[CR] *:✿Day 7-8: JAPAN 2017 " โตเกียว 8 วันกินอยู่สบาย งบไม่เกิน 30,000 บาท"

สำหรับการรีวิวครั้งนี้ เราจะรวบทั้ง 2 วันเลยนะค่ะ ❤ 。◕‿◕。
เนื่องจากวันสุดท้ายเครื่องออกตั้งแต่เช้า ทำให้ไม่มีการเดินทางไปเที่ยวที่ไหน นอกจาก >> สนามบินนาริตะ


Day 1 : 20 June 2017 >> เริ่มเดินทางจากดอนเมือง > นาริตะ > Ueno (ที่พัก) >> https://pantip.com/topic/36669145
Day 2 : 21 June 2017 >> Kawagoe > Ikebukoro >> https://pantip.com/topic/36672120  
Day 3 : 22 June 2017 >> Kawaguchigo > Shibuya >> https://pantip.com/topic/36680610
Day 4 : 23 June 2017 >> Tokyo Disneysea > Ueno >> https://pantip.com/topic/36684800
Day 5 : 24 June 2017 >> Tsukiji Fish Market > Imperial palace > Shibuya >> https://pantip.com/topic/36705059
Day 6 : 25 June 2017 >> Ginza > Tokyo Station > Harajuku >> https://pantip.com/topic/36705828
-----------------------------------------------------------------------------------------------

วันที่ 7-8 : Asakusa > Tokyo Skytree > Akihabara > Narita Airport

             วันที่ 7  >> วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ได้เที่ยวโตเกียวแล้ววว~...เศร้าอ่ะ //(ㄒoㄒ)//  เราสองคนเก็บสัมภาระที่ซื้อมาทั้งหมดตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้ตอนเช้าออกเดินทางไปเที่ยวช้ากว่าปกติเล็กน้อย.. ซึ่งหลังจากเก็บสำภาระในตอนเช้าครบแล้วเราก็หอบกระเป๋าเดินทางลงมายังชั้น 1 เพื่อเช็คเอ้า และ ฝากกระเป๋าสำภาระ (ที่นี่มีบริการรับฝากกระเป๋าได้ถึง 6 โมงเย็นของวันนั้น ดี๊ดี!! )...ต่อไป คือ เก็บเกี่ยวเวลาเที่ยวให้เต็มที่เรยจร้า \(^^\)  เดินจากที่พักไปสถานี Tokyo metro..(ใช้บัตร Suica)

สถานีต้นทาง : Ueno (G16) ใช้สาย Tokyo metro Ginza line for Asakusa  เวลาเดินทาง 6 นาที (ราคา 170¥)
สถานีปลายทาง : Asakusa (G19)

            ถึง “Asakusa” ก็เดินข้ามถนน..ไปยัง ศูนย์นักท่องเที่ยวและวัฒนธรรมย่านอาซากุสะ “Culture Tourist Information Center” เพื่อถ่ายรูป ชมวิวฟรี ทั้งถนน Nakamise, Sensoji Temple ,Tokyo skytree และ Ashahi Beer Tower

            ชมวิวเสร็จแล้ว...เดินข้ามฝั่งกลับมายังวัดอาซากุสะ ถ่ายรูปกับประตูทางเข้า ซึ่งก็เป็นอย่างที่ทุกคนเห็นในวิวนะค่ะ..เราเจอแจกพ็อตอีกแล้ว!! ประตูทางเข้าวัดอาซากุสะ กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง แต่เขายังเหลือโคมแดงไว้ให้ถ่ายรูป  T^T
ประตูโคมแดงก่อนเข้าวัดเซนโซจิ

            ถ่ายรูปเสร็จสิ้น...ได้เวลาหาอาหารเช้ามากระตุ้นกระเพาะกันหน่อย ^^ … ร้านแรกคือ “Isomaru Suisan
ร้านซีฟู้ดสดๆ เปิด 24 ชั่วโมง  และด้วยความที่วันนี้เรามาเช้ากว่าที่คิด ร้านอาหารส่วนใหญ่ยังไม่เปิด และเราสองคนก็หิววมากกแล้ว เลยจัดไป 3 เมนู (เสียทรัพย์ไป 1,267¥)
Isomaru Suisan

