ขอพื้นที่ระบาย... คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ไม่คิดว่าจะทำกันได้... ชิ่งหนีหนี้ 7แสน ปล่อยให้เราต้องรับกรรมเคลียร์หนี้

จริงๆ คิดอยู่นาน ว่าควรจะมาโพสต์ในพันทิปดีมั้ย
เพราะอย่างแรก คงต้องมีคนด่าเราว่า โง่ อย่างแน่นอน ตามมาด้วย คนสมน้ำหน้า

แต่ ณ ตอนนี้ หลังจากเวลาผ่านไปแล้วเกือบ 4 เดือน ก็เริ่มทำใจยอมรับคำด่าได้บ้าง และคิดว่า มันคงจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจ สำหรับคนขี้ใจอ่อน ขี้สงสารทุกคนได้

จขกท กับ นางสาว ต. รู้จักกันด้วยความบังเอิญเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว จากการที่ชอบ ศิลปินคนเดียวกัน
นางสาว ต. เป็นรุ่นพี่ แก่กว่าเราประมาณ 4 ปี ด้วยความที่มีความชอบเหมือนๆ กัน
เลยเจอกันบ่อย แล้วก็มีความสนิทสนมกันมากขึ้น จากการที่เจอกันเวลา ไปตามอีเว้นท์ของศิลปินที่เราชอบ
ก็กลายมาเป็นเพื่อนกัน มีนัดกินข้าว นัดไปเที่ยว และมีเหตุการณ์อื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เราได้สนิทกันมากขึ้น
กลายเป็นเหมือนเป็นพี่เป็นน้องกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือกันตลอด
ด้วยความสนิท เวลาที่ จขกท เดือนร้อน เช่น อุบัติเหตุรถชน ต้องเอารถเข้าซ่อม นางสาว ต. ก็เอารถที่บ้านมาให้ จขกท ใช้ ช่วงที่รถเข้าซ่อม เป็นต้น
จริงๆ มันมีอีกหลายๆ อย่างที่ทำให้รู้สึกว่า คนๆนี้ เป็นคนที่เราไว้ใจได้ เป็นเหมือน พี่สาว คนนึงที่หวังดีกับเรามาตลอด

ความสนิทระหว่างเรากับพี่เค้า ก็เพิ่มมากขึ้น ไปมาหาสู่กันเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว
ที่เรา เริ่มมีปัญหาชีวิต นางสาว ต. คนนี้ เป็นคนที่เราคอยปรึกษามาตลอด เรียกได้ว่า รู้ทุกเรื่อง ที่เกิดขึ้นกับเรา
ดังนั้ัน เหมือนเค้าเป็นที่พึ่งของเรา ในการให้คำปรึกษา ความสนิทระหว่างเราก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เราเริ่มเจอกันบ่อย สนิทกันมากขึ้น จนกระทั่งกลางปีที่แล้ว นางสาว ต. เริ่มมีการขอยืมเงินเรา

เนื่องจากว่า บ้านของ นางสาว ต. มีการทำกิจการ คล้ายๆ พ่อค้าคนกลาง คือรับอาหารทะเล จากแพ มาส่งให้ตามร้านอาหารต่างๆ
ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินให้กับ แพปลา เพื่อนำสินค้ามา แล้วส่งให้ร้านอาหาร แต่เวลาจะเก็บเงินจากร้านอาหาร จำเป็นต้องให้เครดิตในการจ่าย
ทำให้จำเป็นต้องมีการหมุนเงิน นางสาว ต. เริ่มจากการที่ ขอยืมเงินเรา ในหลักหมื่น โดยให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องเอามาหมุนก่อน
แล้วจะคืนให้ ในวันที่เท่านี้ๆ ซึ่งในตอนแรกๆ เค้าก็ขอยืมในหลักหมื่น แล้วก็คืนเราตามกำหนด
หลังจากการ การยืมเริ่มถี่ขึ้น เป็นราย 2สัปดาห์ 1 สัปดาห์ แต่ก็ยังคง คืนให้ตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้

