[SR] แวะมาเช็คอิน กิน 5 ขนมหวาน ในตำนานหากินยาก ชื่อไม่คุ้น แต่กินเข้าไปแล้ว ฟินเวอร์@บางแสน

หยุดยาว 3 วันนี้กะว่าจะไม่ไปไหนแล้วเชียว แต่บรรยากาศเมืองกรุงช่วงนี้ฝนฟ้ามืดครึ้ม แต่เห็นเพื่อนบอกว่าบางแสนอากาศกำลังดี มีงานเทศกาลอาหารถิ่น 2560 เที่ยวข้ามถิ่นกินข้ามภาค เออ...น่าสนดีแฮ่ะ ไม่ไกลด้วย ไปหาเมนูหวานๆเติมพลังพุงไว้หน่อยดีกว่า ในหัวตอนนั้นคือแค่ลอดช่องวัดเจษฐ หม้อแกงเมืองเพชร สายไหมยุทธยา ก็ฟินแล้ว แต่!! มันพีคตรงที่เจอเมนูขนมหวานหน้าตาแปลกๆ ชื่อประหลาดๆ เพียบขนาดเราโตมาจะแตะเลข สี่ แล้วยังไม่รู้จักเลย แล้วนับประสาอะไรกับเด็กสิบเก้า ยี่สิบ(มองเหยียดแบบอิจๆ) ดีนะ ที่แต่ละร้านมีแผ่นพับให้ดูว่าเมนูไหน มีที่มาอย่างไร สายหวานวันนี้ เลยจะหวานแบบมีสาระหน่อยๆ(ก็ไม่หน่อยนะ)
ขนมหวานเมืองนครนายก : ข้าวกระยาคู

ความเป็นมา-ผู้เฒ่าผู้แก่ เล่าว่า ข้าวกระยาคูมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ การกวนข้าวกระยาคูเป็นการกวนเพื่อนำไปบูชาพระแม่โพสพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลรักษาผืนนา เพื่อให้การปลูกข้าวงอกงามสมบูรณ์ ในหนึ่งปีจะมีการกวนข้าวกระยาคูกันครั้งหนึ่งในเดือนสิบสองหรือเดือนอ้าย ซึ่งเป็นระยะที่ข้าวเริ่มเป็นแป้งแล้ว น้ำแป้งมีลักษณะคล้ายน้ำนม จึงเรียกว่า น้ำนมข้าว แต่เดิมการรีดน้ำนมข้าวที่ละเม็ดทำโดยใช้ไม้ไผ่หลาวบางๆ สองอันรีดน้ำนมข้าวทีละเม็ดๆ ต่อมาพัฒนาไปสู่การใช้ครกโขลก แล้วนำไปกรองเพื่อแยกน้ำนมและกากออกจากกัน การกวนข้าวกระยาคู ในสมัยโบราณจะใช้น้ำนมแทนแป้ง ใช้ใบข้าวและใบเตยโขลกละเอียดผสมน้ำปูนใส เพื่อให้มีสีเขียว น้ำตาลกรวดเพิ่มความหวานและน้ำกะทิเพิ่มความมัน แล้วมาผสมกันกวนในหม้อดินจนแป้งสุกและเหนียว ในสมัยก่อนนั้น ข้าวกระยาคูไม่เหนียวมาก นำมาทานกับน้ำกะทิ
รสชาติ – หวาน มัน หอมใบเตย แป้งยืดๆ ตักเข้าปากเหมือนมันจะละลายในปากเพราะแป้งนิ่มมาก กลืนได้เลยไม่ต้องเคี้ยว กินเข้าไปแล้วสดชื่นนะ


