรื่องราวแล้ว เหลือแค่ความประทับใจที่เป็นเรื่องของแต่ละท่านที่ชมแล้วว่ามันจะไปสร้างแรงกระเพื่อมของความชื่นชอบได้มากแค่ไหน เพราะเอาเข้าจริงเนื้อเรื่องมันเดาได้ง่ายมาก ความลับของตัวละครยิ่งดูรู้ตั้งแต่กลางเรื่องเลยว่าใครดีใครโกง แถมตัวร้ายที่ดูจะมีพลังอำนาจที่สุด ผมมองว่ามันกลับอ่อนแอและไร้ซึ่งพลังอำนาจใดๆที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกได้ถึงความโหดร้ายเลย จริงๆจะว่ามันเป็นอ่อนของเรื่องเลยก็ได้ที่ผมรู้สึกว่าพลังฤทธาของทุกคนมันดูไม่เป็นธรรมชาติและไม่ได้สร้างความรู้สึกได้ถึงความเก่งกาจใดๆเลยแม้แต่น้อย (พลังของตัวหวอคงเองผมก็รู้สึกแบบนั้น) แต่บอกได้ตรงนี้เลยว่า "หวอคง" เวอร์ชั่นนี้หล่ออย่าบอกใครเลยแหละครับ!!!
เพื่อนๆสามารถเข้าไปกดไลก์และติดตามการรีวิวหนังกันได้ที่
https://www.facebook.com/FeedbackMovies
[CR] รีวิว "Wukong - กำเนิดเทพเจ้าวานร" : หงอคงเวอร์ชั่นตีความใหม่ที่ภาพสวย ดูสนุก และเรื่องรักกลับทำได้ดีกว่างานแอ็กชั่น
"Wukong - หงอคง กำเนิดเทพเจ้าวานร" (6.75/10)
---------------------------------
สวัสดีครับเพื่อนชาว Pantip ทุกท่านวันนี้เพจหนัง "Movies Feedback" ขอเสนอความเห็นหลังชมภาพยนตร์เรื่อง "Wukong - หงอคง กำเนิดเทพเจ้าวานร" ทางไปเพจผมครับ --> https://www.facebook.com/FeedbackMovies
คงไม่มีใครที่จะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของ "ไซอิ๋ว" อีกหนึ่งตำนานที่มีมนต์เสน่ห์และโด่งดังที่สุดของประวัติศาสตร์จีน ทั้งตัวละครที่มีคาแรคเตอร์และรูปลักษณ์ที่เป็นที่น่าจดจำอย่าง "หงอคง" วานรจอมซนซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่อง หรือจะเป็นเจ้าหมูอ้วน "ตือ ป๊วย ก่าย" ที่วันๆเอาแต่กิน แถมยังมี "ซ๊วย เจ๋ง" และ "พระสัมธัมจั๋ง" ที่เป็นอีกสองตัวเอกที่ช่วยสร้างสีสันให้กับเรื่องราว ผ่านการบุกป่าฝ่าดงร่วมกันผจญภัยไปพร้อมๆกับการสอดแทรกเหตุการณ์อิงประวัติศาสตร์และความเชื่อทางศาสนาที่น่าสนใจ มันจึงไม่แปลกเลยที่ตำนาน "ไซอิ๋ว" จะถูกนำมาสร้างภาพยนตร์อยู่หลายต่อหลายหน และใน "WuKong" หรือ "หงอคง กำเนิดเทพเจ้าวานร" เวอร์ชั่นนี้นั้น ก็เป็นอีกครั้งที่ตัวละครหวอคงจะได้กลับมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม ภายใต้การนำเสนอผ่านตัวละคร "หงอคง" เป็นหลัก แถมครั้งนี้ยังมีการตีความใหม่ ซึ่งจะทำการเล่าย้อนไปถึงตำนานของราชาวานรก่อนที่จะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ในไซอิ๋วที่เรารู้จักกันดี
โดยหนังจะเล่าถึงตัวละคร "หงอคง" ราชาวานรผู้มีถิ่นกำหนิดในหุบเขาฮั้วกั้วะ ซึ่งถูก "ฮั้วจี" แม่ทัพสวรรค์หมายจะเอาชีวิตเขา แต่ด้วยการช่วยเหลือจากพระโพธิ์สัตว์ทำให้เขาได้กลายเป็นศิษย์เอกผู้ภักดี ในขณะเดียวกัน "หยางเจียน" ได้รับมอบหมายหน้าที่จากเบื้องบนให้สังหาร "จื่อเซี่ย" ผู้ที่เป็นทั้งลูกสาวของฮั้วจีและบุคคลที่เขาหลงรัก เพื่อแลกกับตำแหน่งในสรวงสวรรค์ ด้าน "เทียนเผิง" องค์รักษ์ของฮั้วจี