เวลาเริ่มผ่านไปหลายเดือน นางสาว ต. ก็มีการยืมเงินแบบนี้ เรื่อยๆ แล้วก็เริ่มคืนไม่ตรงกำหนด ขยับไป วันสองวัน จนบางครั้งเป็นสัปดาห์
แต่ในที่สุด เราก็ยังคงได้เงินคืนตามปกติ จนกระทั่งประมาณ เดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว นางสาว ต. เริ่มขอยืมเงิน จากหลักหมื่น กลายเป็นหลักแสน
โดยตอนแรก เริ่มจาก 1 แสน โดยให้เหตุผลว่า มีน้องที่ออฟฟิศ ที่รู้จักกัน เดือดร้อน แม่เข้าโรงพยาบาล ลูกก็ป่วย จำเป็นต้องเอาเงินไปจ่ายโรงพยาบาล
นางสาว ต. เป็นหัวหน้างานน้องเค้าก็สงสาร อยากช่วย แต่หาเงินไม่ทันจริงๆ มาขอร้องให้ จขกท ช่วยหน่อย แล้วรับรองว่า ยังไงเงินก็คืนแน่นอน
เพราะ นางสาว ต. ไม่รู้ว่าจะ ไปหาเงินที่ไหนมาช่วยน้องเค้าเวลานั้น เพราะจำเป็นต้องจ่ายภายในคืนนั้น

บอกตามตรงว่า จขกท ไม่ได้เป็นคนที่มีเงินเก็บ เงินถุงเงินถัง แต่เนื่องจากว่า อาจจะมีเครดิตค่อนข้างดี
บัตรเครดิตจึงมีวงเงินค่อนข้างเยอะ สามารถถอนออกมาได้
ในคืนนั้น นางสาว ต. มาหา จขกท แล้วให้ช่วย เบิกเงินสดจากบัตรเครดิตให้ โดยให้ทำเรื่องผ่อนจ่ายกับธนาคารเป็นเวลา 3 เดือน
จขกท คงผิดเอง ที่เป็นคนโง่ เชื่อคนง่าย ก็เชื่อเค้า ก็ยอมช่วยเหลือโดยกดเงินสดจากบัตรเครดิตให้
หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป ก็ไม่มีปัญหาอะไร นางสาว ต. ก็ใช้เงินคืนทุกเดือน ตามกำหนด จนกระทั่งคืนธนาคารครบ
แต่ระหว่าง 3 เดือนที่ใช้เงินคืน ก็ยังคงมีการยืมเงินสดจาก จขกท เรื่อยๆ แล้วก็มีคืนดีเลย์บ้าง แต่โดยรวมก็ยังคงคืนครบ
จนหลังๆ การยืมเงินเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เป็นหลัก หลายแสน โดยเริ่มจากเรื่องช่วยน้องที่ออฟฟิศคนเดิม เกิดอุบัติเหตุเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน
มีปัญหา ไปยืมเงินกู้นอกระบบ มาจ่ายค่ารักษาพยาบาล ของที่บ้าน แล้วต้องไปคืนเงินเค้า นางสาว ต. อยากช่วย กลัวน้องจะโดนตามฆ่า
เอาจริงๆ จขกท ก็ไม่รู้ว่า ทำไมถึง โง่เชื่อคนง่ายได้ขนาดนั้น ก็เชื่อทุกอย่างที่ นางสาว ต. บอก
แต่โดยลึกๆ ในใจ แล้ว จขกท ไม่คิดว่า นางสาว ต. จะหายไปไหน
เพราะเรารู้จักบ้านเค้า รู้ว่าบ้านเค้าอยู่ไหน และบ้านเค้าอยู่กันหลายคน เป็นครอบครัวใหญ่ เฮ้ย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เค้ายืมไป เดี๋ยวเค้าก็คืน จากนั้น ก็เริ่มเป็นการ เอาบัตรเครดิต ไปรูดซื้อทอง แล้วก็ขายทอง เพื่อเอาเงินสดมาเข้าบัญชี นางสาว ต.
แล้ว นางสาว ต. ก้มีหน้าที่ผ่อนคืนเงินบัตรเครดิต ให้กับเรา เป็นแบบนี้ มาเรื่อยๆ
เหมือนเป็นการยืมเงินเราไป แล้วก็คืน แล้วก็มีการยืมใหม่ แล้วก็คืน
แต่หลังๆ เริ่มเป็นการ เหมือนยืมแล้วเราไม่ได้คืน เพราะพอคืนเงินเข้าบัตรเครดิตปุ๊บ นางสาว ต. ก็จะให้เราถอนมาใหม่

