วิวดี๊ดี ที่บ้านป่าบงเปียง

กระทู้สนทนา
จะเริ่มยังไงดี ไม่เคยเขียนรีวิวเลยแม้สักครั้งเดียว เริ่มเรื่องของสามสาวจาก จ.ตรัง ที่วางทริปเที่ยวกัน เจ้าของกระทู้ไม่รู้หรอกว่าที่ที่พวกเราจะไปจะสวยแค่ไหน รู้แค่ว่าไปเที่ยว สี่วันสามคืนโปรแกรมแน่นเอี๊ยด  น้องคนที่วางโปรแกรมบอกแค่ว่า พี่วันแรกเราจะไปนอนบงเปียงกัน คำถามคือบงเปียงมันที่ไหนหว่า แล้วมันสวยเหรอน้อง น้องมันบอกว่าสวยสิ นาขั้นบันไดที่สวยที่สุดในประเทศไทยเลยนะ อ่อๆ นาขั้นบันไดเคยได้ยินแต่ไม่เคยไปเลยสักครั้ง แถมทางเข้าไปในหมู่บ้านก็ไม่ธรรมดานะ เอะไม่ธรรมดามันยังไง ก็แบบว่ารถธรรมดามันเข้าไปไม่ถึงนะสิ ต้องใช้รถโฟวิลของคนในหมู่บ้านมารับ แถมไม่มีไฟฟ้า มีแต่แสงดาวและสองเรา 555  โหแค่ฟังก็สนุกละ แบบนี้พี่ชอบ  เราเดินทางจากจังหวัดตรังโดยเครื่องบินแอร์เอเซียขึ้นจากสนามบินกระบี่ ปลายทางเชียงใหม่ พวกเราเช่ารถแดงโดยที่ติดต่อพี่เค้าไว้ล่วงหน้าแล้ว ไปถึงสายแดรกอย่างพวกเราก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านดังของเชียงใหม่ มันก็อร่อยดีนะ เราเลยมีความคิดว่าถ้าเกิดว่าเอามาเปิดร้านที่บ้านเราแล้วทำให้มันแซ๊บรสชาดแบบบ้านเราคงจะขายดีเป็นแน่ แง่งงง มันก็แค่ความคิดตรงนั้นอะนะ อิ่มท้องแล้วเราก็เริ่มออกเดินทาง  เชื่อไหมว่าตอนออกจากบ้าน ณ ตรัง มากระบี่ฝนตกตลอดทางเลย แต่เราก็คิดว่าเชียงใหม่คงไม่ตกหรอกมั้ง ก็เป็นอย่างที่พวกเราคิดไว้ พี่คนขับรถบอกว่าฝนเพิ่งตกเมื่อสองสามวันก่อนเราจะไปนี่แหละ พอเราไปฝนหยุดเหมือนเป็นใจให้เรามีเวลาเที่ยวกันซะงั้น เราเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ แล้วไปแวะซื้อของที่จำเป็นที่ทางขึ้นดอยอินทนนท์ อย่างอื่นไม่รู้แต่ขนมเพียบ พวกเราถือคติ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง  ทางไปบงเปียงเราผ่านหมู่บ้านแม่กลางหลวงซึ่งมีนาเหมือนกัน นาก็สวยนะ บรรยากาศดี วิวดี พวกเราแวะลงไปเที่ยว แต่ที่นี่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของพวกเรา เราเลยเดินทางต่อแล้วรถแดงของพวกเราเสียกลางทาง ต้องแวะซ่อม เราก็ถือโอกาสนั่งชิว ๆ ร้านกาแฟน่ารัก ๆ ร้านนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ข้างๆ จะมีสายน้ำไหลผ่านบรรยากาศร่มรื่นดี เด็ก ๆ ในหมู่บ้านมากระโดดน้ำเล่นกัน ก็เพลินไปอีก พวกเราไปถ่ายรูปกันที่นาข้าวแต่มันก็สวยสู้ที่แม่กลางหลวงไม่ได้ แล้วมันก็มีนิดเดียว ระหว่างที่รถซ่อมเราเดินเล่นข้างๆ แถวนั้นมีไร่เบญจมาศไห้ดู พวกเราตื่นเต้นกันใหญ่ เจอต้นสาลีที่มีลูกด้วย เราไม่เคยเห็นหรอก รถแดงเราซ่อมเสร็จใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ เราก็เดินทางมุ่งตรงไปป่าบงเปียง จุดหมายปลายทางของพวกเรา เราไปถึงตีนดอยอินทนนท์ รอรถของเจ้าของบ้านมารับ แค่เวลาไม่นานพี่เจ้าของบ้านก็มาถึง เราสามคนก็กระโดดขึ้นท้ายรถกะบะ เพราะอยากสัมผัสบรรยากาศจริง ๆ แล้วมันก็เป็นอย่างที่พวกเราคิด ทางเข้าถนนแดง หลุมลึกๆ ถ้ารถธรรมดามาไม่ได้แน่นอน ระหว่างทางก็ผ่านโค้งผ่านน้ำตก ซึ่งมองแล้วรถยนต์ไม่สามารถสวนทางกันได้   มันก็จะลำบากหน่อย (ถ้าไม่บ้า มาไม่ได้นะคะ) พวกเราชอบอะไรที่มันลุย ๆ แบบนี้ ก็เลยมากันได้ ใช้เวลาประมาณ 15  นาที เราก็ถึงจุดหมายปลายทาง พอรถจอดเราก็โอ้โห พร้อมกัน มันสวยอะไรอย่างนี้ แสงกำลังดี พวกเราเอาของไปเก็บในบ้าน แล้วผลัดกันอาบน้ำ เสร็จก็ลงไปถ่ายรูปกัน ที่นี่ไม่ได้มีแค่พวกเรา บ้านพักแต่ละหลังก็จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักเกือบทุกหลัง แต่เนื่องจากวันที่เราไปไม่ได้เป็นวันหยุด แต่ก็เต็มเกือบทุกหลัง ตอนที่เจ้าของกระทู้อาบน้ำเสร็จ น้อง ๅ สองคนหนีไปถ่ายรูปกันแล้ว เจ้าของกระทู้ต้องเดินตามลงไป นอกจากจะเจออาหารตาแล้ววิวที่นี่ก็เจริญใจด้วยนะ อิอิ เอะยังไงน่ะเหรอ ก็....ก็....แบบว่า พอเราไปถึงก็มีอีกกรุ๊ปนึงไปถึงตามเรามาติด ๆ พวกเราสามคนก็เหล่  ๆ ดูละ อืม วิวดี สามหนุ่มเดินลงไปถ่ายรูปที่ตรงนาแล้ว น้อง ๆ ก็หนีไปถ่ายรูปก่อนแล้ว เจ้าของกระทู้ออกมา อ้าวหายหมด น้อง ๆ โบกมือไวๆ เรียกมาถ่ายรูปกัน เรารีบเดินลงไปหาน้อง ๆ น้องเราแต่ละคน อืม เดินตามหนุ่ม ๆไปเฉย  พอเราไปถึงก็ถ่ายรูปตรงนั้นวิวตรงนี้  ผลัดกันถ่ายกัน เดินลงไปตามนาขั้นบันไดเรื่อย ๆ ขาลงไปไม่เท่าไหร่หรอก แต่ขาเดินขึ้นกลับมาบ้านพักนี่สิ เล่นเอาลิ้นห้อย เหนื่อยสิคะ เราเดินกันมาแล้วหลังจากเดินตามสามหนุ่มถ่ายรูปอยู่พักนึง (ไม่ได้เดินตามหรอก แต่ว่าเราจะถ่ายวิวตรงนั้น5555) คืนแรกเรานอนที่นี่ ในขณะที่สามหนุ่มกลับเลย ได้ข่าวว่าแวะไปนอนดอยอินทนนท์  เรานั่งเล่นตรงระเบียงบ้านพัก ซึ่งมันก็สงบเงียบดีนะ บรรยากาศแบบถ้าต้องการหลบความวุ่นวายที่นี่เหมาะมาก เพราะนอกจากจะไม่มีไฟฟ้าแล้ว เครื่องอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ก็ไม่มีเหมือนกัน แต่เราก็พอใจแบบนี้ พอค่ำเจ้าของบ้านเอาข้าวมาให้กินอาหารก็จะเป็นอาหารพื้นบ้าน มีผัดมะระหวาน ยำปลากระป๋อง ไข่เจียว มีผักที่สดมาก ๆ ไม่จำเป็นต้องเลิศหรูแค่นี้ก็อร่อยแล้ว ถึงจะเป็นเมนูบ้าน ๆ แต่พวกเรากลับชอบ กินข้าวท่ามกลางแสงเทียน เรานอนเล่นกันตรงระเบียงหน้าบ้าน อากาศเริ่มหนาว ๆ แต่ไม่ถึงกะหนาวมาก  พวกเรานั่งคุย นอนคุยกันสนุกสนาน หลาย  ๆ คนถามว่าทำไมต้องไปดูนาถึงเชียงใหม่ ที่บ้านก็มีนาไม่ใช่เหรอ น้อง  ๆ เราตอบว่ามันไม่เหมือนกัน บรรยากาศมันก็ต่างกันนะ ถึงบ้านจะมีนา แล้วทำนาเองด้วยทุกปี แต่บ้านเรามันไม่หนาว บ้านเรามันสวย แต่สวยคนละแบบ บรรยากาศแบบนี้มันหาไม่ได้ที่บ้านเรา ต้องมาสัมผัสเองถึงจะรู้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่