ก็ได้รับบัญชาการให้สืบหาข้อมูลของหงอคง ชะตากรรมทำให้ทั้งสามคนมาพานพบกันที่สำนักเทียนจิ ซึ่งการพบกันครั้งนี้ทำให้ทั้งสามได้พบกับความจริงของสวรรค์ที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งจุดเปลี่ยนนี้เองที่จะทำให้ชีวิตของคนทั้งสามเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ตัวหนังมาพร้อมกับงานภาพและวิชชั่วเอ็ฟเฟ็คที่โดดเด่นตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่ด้วยความที่หนังมีการตีความใหม่เกือบทั้งหมด เราเลยไม่ค่อยคุ้นกับเรื่องราวในเรื่องเท่าไหร่นัก บวกกับการเล่าเรื่องในช่วงต้นจนถึงกลางๆเรื่องที่ดูจะไวไปหน่อยสำหรับการทำเริ่มทำความเข้าใจความเป็นมาของเหตุการณ์ในหนัง ดีที่หลังจากผ่านช่วงนั้นมาแล้ว หนังเริ่มลดระดับความเร็วในการเล่าเรื่องลง แล้วหันมาให้น้ำหนักกับอารมณ์ของตัวละครหลักๆแทน จุดนี้ที่ทำให้หวอคงในเวอร์ชั่นนี้มีมิติของอารมณ์มากขึ้น ทำให้เราได้เห็นภาพลักษณ์ในแบบอื่นๆที่นอกเหนือไปจากความกวนโอ้ยในแบบเดิมๆที่เคยได้รับชมกันมา อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าหนังจะให้น้ำหนักแต่ตัวหวอคงอยู่ฝ่ายเดียว เพราะส่วนตัวมองว่าหนังนำเสนอความรักได้ในหลายๆรูปแบบ ซึ่งหนึ่งในประเด็นนี้คือการพูดถึงความรักของตัวละคร "เทียน เผิง" องค์รักษ์ของฮั้วจีที่มีเหตุต้องพรากจากคนรัก โดยที่ฝ่ายหญิงต้องลงมาเกิดเป็นมนุษย์ และเมื่อวันหนึ่งทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้ง มันจึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้เราได้รับอารมณ์และความรู้สึกของความโหยหากันและกัน ซึ่งหนังก็ถ่ายทอดตัวละครคู่นี้ออกมาได้เข้าถึงความรู้สึกของทั้งสองได้เป็นอย่างดี (โดยส่วนตัวแล้วผมชอบคู่นี้มากกว่าฝ่ายของคู่พระนางเสียอีก)
ในช่วงท้าย แม้หนังจะไม่ได้โชว์ลูกเล่นที่หวือหวาและสร้างความแปลกใหม่ของเรื่องราวแอ๊กชั่นได้เท่าไหร่นัก แต่มันก็มีความน่าติดตามได้ดีในระดับนึงเลย ซึ่งหนังที่มีความยาวเกิน 2 ชั่วโมงแต่สามารถทำให้ผู้ชมเกิดความเพลิดเพลินได้อยู่เรื่อยๆ ผมถือว่ามันประสบความสำเร็จในแง่ของการนำเสนอและถ่ายทอดเรื่องราวแล้ว เหลือแค่ความประทับใจที่เป็นเรื่องของแต่ละท่านที่ชมแล้วว่ามันจะไปสร้างแรงกระเพื่อมของความชื่นชอบได้มากแค่ไหน เพราะเอาเข้าจริงเนื้อเรื่องมันเดาได้ง่ายมาก ความลับของตัวละครยิ่งดูรู้ตั้งแต่กลางเรื่องเลยว่าใครดีใครโกง แถมตัวร้ายที่ดูจะมีพลังอำนาจที่สุด ผมมองว่ามันกลับอ่อนแอและไร้ซึ่งพลังอำนาจใดๆที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกได้ถึงความโหดร้ายเลย จริงๆจะว่ามันเป็นอ่อนของเรื่องเลยก็ได้ที่ผมรู้สึกว่าพลังฤทธาของทุกคนมันดูไม่เป็นธรรมชาติและไม่ได้สร้างความรู้สึกได้ถึงความเก่งกาจใดๆเลยแม้แต่น้อย (พลังของตัวหวอคงเองผมก็รู้สึกแบบนั้น) แต่บอกได้ตรงนี้เลยว่า "หวอคง" เวอร์ชั่นนี้หล่ออย่าบอกใครเลยแหละครับ!!!
เพื่อนๆสามารถเข้าไปกดไลก์และติดตามการรีวิวหนังกันได้ที่ https://www.facebook.com/FeedbackMovies