บรรยากาศภายในร้าน

            เมนูที่ 1 : เมนูสุดฮิต  Kani Miso Korasho กระดองปูมิโซะย่าง มันอร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ รสชาติหวานมัน เหมือนสลัด

            เมนูที่ 2 : พิซซ่าญี่ปุ่น รสชาติไม่ค่อยผ่านเท่าไหร่ มันมีความเลี่ยนมาก เนื้อพิซซ่าเละไปนิดนึง

            เมนูที่ 3 : ปลาย่าง รสชาติเหมือนเนื้อปลาทั่วไป แต่เราสองเกิดการปรุงผิดพลาดราดซอสที่เขาให้มาเยอะเกินไป ทำให้เนื้อปลาเค็มสุดๆไปเลยจร้า.. รู้สึกสงสารไตมากก 55

           แต่มีเรื่องตลกๆอีกเรื่องสำหรับเราสองคนคือ.. เราคิดว่า เบียร์ Kirin เป็นน้ำผลไม้ของญี่ปุ่น เนื่องจากเมนูที่เขาให้ดูเป็นเมนูภาษาญี่ปุ่นแล้วเราก็ใช้วิธีการดูรูป..เลยชี้เมนูน้ำแบบสุ่มๆให้เขาดู.. ดื่มครั้งแรก แทบกรี๊ดดด แสบตั้งแต่คอไปถึงท้องเลยจ้า 55

วันนี้เตรียมท้องมาเพื่อกิน...ดังนั้นก็ไปหาของกินกันต่อเลยดีกว่า(*⌒ヮ⌒*)

          ร้านที่สองในวันนี้ คือ “iriyama senbei” เซมเบ้กรอบอร่อยสดจากเตา..เอกลักษณ์ของเซมเบ้ร้านนี้คือเขาจะทำให้ดูกันสด ๆ..ซึ่งพอเรากินก็รู้สึกรับรู้เลยว่า.. คล้ายขนมโดโซะ แต่มันแข็งมากจร้า ฟันจะหักไหม?? กินต่อแล้วจะเคี้ยวไหวไหม 55 (เสียทรัพย์ไป 130¥)
iriyama senbei


         กินมาหลายอย่างก็รู้สึกเลี่ยน จึงแวะหาน้ำดื่มกิน...น้ำที่รสชาติเป็นนมเปรี้ยวเมลอน ของ Calpis อร่อย เปรี้ยวหวาน ชื่นใจ++ (เสียทรัพย์ไป 200¥)

         ต่อไป..เดินกลับไปยังวัดเซนโซจิ แต่ก่อนที่จะเข้าไปไหว้พระ ก็หาของกินที่โด่งดังคือ “Kokonoe” โมจิทอดสอดไส้ ถึงหน้าร้านก็จะเห็นโมจิหลากหลายรสชาติทั้ง ไส้ถั่วแดง ไส้ถั่วแดงกับงาดำ ไส้ฟักทอง ไส้คัสตาร์ด ไส้มันหวาน ไส้ชาเขียว น่ากินมากเลยอ่ะ เราเลือกโมจิรสชาติเชอร์รี่-ซากุระ ส่วนเพื่อนเลือกรสชาติชาเขียว (เสียทรัพย์ไป 200¥)

โมจิกรอบนอก นุ่มใน หวานไม่มาก กินแล้วฟิน

           กินอิ่มแบบเต็มที่..ไปไหว้พระ ทำบุญ ให้จิตใจแจ่มใสกัน..หลังจากนั้น ซื้อเครื่องรางไปฝากญาติพี่น้องพ่อแม่..ตามความเชื่อ ในแต่ละเรื่องนะจ้ะ
Sensoji Temple

Sensoji Temple

Sensoji Temple

           อิ่มบุญกันแล้ว เดินทางกันต่อไปยัง “Tokyo skytree”.. เราสองคนใช้วิธีการเดินนะค่ะ ไม่ได้ใช้วิธีขึ้นรถไฟ.. การเดินแม้จะไกลไปหน่อยแต่ก็มีข้อดีคือ ได้ชมบรรยากาศตลอดเส้นทางเลยจร้า
Sumida river

