สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
ตัวอื่นผมไม่สงสัยนะ ALTIS กับ CIVIC นี่ไม่สงสัยเลย หรือ CAMRY กับ ACCORD ก็ไม่สงสัย
แต่ที่ผมสงสัยคือ ทำไม VIOS ขายสู้ CITY ไม่ได้ เพราะเจ้า 2 รุ่นนี้ เป็นคู่กัดกันตั้งแต่สมัย 1995 สมัยยังใช้ชื่อ SOLUNA อยู่นั่นเหละ
จะมีแค่ช่วงตอนปี 2014 ที่ CITY เปิดตัว CITY ใหม่ ที่อัดออฟชั่นซะเต็มพิกัด ไม่ว่าจะ ระบบควบคุมการทรงตัวเอย ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันเลย ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเอย ขนาด VIOS ตัวท็อป ณ ตอนนั้นยังไม่มีให้สักอย่าง แต่ก็จำได้ว่า ยอดขาย CITY ขึ้นนำ VIOS อยู่เพียงระยะนึงเท่านั้น แล้ว VIOS ก็แซงกลับมาได้เหมือนกัน และก็ใช้เทคนิคลดราคา
แต่พอมาวันนี้ ถ้าดูตัวล่างนะ ระหว่าง VIOS J 609,000 กับ CITY S CVT 589,000 ซึ่งแน่นอนว่า ราคา VIOS สูงกว่า แต่กลับให้ส่วนลดระดับ 50,000 บาทเลยนะครับ ซึ่ง เบ็ดเสร็จ VIOS J ลดเหลือ 559,000 ในขณะที่ CITY ไม่มีส่วนลดใด ๆ เลย ทำให้ ราคา VIOS หลังให้ส่วนลดแล้ว ถูกกว่า CITY
แล้วพอมาดูที่ออฟชั่น (ผมเทียบเฉพาะตัวล่างสุดนะ คือ VIOS J กับ CITY S CVT)
VIOS มีเหล็กกันโคลงหลังให้ทุกรุ่นตั้งแต่รุ่นล่างสุด ในขณะที่ CITY ไม่มีเหล็กกันโคลงหลังให้สักรุ่น
VIOS ตัวล่างให้ยางขนาด 185/60R15 ในขณะที่ CITY ตัว S V V+ ก็ยังให้ยางขนาดเพียง 175/65R15
ฺVIOS วงเลี้ยวแคบกว่า ที่ 5.1 เมตร ในขณะที่ CITY วงเลี้ยว 5.3 เมตร
VIOS มีกระจกข้างไฟฟ้าพร้อมพับไฟฟ้า + ไฟเลี้ยว ให้ตั้งแต่รุ่นล่างสุด แต่ CITY รุ่นล่างสุด ไม่พับไฟฟ้า และ ไม่มีไฟเลี้ยวที่กระจกข้างในรุ่น S V V+
VIOS ให้เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ตำแหน่งในทุกรุ่น ในขณะที่ CITY ให้เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด แค่ 4 ตำแหน่ง และแบบ 2 จุด 1 ตำแหน่ง
แต่ทีนี้ ถ้าเป็นการเทียบรุ่นอื่นที่ไม่ใช่รุ่นล่างสุดนะ ผมกลับมองว่า CITY ให้เยอะกว่า เช่น มี ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง มี CRUISE CONTROL ในขณะที่ VIOS ตัว S ซึ่งเป็นรุ่นท็อป ก็ไม่มีออฟชั่นที่ว่า
หรือ ระบบ SMART KEY และ PUSH START อันนี้ VIOS ให้แค่ตัวท็อป กับราคารถที่ 789,000 ในขณะที่ CITY นั้น รุ่น V ราคาเพียง 649,000 ก็มีให้แล้ว ซึ่งอันนี่ ผมว่า งกไปนะ
