มันไม่หมู! ของ “หมู-ณัฐชัย ศรีสุวรรณ” บนเส้นทางลูกหนัง

มันไม่หมู! ของ “หมู-ณัฐชัย ศรีสุวรรณ” บนเส้นทางลูกหนัง


DST : Exclusive มันไม่หมู! ของ “หมู ณัฐชัย ศรีสุวรรณ” คือเรื่องราวฉากชีวิตของปีกความเร็วสูงปรี๊ด... ของบางกอกกล๊าส เอฟซี “หมู-ณัฐชัย” ที่มันไม่หมูจริงๆ แม้กระทั่งตั้งแต่เขาคิดจะนำพาตัวเองเข้าสู่ถนนสายลูกหนัง!


กับผลงานส่วนตัวที่ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ กอปรกับการย้ายทีมของปีกรุ่นพี่อย่าง “จักรพันธ์ พรใส” ทำให้หมูได้รับความไว้วางใจจาก “ออเรลิโอ วิดมาร์” ผู้จัดการทีม ให้ลงสนามเป็นตัวจริงมากขึ้น ซึ่งในฤดูกาลนี้เจ้าตัวซัดไปแล้ว 2 ประตู บวกอีก 2 แอสซิสต์
“หมู” ในวัย 23 ปี เริ่มเล่าถึงความไม่หมู! กับถนนสายลูกหนังของเขาว่า “แน่นอว่าแฟนบอลจะเห็นสิ่งที่ผมโดดเด่นมากในเกม คือ การทำความเร็วในไล่บอล และจังหวะรุกทำเกมที่พุ่งไปด้วยความเร็ว ซึ่งการฝึกฝนจุดนี้ผมต้องยกประโยชน์ให้กับการเป็นนักกรีฑาสมัยที่เรียน ชั้น ม.1 ที่โรงเรียนเทศบาล 5 วัดเกาะกลาง จ.สระบุรี แม้กรีฑาจะเป็นกีฬาที่ผมไม่ชอบ เพราะต้องซ้อมเยอะ แต่เมื่อลงแข่งขันแล้วใช้เวลานิดเดียว อีกทั้งไม่มีเพื่อนร่วมทีม แต่การฝึกซ้อมตอนนั้นทำให้ผมมีฝีเท้าและพัฒนาต่อยอดในเกมฟุตบอลได้อย่างดี”


ผมต้องสู้กับความไม่ชอบในกีฬากรีฑาอยู่พอสมควร โดดซ้อมเพื่อแอบไปเล่นบอลเป็นประจำ จนเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งปี วันหนึ่งผมเดินไปขออาจารย์กรีฑา บอกอาจารย์ตรงๆ ว่า ผมไม่ชอบเล่นกรีฑา ขอไปเล่นฟุตบอล ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับอาจารย์พักใหญ่ แต่ด้วยความมุ่งมั่น และตั้งใจแน่วแน่ ในที่สุด อาจารย์ก็ปล่อยให้ไปเล่นฟุตบอล และในปีนั้นเอง ผมได้ทำผลงานให้ทีมโรงเรียนคว้าเหรียญเงินจากการแข่งระดับภาค
จาก “นักบอลโรงเรียน” มาสู่เส้นทาง “นักบอลอาชีพ” หมู เล่าว่า เป็นเพราะมีโอกาสได้เข้าแข่งขันฟุตบอลนักเรียน ที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง กทม. ซึ่งตอนนั้น อาจารย์สกล เกลี้ยงประเสริฐ โค้ชโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ได้เห็นฝีเท้าที่ว่องไว และมุ่งมั่นในเกมของผม จึงติดต่อผ่านอาจารย์ที่โรงเรียนเทศบาล5 เพื่อขอตัวผมให้ไปเล่นให้ทีมโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี


“ตอนที่เรียนที่สุรศักดิ์มนตรี ทำให้ผมรู้ว่า เกมฟุตบอลที่แท้จริงเป็นอย่างไร เพราะเกมแข่งขันแม้จะเป็นระดับโรงเรียน แต่คือที่รวมดาวเยาวชนทีมชาติ พอผมได้วัดฝีเท้ากับคนเก่งๆ ทำให้ ผมรู้ตัวเองว่าต้องทำอย่างไรกับตัวเอง ทั้งการพัฒนาทักษะ และ ฝีเท้า ซึ่งอาจารย์สกล เปรียบเหมือนทุกอย่างที่คอยสอน แม้จะดุ หรือมีมาตรการฝึกซ้อมที่เคี่ยวเข็ญ แต่ทั้งหมด คือ การสอนให้ผมต้องอดทน ต้องมีสมาธิกับเกม เวลาผมโดนดุ แม้จะซึมไปบ้าง แต่ทั้งหมดคือข้อบกพร่องที่อาจารย์เขาเตือน ฝึกให้เราแข็งแกร่งเพื่อสู้กับทีมเก่งๆได้”
ในที่สุด ถนนสายนักบอลอาชีพก็เปิดไฟทางให้ “หมู” ได้โลดแล่นตั้งแต่เรียนจบชั้น ม.6 เริ่มต้นที่ “สโมสรฟุตบอลจังหวัดเพชรบุรี” ที่จับตัวเซ็นต์สัญญา 2 ปี ในตำแหน่งกองหน้าหลังเรียนจบ ม.6 ต่อด้วย สโมสรสมุทรสาคร อีก 3 ปี ตำแหน่งปีก และล่าสุด คือ “สโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส เอฟซี”


“ผมดีใจที่ผมมีโอกาสเล่นฟุตบอลในระดับอาชีพ ผมจำได้ว่าในวันที่ได้รับค่าเหนื่อยก้อนแรก 15,000บาท ตอนที่อยู่ สโมสรเพชรบุรี ผมให้แม่ทั้งหมด และหลังจากนั้นเมื่อใช้เงินเป็นก็ซื้อของให้ตัวเอง ชิ้นแรกที่ซื้อ คือ รองเท้าสตั๊ด ยี่ห้อไนกี้ รุ่น เมอร์คิวเรียล สีขาว ราคา 6,000 บาท ซึ่งถือว่าแพงมาก แต่ผมก็ภูมิใจ เพราะที่ผ่านมาผมใช้รองเท้าคู่ละพันถึงสามพันบาทเท่านั้น”
กับสโมสรต้นสังกัด “กระต่ายแก้ว – บางกอกกล๊าส เอฟซี” นั้น “หมู” ยอมรับว่าเป็น สโมสรฟุตบอลที่ไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสร่วมทีม เพราะเป็นสโมสรฟุตบอลที่ใหญ่ และมีผลงานดี แต่เมื่อได้รับโอกาส เขาจึงทำผลงานให้ดี เพื่อตอบแทนความวางใจ และหวังว่าในสักวันจะพา “สโมสรบางกอกกล๊าส” คว้าถ้วยแชมป์


“ในทีมบีจี รุ่นพี่ในทีมดูแล และเอ็นดูผมอย่างดี คอยบอก คอยสอนอยู่ตลอด ยอมรับว่าตอนที่รู้ว่าจะได้ลงแข่งนัดแรกกับ ทีมซุปเปอร์ พาวเวอร์ สมุทรปราการนั้น ผมตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับ แต่ผมผ่านมาได้เพราะรุ่นพี่ช่วยให้คลายความตื่นเต้น และสอนให้เน้นการครองบอล อย่าให้เสีย เกมนั้นแม้ผมเป็นตัวสำรอง ได้ลงเล่น 5 นาที แต่ผลของเกมนั้น คือ บีจีชนะ ซุปเปอร์พาวเวอร์ฯ มาได้ จากนั้นในเกมสำคัญๆ อย่าง เจอกับทีมสุพรรณบุรีเอฟซี, ทีมแบงค็อก ยูไนเต็ด ผมมีโอกาสได้ลงเล่นเยอะขึ้น และลงเล่นฐานะตัวจริงด้วยในเกมใหญ่ๆ“