Tokyo skytree + Asahi beer tower

           มาถึงTokyo Skytreeก็..ถ่ายรูป + หาซื้อของฝาก หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟกลับค่ะ  ใช้รถไฟสาย Tobu Skytree Line Section Exp.  for MINAMI-KURIHASHI ลงสถานี KITA-SENJU เพื่อเปลี่ยนสายจากสถานี KITA-SENJU ใช้สาย Tokyo Metro Hibiya Line  for NAKA-MEGURO ไปลงสถานี AKIHABARA (ราคา 370¥)
            เมื่อมาถึง “AKIHABARA”... ได้เวลาเสียเงินกับแหล่งกาชาปอง อนิเมะ ที่ดึงดูดสายตามากก เป็นแหล่งกระจายทรัพย์ได้ดีจริงๆ และ ถือเป็นแหล่งที่เราได้ใช้เหรียญที่เหลือทั้งหมดไปด้วยเลยค่ะ

           ช็อปปิ้งเสร็จก็กลับไปเอากระเป๋าเดินทางจร้า..
สถานีต้นทาง : JR AKIHABARA  ใช้สาย Yamanote Line(Inner loop)  for OSAKI เวลาเดินทาง 4 นาที (ราคา 140¥)
สถานีปลายทาง : UENO
           ลงมาถึงอุเอะโนะ ก็รีบช็อปต่อก่อนกลับ..เราสองคนเดินมาซื้อเครื่องสำอางค์ร้าน “Sapporo drug store” แถวตลาด Ameyoko ซึ่งเป็นร้านที่เราเช็คราคาเทียบกับร้านอื่นแล้วว่าถูกกว่าร้านอื่นจริงๆ ซึ่งช่วงที่เราซื้อก็กำลังมีโปรลดราคาสินค้าอยู่ค่ะ

          เสียเงินจนกระเป๋าตังค์ฟีบ..ได้เวลากลับไปยังที่พักเพื่อไปรับกระเป๋าเดินทาง..แล้วก็เดินทางไปยังสถานี Keisei Ueno ซื้อตั๋ว Narita Sky Access ในราคา 1,240¥ เพื่อไปลงสนามบินนาริตะ

          มาถึง Narita Airport Terminal 2 ...สำหรับคืนนี้เราจองที่พักไว้ที่ Nine hours Narita Airport Hotel วิธีการเดินทางไปยังที่พักก็ง่ายมาก มีป้ายบอกตลอดเส้นทาง รับรองไม่มีหลงแน่นอนค่ะ
          มาถึงที่พัก ก็มีพนักงานต้อนรับคอยติดต่อกับเรา พนักงานพูดภาษาอังกฤษชัดเจน เข้าใจ แต่อาจพูดเร็วไปนิสนึง ที่พักมีอุปกรณ์ให้ทุกอย่างทั้ง แปรงฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว slipper และ ชุดนอน นอกจากนี้ที่พักก็สวยงาม เป็นไปตามรีวิว ถ้าต้องการออกไปเดินเล่นด้านนอก ก็คืน Keycard ให้พนักงานก่อนเปลี่ยนเป็นบัตรสำรอง ถ้ากลับไปที่พักก็แลก Keycard คืน
Nine hours Narita Airport Hotel


         เมื่อเก็บกระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกมาหาข้าวเย็นที่สนามบิน เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ดูจากหน้าร้านแล้วหน้ากินมากก~
ชุดหมูทงคัตสึ (เสียทรัพย์ไป1,000¥)
รสชาติหมูกรอบนอกนุ่มใน ตัดกับซอสรสชาติเปรี้ยวหวาน อร่อยค่ะ

     วันที่ 8  >>  6:30น. เช็คเอ้าออกจากที่พัก เพื่อไปหาของกินที่ เซเว่น แล้วก็ไปเช็คอินเพื่อโหลดสำภาระ ของ Airasia X
ข้าวหน้าเท็มปุระ (เสียทรัพย์ไป 549¥)
รสชาติกลางๆออกจืดๆ เน้นไปทางแป้งเหมาะกับราคาที่ไม่แพงมากค่ะ

           
9:15 น. เครื่องออกแล้ว บะบายนะจร้าาาเจแปน ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเราตลอด ♡(O ^ ~ ^ O)♡

สรุปยอดค่าใช้จ่าย Day 7-8 : ค่าเดินทาง 1,920¥ (588 ฿)   ค่ากิน 3,346¥ (1,025 ฿)

-------------------------------------------しつれい します。---------------------------------------------------

ชื่อสินค้า:   Japan (Tokyo-Kawaguchiko)
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่