ผมว่า ปัจจุบัน ลักษณะนิสัยการเลือกซื้อรถของลูกค้า น่าจะเปลี่ยนไปจากในอดีต ซึ่งจากในอดีตที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตนั้น หรือมีแล้ว แต่ยังไม่มีพวกคลิปทดสอบหรือบทความอะไรก็ตามแต่ให้เปรียบเทียบ ลูกค้าจะเข้าไปที่โชว์รูมก่อน เพื่อศึกษา ดูรถ ลองขับ หรือเอาโบรชัวร์มาเทียบแล้วค่อยซื้อ ซึ่ง มันก็เลยมีผลกับ กลยุทธ์ลดราคา ทำให้ลูกค้าตัดสินใจ ณ ตอนนั้นเลย เช่น ลดกันไปเลย 50,000 บาท อะไรแบบนี้
แต่ปัจจุบัน มันอาจไม่ใช่แบบนั้นคือ ลูกค้า แทบจะหาข้อมูลหมดแล้ว และเห็นราคาจากเในเว็บแล้ว และแทบจะตัดสินใจจากบ้านแล้วว่าจะซื้อคันไหน ดังนั้น เขาเลยเลือกที่จะตัดสินใจก่อนแล้วเข้าไปที่โชว์รูมนั้น ก็คือ คันที่เขาตัดสินใจซื้ออยู่แล้วนั่นเหละ โดยที่แทบจะไม่ลังเลเลยว่า ยี่ห้อคู่แข่งจะมีส่วนลดให้ไหม
ผลมันเลยเป็นอย่างที่เห็น
แต่ที่ผมสงสัยคือ ทำไม VIOS ขายสู้ CITY ไม่ได้ เพราะเจ้า 2 รุ่นนี้ เป็นคู่กัดกันตั้งแต่สมัย 1995 สมัยยังใช้ชื่อ SOLUNA อยู่นั่นเหละ
จะมีแค่ช่วงตอนปี 2014 ที่ CITY เปิดตัว CITY ใหม่ ที่อัดออฟชั่นซะเต็มพิกัด ไม่ว่าจะ ระบบควบคุมการทรงตัวเอย ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันเลย ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเอย ขนาด VIOS ตัวท็อป ณ ตอนนั้นยังไม่มีให้สักอย่าง แต่ก็จำได้ว่า ยอดขาย CITY ขึ้นนำ VIOS อยู่เพียงระยะนึงเท่านั้น แล้ว VIOS ก็แซงกลับมาได้เหมือนกัน และก็ใช้เทคนิคลดราคา
แต่พอมาวันนี้ ถ้าดูตัวล่างนะ ระหว่าง VIOS J 609,000 กับ CITY S CVT 589,000 ซึ่งแน่นอนว่า ราคา VIOS สูงกว่า แต่กลับให้ส่วนลดระดับ 50,000 บาทเลยนะครับ ซึ่ง เบ็ดเสร็จ VIOS J ลดเหลือ 559,000 ในขณะที่ CITY ไม่มีส่วนลดใด ๆ เลย ทำให้ ราคา VIOS หลังให้ส่วนลดแล้ว ถูกกว่า CITY
แล้วพอมาดูที่ออฟชั่น (ผมเทียบเฉพาะตัวล่างสุดนะ คือ VIOS J กับ CITY S CVT)
VIOS มีเหล็กกันโคลงหลังให้ทุกรุ่นตั้งแต่รุ่นล่างสุด ในขณะที่ CITY ไม่มีเหล็กกันโคลงหลังให้สักรุ่น
VIOS ตัวล่างให้ยางขนาด 185/60R15 ในขณะที่ CITY ตัว S V V+ ก็ยังให้ยางขนาดเพียง 175/65R15
ฺVIOS วงเลี้ยวแคบกว่า ที่ 5.1 เมตร ในขณะที่ CITY วงเลี้ยว 5.3 เมตร
VIOS มีกระจกข้างไฟฟ้าพร้อมพับไฟฟ้า + ไฟเลี้ยว ให้ตั้งแต่รุ่นล่างสุด แต่ CITY รุ่นล่างสุด ไม่พับไฟฟ้า และ ไม่มีไฟเลี้ยวที่กระจกข้างในรุ่น S V V+
VIOS ให้เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ตำแหน่งในทุกรุ่น ในขณะที่ CITY ให้เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด แค่ 4 ตำแหน่ง และแบบ 2 จุด 1 ตำแหน่ง
