อุ๊ยตายว๊ายกรี๊ด! อะไรที่มันเป็นธรรมชาติมันก็โอกว่าอยู่แล้ว เหมือนอย่างวันนี้ เราจะพาท่านผู้ชมไปพักผ่อนกับโรงแรม hy Resort ในซอยสุขุมวิท 3 (ศรีโพธิ์) ถนนสุขุมวิท ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหาดบางแสนแห่งนี้บรรยายกาศของที่นี่สวยเด่นดูเป็นธรรมชาติเอามากๆเลยละค่ะ แถมยังมีแนวคิดในการออกแบบก่อสร้างที่สุดจะกิ๊บเก๋! ซึ่งคุณเมธี คุณเจริญ ที่เป็นทั้งเจ้าของ วิศวกรและผู้ออกแบบในตัวคนเดียวเบ็ดเสร็จ ได้เล่าที่มาที่ไปให้ฟังว่า..
" โดยพื้นฐานผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ชอบความเป็นธรรมชาติ แล้วผมก็เรียนทางด้านวิศวะ ก็คิดว่ามันสามารถจะผสมผสานกันได้ ผมชอบทำงาน Art มันส์ๆ เลยอยากทำงานศิลปะด้าน Engineering ซึ่งในเมืองไทยมีให้เห็นให้สัมผัสน้อย แล้วเราก็อยากแสดงความเป็นตัวตนของเราออกมาด้วย ก็มาลงเอยที่การทำรีสอร์ต เพราะเป็นงานศิลปะแบบ Full Scale ที่เราสามารถทำได้เองทั้งหมดอาคาร แล้วผมชอบอะไรที่ไม่ Fake ปรุงแต่งน้อยที่สุด เพราะการปรุงแต่งจะทำให้เบื่อเร็ว แต่ถ้าเป็นงานจากธรรมชาติ จะสวยตามกาลเวลา ปีนี้สวยแบบนี้ ปีหน้าสวยไปอีกแบบหนึ่ง เราจะพยายามเน้นแบบนั้น
ที่นี่เราเล่นกับวัสดุค่อนข้างเยอะผมว่างาน Engineering ก็สามารถโชว์ความเป็น Art ได้ ทำไมต้องไปปิดมัน เราเอามาโชว์ให้เห็นเลย แล้วเราต้องการ Reuse วัสดุที่ไม่ใช่เป็นเศษเก่านะ แต่เป็นเศษสั้นเศษยาวที่เขาไม่ใช้แล้ว เราสามารถเอามาใช้ได้ คือผมมองทุกอย่างเป็นธรรมชาติหมด โครงสร้างที่นี่ก็เป็นเศษเหล็ก มีทั้งเหล็กหลัก เหล็กรอง เหล็กเสริมพิเศษซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เหล็กที่ยาวมาก แต่ใช้ยาวพอสมควร คือเราไม่จำเป็นต้องไปซื้อเส้นยาวเส้นเต็มแล้วเอามาตัดให้มันสั้น เราก็ไปหาตามร้านขายของเก่า ไปซื้อเศษ แล้วก็เลือกใช้เอาตามขนาดที่เหมาะสม อย่างรั้วนี่เป็นเศษเหล็กหมดเลยเหมือนกัน เราไปซื้อมาเป็นท่อนแล้วก็มาตัด เหมือนเป็นการใช้ทรัพยากรให้ได้ประโยชน์สูงสุด จริงๆ ถ้าเราไม่เอามาใช้ เขาก็นำไปหลอมใหม่ แต่เราเอามาใช้ได้ มันก็ OK เลย "
โรงแรมแห่งนี้จึงเกิดมาจากหนึ่งสมองของคุณเมธี อย่างแท้จริง...