โดยช่วงหลังๆ ให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องเอาเงินไปหมุน กิจการแพปลา ที่บ้าน
เริ่มต้นจาก ขอยืมเป็นหลัก 3แสน ทำเรื่องผ่อน 6 เดือน แต่นางสาว ต. เริ่มคืนเงินช้าขึ้นๆ ช้าขึ้น จนเริ่มเกิดดอกเบี้ย กับธนาคารขึ้น
แต่ ระหว่างนั้น ก็ยังคงติดต่อ นางสาว ต. ได้เป็นปกติ และ นางสาว ต. ก็รับผิดชอบดอกเบี้ย ที่เกิดขึ้นทุกครั้ง

ในขณะที่เงิน 3แสน ก้อนแรก ยังคืนไม่หมด
ช่วงประมาณเดือน พฤศจิกายน นางสาว ต. ก็ขอความช่วยเหลือจากเราว่า
จำเป็นต้องใช้เงิน อีกประมาณ 3แสน ตอนนี้ ที่บ้านเดือนร้อนมาก หมุนเงินไปจ่ายแพปลาไม่ทัน
อยากให้ช่วย ทำเรื่องกู้ ธนาคารให้หน่อย โดยให้ทำเรื่อง คล้ายๆ เงินกู้ส่วนบุคคล และผ่อนจ่ายเป็นรายเดือน
เนื่องจากว่า นางสาว ต. ติดชื่อ ผ่อนบ้าน อยู่ 2 หลัง เป็นบ้านที่อยู่กันทั้งครอบครัว และคนในครอบครัว
ไม่มีใครทำงานประจำ จึงมีชื่อ นางสาว ต. คนเดียวที่ทำเรื่องกู้ได้ และนางสาว ต. ยังมีชื่อผ่อนรถอีก 1 คัน
ดังนั้นการทำเรื่อง กู้ธนาคารด้วยตัวเอง จึงทำไม่ได้

ณ ตอนนั้น จขกท เริ่มรู้สึกลำบากใจ กับการยืมเงินของ นางสาว ต. ถึงแม้จะคิดว่า เค้าไม่หนีไปไหนหรอก
แต่ก็เริ่มแอบกลัวในใจลึกๆ ว่าถ้าไม่ได้คืนล่ะ จึงตัดสินใจไปว่า ครั้งนี้จะช่วยครั้งสุดท้าย เพราะยอดที่ทำเรื่องกู้ใหม่ กับยอดเก่า
รวมๆ ดอกเบี้ยแล้ว ยอดเงินก็เกือบๆ 7แสน แล้วนะ นางสาว ต. รับทราบ และบอกว่า โอเค แล้วเข้าใจว่า จขกท ช่วยเค้ามาเยอะแล้ว
แต่ นางสาว ต. ยังคงต่อรองว่า ทำเรื่องกู้ ธนาคาร 2 อันพร้อมกันได้มั้ย เพราะว่า จะได้ยอดมาทีเดียว 6 แสน