แต่ทีนี้ ถ้าเป็นการเทียบรุ่นอื่นที่ไม่ใช่รุ่นล่างสุดนะ ผมกลับมองว่า CITY ให้เยอะกว่า เช่น มี ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง มี CRUISE CONTROL ในขณะที่ VIOS ตัว S ซึ่งเป็นรุ่นท็อป ก็ไม่มีออฟชั่นที่ว่า
หรือ ระบบ SMART KEY และ PUSH START อันนี้ VIOS ให้แค่ตัวท็อป กับราคารถที่ 789,000 ในขณะที่ CITY นั้น รุ่น V ราคาเพียง 649,000 ก็มีให้แล้ว ซึ่งอันนี่ ผมว่า งกไปนะ
ผมว่า ปัจจุบัน ลักษณะนิสัยการเลือกซื้อรถของลูกค้า น่าจะเปลี่ยนไปจากในอดีต ซึ่งจากในอดีตที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตนั้น หรือมีแล้ว แต่ยังไม่มีพวกคลิปทดสอบหรือบทความอะไรก็ตามแต่ให้เปรียบเทียบ ลูกค้าจะเข้าไปที่โชว์รูมก่อน เพื่อศึกษา ดูรถ ลองขับ หรือเอาโบรชัวร์มาเทียบแล้วค่อยซื้อ ซึ่ง มันก็เลยมีผลกับ กลยุทธ์ลดราคา ทำให้ลูกค้าตัดสินใจ ณ ตอนนั้นเลย เช่น ลดกันไปเลย 50,000 บาท อะไรแบบนี้
แต่ปัจจุบัน มันอาจไม่ใช่แบบนั้นคือ ลูกค้า แทบจะหาข้อมูลหมดแล้ว และเห็นราคาจากเในเว็บแล้ว และแทบจะตัดสินใจจากบ้านแล้วว่าจะซื้อคันไหน ดังนั้น เขาเลยเลือกที่จะตัดสินใจก่อนแล้วเข้าไปที่โชว์รูมนั้น ก็คือ คันที่เขาตัดสินใจซื้ออยู่แล้วนั่นเหละ โดยที่แทบจะไม่ลังเลเลยว่า ยี่ห้อคู่แข่งจะมีส่วนลดให้ไหม
ผลมันเลยเป็นอย่างที่เห็น
แสดงความคิดเห็น
ยอดขายรถ Toyota ช่วงปีนี้ทำไมถึงขายได้น้อยกว่าคู่แข่งทั้ง Isuzu และ Hodna ติดต่อกันหลายเดือน
แต่ตอนนี้คือ ยอดขาย Honda + Isuzu รวมกันนำ Toyota ไปเยอะมาก
ในตลาดรถนั่งมีแค่ กลุ่ม Eco car เท่านั้นที่ Yaris ครองตลาด
แต่กลุ่ม B-Segment ตอนนี้ vios หล่นไปที่ 4 แพ้ แจ็ส(ยอดพุ่งเพราะเพิ่งไมเนอร์) แพ้ซิตี้ มาสด้า2 และยอดขายรวม 6 เดือนปีนี้ ก็แพ้ซิตี้ไม่เห็นฝุ่น
กลุ่ม C-Segment ยิ่งผูกขาดเพราะตั้งแต่ Civic เปิดตัวมาก็ยอดขายเป็นที่ 1 มาตลอด 1 ปีกว่า ขนาด Altis minor change เพิ่มถุงลมให้ 7 ใบก็ไม่ช่วยอะไร ยอดขายแพ้ Civic ทุกเดือนเดือนละหลายร้อยคัน !
D-Segment ยอดขายสูสี แต่ยอดรายเดือนส่วนใหญ่ Accord ก็ยังชนะ และยอดปีนี้ Accord ก็ขายดีกว่า Camry
ส่วน CRV ใหม่ยอดขายก็แตะระดับเดือนละ 2 พันกว่าคันแซงหน้า Fortuner ไปแล้ว (รถอเนกประสงค์เหมือนกันแต่จริง ๆ แล้วคนละ Segment )
ในกลุ่มรถกระบะ ตอนนี้ Revo ก็มาเพลี่ยงพล้ำถูก D-max ทำยอดขายแซงไปได้หลายเดือนในปีนี้ และยอดขายทั้งปีถึงตอนนี้ Revo แพ้ D-max ไปถึงหมื่นกว่าคัน !
มันเกิดอะไรขึ้นกับค่ายเบอร์ 1 อย่าง Toyota ?