“ ตอนก่อสร้างมีคนมาดูเยอะ เขาไม่เข้าใจว่าเราทำอะไร เขาไม่เคยเห็น เหมือนเป็นงานปั้นบ้านขึ้นมา เป็นงาน Art ที่ใช้ได้จริง จะเขียนออกมาเป็นแบบก็ไม่ได้ เพราะมัน 3 มิติที่ขบกันมาก เพียงแต่เรารู้เพราะทุกอย่างมันอยู่ในหัวสมองเราหมดแล้ว ต้องอาศัยตอนก่อสร้างทำขึ้นมาจึงจะเห็น พอทำโครงสร้างนี้เสร็จ รู้เลยว่าทำไมงานสมัยก่อนถึงได้วิจิตรมาก เพราะในสมัยก่อน คนออกแบบคือวิศวกรและสถาปนิกในตัว แล้วผมทำเอง ซื้อของเอง เป็นผู้รับเหมาเอง วางแผนทำอะไรเองหมดทุกอย่าง ส่วนช่างที่ใช้นั้น จริงๆแล้วเป็นใครก็ได้ เพราะเป็นงานที่หลุด ช่างจะนึกภาพไม่ออก เขาไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร เขานึกไม่ออกเลยว่าหน้าตามันจะออกมาอย่างไร ก็บอกทำไปเหอะ เหมือนทำงานแบบหลับตาทำ ปั้นไปเรื่อยๆ เป็นการปั้นแบบไม่มี Pattern อย่างเป็นทางการ มีเลื้อยๆ มีเข้าๆออกๆ ผมก็ต้องมาดูมาคุมเองทุกวัน เพราะเผลอไม่ได้นะ ถ้าเผลอแล้ว ช่างจะทำเป๊ะทันที เราก็ เฮ้ย! มันเป๊ะเกินไป ไม่เอา ทำจนถึงหลังคาน่ะ ช่างเขาถึงเกือบนึกภาพออก ”
สำหรับคุณเมธีแล้ว บ้านจะสวยอย่างแท้จริงได้ก็ด้วยมือของเราเอง..
“ เบื้องต้นเราจ้องรู้ก่อนเลยว่าเราชอบอะไร เพราะแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน แล้วจัดไปตามสิ่งที่เราชอบ สมมุติเรายังนึกไม่ออก ก็อาจจะดูรูปตัวอย่างเอาไม่จำเป็นต้องไปจ้างหรือไปจัดในสิ่งที่คนอื่นนำเสนอ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่ได้มานั้น มันอาจจะไม่เข้ากับสถานที่ พื้นที่ และเราไม่ชอบมันจริงๆก็ได้ แล้วก็อย่าใจร้อน ค่อยๆเป็นค่อยๆไป จะซื้อของต้องชอบจริงๆ แล้วค่อยซื้อ ไม่ต้องเยอะ เยอะแล้วไม่สวย มันแย่งความสวยกันไปหมด ไม่มีอะไรเด่นสักอย่าง กลายเป็นไม่น่าอยู่เรียกง่ายๆ จัดจากจินตนาการให้ดูเป็นธรรมชาติ เพราะธรรมชาติมันสวยอยู่แล้ว ”
hy Resort ย่านบางแสน
เมื่อวิศวะมาทำ Boutique Hotel มันจะเป็นอย่างไรกันละเนี้ยค่ะ
อุ๊ยตายว๊ายกรี๊ด! อะไรที่มันเป็นธรรมชาติมันก็โอกว่าอยู่แล้ว เหมือนอย่างวันนี้ เราจะพาท่านผู้ชมไปพักผ่อนกับโรงแรม hy Resort ในซอยสุขุมวิท 3 (ศรีโพธิ์) ถนนสุขุมวิท ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหาดบางแสนแห่งนี้บรรยายกาศของที่นี่สวยเด่นดูเป็นธรรมชาติเอามากๆเลยละค่ะ แถมยังมีแนวคิดในการออกแบบก่อสร้างที่สุดจะกิ๊บเก๋! ซึ่งคุณเมธี คุณเจริญ ที่เป็นทั้งเจ้าของ วิศวกรและผู้ออกแบบในตัวคนเดียวเบ็ดเสร็จ ได้เล่าที่มาที่ไปให้ฟังว่า..