เอาจริงๆ มั้ย ตอนนั้น จขกท คิดจะช่วยจริงๆ ทำเรื่องยื่นให้แล้ว แต่เรื่องไม่ผ่าน
ดีที่ผ่านแค่ ธนาคารเดียว ได้ยอดเงินมา 3แสน โดยรวมๆ แล้ว ตอนนี้ที่ นางสาว ต. ติดเงินเจ้าของกระทู้อยู่ ประมาณ 6-7 แสน
โดยเป็นเงินที่กู้มาจาก ธนาคารทั้งสิ้น แล้วเงินทั้งหมดก็ถูกอนุมัติ และโอนเข้าบัญชี นางสาว ต.
แต่ยอดก้อนสุดท้ายนี้ ไม่รู้ยังไง จขกท ขอให้ นางสาว ต. ลงลายมือชื่อ ยืนยันว่า มีการยืมเงินจาก จขกท เพื่อความสบายใจ

หลังจากการทำเรื่องกู้ยืมในเดือน พฤศจิกายน ผ่านไป การผ่อนก็เกิดขึ้นตามปกติ ในเดือน ธันวาคม
แต่การติดต่อ นางสาว ต. เริ่มยากขึ้น โดยมีข้ออ้างว่า อยู่ต่างจังหวัดบ้าง โทรศัพท์เสียบ้าง
จนมาเดือนมกราคม นางสาว ต. เริ่มไม่อ่านไลน์ แล้วบอกว่า ไลน์เจ๊ง ติดต่อทาง sms กับโทรศัพท์เท่านั้น

พอมาถึงสิ้นเดือนมกราคม นางสาว ต. เริ่มบอกว่า ไม่มีเงินคืนจริงๆ ขอเลื่อนเวลา การผ่อนชำระธนาคารได้มั้ย
โดยขอยืด เงิน 3แสน ก้อนแรก ให้ระยะเวลายาวขึ้น เป็น 18 เดือน ตอนนั้น จขกท เริ่มโกรธ นางสาว ต.
และเริ่มไม่คุย ไม่ติดต่อ กับ นางสาว ต. นอกจากเรื่องทวงเงิน ตามกำหนดธนาคาร

การติดต่อ กับ นางสาว ต. เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ จนมาในเดือน กุมภาพันธ์ ครั้งสุดท้าย ที่ จขกท ติดต่อนางสาว ต. ได้
คือวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ซึ่งวันนั้น นางสาว ต. ต้องเอาเงินมาคืน จขกท แต่ นางสาว ต. ขอเลื่อนเป็น พรุ่งนี้ คือ 27 กุมภาพันธ์
จนกระทั่ง เช้าวันที่ 27 กุมภาพันธ์ จขกท ไม่สามารถติดต่อ นางสาว ต. ได้อีกเลย เพราะ นางสาว ต. ปิดเครื่อง

จขกท เริ่มหวั่นใจ จนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นางสาว ต. ก็ยังคงไม่เปิดเครื่อง
จขกท ไลน์ไปหาเพื่อน นางสาว ต. เพื่อถามว่า ติดต่อ นางสาว ต. ได้มั้ย

บ่ายวันนั้น 28 กุมภาพันธ์ เพื่อนนางสาว ต. โทรกลับมาบอกว่า จขกท มีอะไรกับ นางสาว ต.
เพื่อนนางสาว ต. ถามว่า เรื่องเงินใช่มั้ย? ทำใจดีๆนะ นางสาว ต. หนีไปแล้ว
ลาออกจาก บริษัท แล้วก็ออกจากบ้านไปแล้ว ขับรถของน้า หนีไป

ตอนนั้น ความรู้สึก จขกท เหมือนโลกถล่มลงตรงหน้า นี่เราต้องใช้หนี้ 7แสนที่เกิดขึ้นหรอ?