ขนมหวานเมืองตราด : ขนมค...ยตาอุ้ย

ความเป็นมา-ในสมัยโบราณ มีเรื่องเล่าว่า ตาอุ้ย ยายเม้า สองผัวเมีย อาศัยอยู่ในชนบทที่ห่างไกลความเจริญมาก มีอยู่วันหนึ่ง ยายเม้าเกิดอยากทำขนมขึ้นมา จึงเอาข้าวจ้าวมาแช่แล้วโม่เป็นแป้ง คลุกกับน้ำตาลอ้อยให้มีรสหวาน โดยจะเอาไปคลุกกับมะพร้าวทึงทึก ที่ขูดเป็นฝอยด้วยกระต่าย ให้มันหวานมันกลมกล่อม แต่ก็ไม่รู้จะทำไงต่อดี
บังเอิ๊ญ!!!เหลือบไปเห็นตาอุ้ยนุ่งผ้าขาวม้านั่งชันเข่าพิงเสาเรือนอยู่อย่างสบายใจ ทันใดนั้น สายตายายเม้า ก็สะดุดเข้ากับอวัยวะเพศของตาอุ้ยเล็ดลอดออกมา นึกขึ้นได้ จึงปั้นแป้งเป็นรูปกลมๆยาวๆ แล้วใส่ลงหม้อน้ำเดือด พอสุกก็ตักขึ้นมาคลุกกับมะพร้าวขูด เสร็จแล้วก็ใส่กะลามะพร้าวให้ตาอุ้ยชิม ตาอุ้ยเห็นรูปร่างขนมดูแปลกๆจึงถามว่า “ยายเม้า ขนมอะไรของแกว่ะ” ยายเม้าจึงตอบไปดังๆว่า “ขนมค...ยนั้นแหละ” ตาอุ้ยหัวเราะชอบใจ ชมว่าอร่อยดี จึงเรียกขนมชนิดนี้ว่า “ขนมค...ยตาอุ้ย” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
รสชาติ-อยากกินเพราะชื่อนี่แหละพูดเลย555 แต่รสชาติดีนะ แป้งนิ่ม หอมงานกับมะพร้าว กรุบๆด้วยน้ำตาล อร่อยๆ


ขนมหวานเมืองกาญจน์ : ขนมทองโย๊ะ

ขนมหวานเมืองอ่างทอง : ขนมดอกลำเจียก อ.วิเศษฯ

ความเป็นมา-ขนมดอกลำเจียกเป็นขนมไม่ค่อยมีคนทำและหาทานยากมากๆ เพราะใช้ข้าวเหนียวเมล็ดนำมาแช่น้ำ 3 ชั่วโมง นำมาผึ่งแดดให้แห้งแล้วใส่ครกตำจนข้าวฟูแล้วนำมาร่อน จนเป็นแป้งและนำมาห่อกับไส้มะพร้าว ปัจจุบันขนมดอกลำเจียกเป็นที่นิยมโดยปรับปรุงเรื่องสีที่นำจากธรรมชาติ กลิ่นใช้เทียนอบ ใช้กลิ่นดอกไม้หอม ตัวแป้งจะนิ่ม ซึ่งปัจจุบันถือเป็นขนมขึ้นชื่อของจังหวัดอ่างทอง หากใครมาอ่างทองแล้วไม่ได้ชิม เรียกว่ามาไม่ถึงเลยนะเออ ขนมดอกลำเจียกเป็นขนมในรัชกาลที่ ๒
ลำเจียกชื่อขนม  นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย  โหยให้หาบุหงางาม
                    พระราชนิพนธ์ ร.๒


ขนมชะมด ขนมพื้นบ้านโบราณของไทย


ความเป็นมา-ขนมชะมด เป็นขนมที่มีหลักฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาและสุโขทัย มีกล่าวไว้ในจดหมายเหตุว่า “ในตลาดขายขนมหรือป่าขนมมีขนมชะมดขายด้วย” ขนมนี้จัดเป็นขนมเสี่ยงทายในงานแต่งงาน ไส้เป็นถั่วทองแช่น้ำนึ่งสุกโขลกผสมเกลือและพริกไทย เป็น 3 ลูกบีบติดแล้วชุบแป้งทอด ถ้าทอดแล้วแยกออกจากกัน หมายความว่าจะอยู่ด้วยกันไม่ยืด ถ้ายังติดกัน 2 ลูก หมายความว่าจะมีลูกยาก บางทีต้องชุบแป้ง 3-4 ครั้งจึงไม่แตกจากกัน การแตกจากกันของขนมนี้หมายถึงความแตกแยกของคู่สมรส บางครั้งต้องเปลี่ยนคนทำใหม่ เรียกว่า หาหมอมาแก้เคล็ดเลยทีเดียว
รสชาติ-ตัวแป้งที่ชุบข้างนอกกรอบๆออกเค็มนิดๆ แต่พอกัดเข้าไปถึงไส้แล้ว บอกเลย อร่อย หวานหอมมัน ปนๆกัน แนวๆขนมใส่ไส้ รสชาติดีทีเดียว ข้างๆกันเป็นขนมกง(ไม่ป้าแอน ออกรสใหม่นะ) รสชาติคล้ายๆกัน

เลือกมาให้หวานกัน 5 เมนู ที่ จขกท. เห็นแล้วต้องซื้อเลย เพราะแปลกจริงไรจริง แต่ก็อร่อยจริงๆ ขนมหวานๆโบราณๆ ดีใจที่ยังเหลือให้ได้กินกันอยู่ อยากหวานแบบนี้ขับรถมาเช็คอินเลยที่แหลมแท่น บางแสน มันเป็นงานอาหารที่แตกต่างจริงๆพูดเลย