" โดยพื้นฐานผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ชอบความเป็นธรรมชาติ แล้วผมก็เรียนทางด้านวิศวะ ก็คิดว่ามันสามารถจะผสมผสานกันได้ ผมชอบทำงาน Art มันส์ๆ เลยอยากทำงานศิลปะด้าน Engineering ซึ่งในเมืองไทยมีให้เห็นให้สัมผัสน้อย แล้วเราก็อยากแสดงความเป็นตัวตนของเราออกมาด้วย ก็มาลงเอยที่การทำรีสอร์ต เพราะเป็นงานศิลปะแบบ Full Scale ที่เราสามารถทำได้เองทั้งหมดอาคาร แล้วผมชอบอะไรที่ไม่ Fake ปรุงแต่งน้อยที่สุด เพราะการปรุงแต่งจะทำให้เบื่อเร็ว แต่ถ้าเป็นงานจากธรรมชาติ จะสวยตามกาลเวลา ปีนี้สวยแบบนี้ ปีหน้าสวยไปอีกแบบหนึ่ง เราจะพยายามเน้นแบบนั้น
ที่นี่เราเล่นกับวัสดุค่อนข้างเยอะผมว่างาน Engineering ก็สามารถโชว์ความเป็น Art ได้ ทำไมต้องไปปิดมัน เราเอามาโชว์ให้เห็นเลย แล้วเราต้องการ Reuse วัสดุที่ไม่ใช่เป็นเศษเก่านะ แต่เป็นเศษสั้นเศษยาวที่เขาไม่ใช้แล้ว เราสามารถเอามาใช้ได้ คือผมมองทุกอย่างเป็นธรรมชาติหมด โครงสร้างที่นี่ก็เป็นเศษเหล็ก มีทั้งเหล็กหลัก เหล็กรอง เหล็กเสริมพิเศษซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เหล็กที่ยาวมาก แต่ใช้ยาวพอสมควร คือเราไม่จำเป็นต้องไปซื้อเส้นยาวเส้นเต็มแล้วเอามาตัดให้มันสั้น เราก็ไปหาตามร้านขายของเก่า ไปซื้อเศษ แล้วก็เลือกใช้เอาตามขนาดที่เหมาะสม อย่างรั้วนี่เป็นเศษเหล็กหมดเลยเหมือนกัน เราไปซื้อมาเป็นท่อนแล้วก็มาตัด เหมือนเป็นการใช้ทรัพยากรให้ได้ประโยชน์สูงสุด จริงๆ ถ้าเราไม่เอามาใช้ เขาก็นำไปหลอมใหม่ แต่เราเอามาใช้ได้ มันก็ OK เลย "
โรงแรมแห่งนี้จึงเกิดมาจากหนึ่งสมองของคุณเมธี อย่างแท้จริง...
“ ตอนก่อสร้างมีคนมาดูเยอะ เขาไม่เข้าใจว่าเราทำอะไร เขาไม่เคยเห็น เหมือนเป็นงานปั้นบ้านขึ้นมา เป็นงาน Art ที่ใช้ได้จริง จะเขียนออกมาเป็นแบบก็ไม่ได้ เพราะมัน 3 มิติที่ขบกันมาก เพียงแต่เรารู้เพราะทุกอย่างมันอยู่ในหัวสมองเราหมดแล้ว ต้องอาศัยตอนก่อสร้างทำขึ้นมาจึงจะเห็น พอทำโครงสร้างนี้เสร็จ รู้เลยว่าทำไมงานสมัยก่อนถึงได้วิจิตรมาก เพราะในสมัยก่อน คนออกแบบคือวิศวกรและสถาปนิกในตัว แล้วผมทำเอง ซื้อของเอง เป็นผู้รับเหมาเอง วางแผนทำอะไรเองหมดทุกอย่าง ส่วนช่างที่ใช้นั้น จริงๆแล้วเป็นใครก็ได้ เพราะเป็นงานที่หลุด ช่างจะนึกภาพไม่ออก เขาไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร เขานึกไม่ออกเลยว่าหน้าตามันจะออกมาอย่างไร ก็บอกทำไปเหอะ เหมือนทำงานแบบหลับตาทำ ปั้นไปเรื่อยๆ เป็นการปั้นแบบไม่มี Pattern อย่างเป็นทางการ มีเลื้อยๆ มีเข้าๆออกๆ ผมก็ต้องมาดูมาคุมเองทุกวัน เพราะเผลอไม่ได้นะ ถ้าเผลอแล้ว ช่างจะทำเป๊ะทันที เราก็ เฮ้ย! มันเป๊ะเกินไป ไม่เอา ทำจนถึงหลังคาน่ะ ช่างเขาถึงเกือบนึกภาพออก ”
สำหรับคุณเมธีแล้ว บ้านจะสวยอย่างแท้จริงได้ก็ด้วยมือของเราเอง..
“ เบื้องต้นเราจ้องรู้ก่อนเลยว่าเราชอบอะไร เพราะแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน แล้วจัดไปตามสิ่งที่เราชอบ สมมุติเรายังนึกไม่ออก ก็อาจจะดูรูปตัวอย่างเอาไม่จำเป็นต้องไปจ้างหรือไปจัดในสิ่งที่คนอื่นนำเสนอ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่ได้มานั้น มันอาจจะไม่เข้ากับสถานที่ พื้นที่ และเราไม่ชอบมันจริงๆก็ได้ แล้วก็อย่าใจร้อน ค่อยๆเป็นค่อยๆไป จะซื้อของต้องชอบจริงๆ แล้วค่อยซื้อ ไม่ต้องเยอะ เยอะแล้วไม่สวย มันแย่งความสวยกันไปหมด ไม่มีอะไรเด่นสักอย่าง กลายเป็นไม่น่าอยู่เรียกง่ายๆ จัดจากจินตนาการให้ดูเป็นธรรมชาติ เพราะธรรมชาติมันสวยอยู่แล้ว ”