นอกจากนั้น มีอีกหลายๆ สิ่งที่ จขกท รู้เพิ่มมากขึ้น
นางสาว ต. ไม่ได้ยืมเงินแค่ จขกท คนเดียว
เพื่อนๆ และคนรอบๆ ตัว ของนางสาว ต. ก็โดนเช่นกัน
เอาเท่าที่ จขกท ทราบ รวมๆ กันก็เกือบๆ 10 ล้านได้

และบ้าน ที่ นางสาว ต. บอกว่า เป็นชื่อ นางสาว ต. ไม่มีความจริงเลย บ้านนั้นเป็นชือญาติ และได้ผ่อนหมดเรียบร้อยแล้ว
ส่วนรถของ นางสาว ต. ก็ไม่ได้ติดผ่อน ผ่อนหมดนานแล้ว และรถก็เอาไปจำนองไว้นานแล้วด้วย

ซึ่ง นางสาว ต. ตอนนี้ ได้หาย อันตธาน ไปจาก สารบบ ไม่มีใครทราบว่าไปที่ไหน
ที่บ้านของ นางสาว ต. ก็ไม่มีใครรับผิดชอบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ที่บ้านไม่เกี่ยว
และเอาจริงๆ ไม่มีใครมีหลักฐาน ในการยืมเงินที่เกิดขึ้นเลย

ตอนนี้ จขกท ก็มีหน้าที่ทำเรื่องผ่อนใช้หนี้ที่เกิดขึ้น 7แสน กับธนาคาร ซึ่งระยะเวลาก้คงอีก 4-5 ปีถึงจะหมด
เหมือนต้องมารับกรรม ตกนรก ใช้หนี้กรรม ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ

เอาจริงๆ จขกท ก็ไม่รู้จะมาเล่าที่นีทำไม เพราะจริงๆ ก็รู้อยู่แล้ว ว่าผลรับคือ การถูกด่าว่าโง่
แต่แค่อยากให้เป็นอุทาหรณ์กับทุกคนว่า อย่าไว้ใจใครเรื่องเงิน แม้กระทั่งคนใกล้ตัว หรือแม้แต่ญาติกันก็ตาม
เพราะเงินไม่เข้าใครออกใคร และไม่รู้ว่า เค้าจะชักดาบเราเมื่อไหร่

และหากมีคนยืมเงินเรา อย่าทำให้มันเป็นความลับ เราควรคุยกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ด้วย
เพราะเรื่องนี้ หาก จขกท คุยกับเพื่อนๆคนอื่นๆ ก็คงจะรุ้แล้ว ว่า นางสาว ต. ได้ยืมเงินคนอีกหลายคน
และก่อนหน้านี้ นางสาว ต. ก็ได้ยืมเงินเพื่อนอีกกลุ่มนึง แต่กลุ่มนั้ันได้เงินคืนแล้ว
ซึ่งคาดว่า ก็คงเป็นเงินที่ยืม จากกลุ่มเพื่อน จขกท นี่เอง เหมือนเป็นการหมุนเงินคืนไปเรื่อยๆ
และถ้า จขกท คุยกับคนอื่นๆ จขกท ก็จะทราบอีกว่า นางสาว ต. ได้ยืมเงินจากคนที่ จขกท รู้จักอีกหลายคน
เป็นลักษณะการยืมไปหมุนเช่นกัน แต่ยืมแล้วคืนช้า ทวงยาก ติดต่อยาก

หวังว่า เรื่องนี้คงจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนใจอ่อน อีกหลายๆ คน ว่าเรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร
อย่าทำให้มันเป็นเรื่องเล็ก เพราะสุดท้าย แล้วมันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคุณเอง

ตอนนี้ จขกท อยากจะตามตัว นางสาว ต. ให้กลับมารับใช้กรรม ที่เค้าก่อขึ้นกับทุกๆ คน
แต่ จขกท ก็จนปัญญาว่าจะทำยังไง ก็คงต้องรับกรรมที่ตัวเองโง่ให้เค้ายืมเงิน ต่อไปเรื่อยๆ
นี่คิดอยู่ ถ้าเอารูปบัตรประชาชน นางสาว ต. มาโพสต์ ประจานนี่ จะผิดกฎหมายมั้ย!!!

ขอบคุณที่อ่านในสิ่งที่ จขกท อยากระบาย จนมาถึงบรรทัดนี้ค่ะ
ใครอยากแชร์ หรืออยากออกความเห็นอะไร จขกท น้อมรับนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่