แน่นอนว่าความสำเร็จของ “หมู” ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงลำพัง หมู บอกว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ส่วนหนึ่งที่มีผลมากคือ ครอบครัว “ศรีสุวรรณ” ที่ผลักดันให้ผมก้าวขึ้นสู่จุดที่เขาคาดหวัง เพราะตั้งแต่สมัยเรียนที่ จ.สระบุรี ก็มี “พ่อ” ที่คอยรับ-ส่ง จากบ้านกับโรงเรียน และยอมให้เขาซ้อมบอลจนดึก โดยไม่เคยว่า แต่พอวันหนึ่ง ที่ “พ่อ” ไม่อยู่ดูความสำเร็จของลูกชาย ผู้เป็นแม่ก็สานต่อพลังใจนั้นต่อ


“ครอบครัวและญาติๆ ของผมจะตามดูการแข่งขันเกือบทุกนัด ที่มีการแข่งขันใกล้ๆ บ้าน ผมจะออกค่าตั๋วให้ครอบครัวทุกคน แม่ของผมจะคอยดู หากวันไหนเห็นผมเล่นบอลเฉื่อยๆ จะโทรมาให้กำลังใจ และเป็นแบบนี้มาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งการยกครอบครัวเกือบ 10 ชีวิตมาให้กำลังใจถึงขอบสนาม ทำให้เพื่อนร่วมทีมเอาไปแซว ว่า จองอัฒจันทร์ให้บ้านหมูนั่งเชียร์ทั้งฝั่งเลย 555 ยิ้ม
มาต่อกันที่ “นักฟุตบอลในดวงใจ” ปีกตัวจี๊ด แห่งทีมบีจี ยกให้ “บอล- จักรพันธ์ พรใส” และ “ลีซอ- ธีรเทพ วิโนทัย” แห่งทีมแข้งเทพ – แบงค็อก ยูไนเต็ด

“ผมชอบพี่เขาทั้ง 2 คน เพราะเล่นบอลเก่ง คล่องแคล่ว สิ่งที่ผมเรียนรู้จากทักษะของพี่เขา คือ การพาบอลหนีคู่ต่อสู้ แม้จะอยู่ในพื้นที่แคบ ผมพยายามฝึกและพัฒนาตัวเองให้เก่งแบบพี่เขา ซึ่งพี่ลีซอ ผมมีโอกาสได้ลงแข่งด้วย ยอมรับว่าเพิ่มความศรัทธาในตัวพี่เขามากขึ้น และผมจะเก็บพี่เขาไว้เป็นแรงบันดาลใจของผมเสมอ”

ด้วยฝีเท้าความคล่องแคล่วและความมุ่งมั่น ครั้งหนึ่ง “หมู” ถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุด ยู19 แต่กลับไม่ได้แข่งขันเพราะทางรายการแข่งขันมีปัญหาทางเทคนิค วินาทีที่รู้ข่าวเศร้า “หมู” บอกว่า เสียใจ เพราะเกือบจะมีโอกาสสวมชุดแข่งทีมชาติอยู่แล้ว แต่จากวันนั้น มาถึงวันนี้ หมู ยังทุ่มซ้อมเพื่อพิสูจน์ตัวเอง และทำมาตรฐานฝีเท้าให้มีความสม่ำเสมอ เผื่อสักวันโอกาสรับใช้ชาติ จะมาเคาะหน้าประตูบ้านอีกครั้ง
----
เรื่องโดย BLACK SUGAR

ยังมีเรื่องราวนอกสนามอีกมามายที่ ทุกท่านสามารถติดตามได้ที่  https://www.facebook.com/dailysoccerthailand/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่