ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์มีการแชร์ข้อความจากเฟซบุ๊ก
เสกสม แจ้งจิต ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก เปิดใจกรณีการเข้าไปทำข่าวหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากเจ้าของโกดังข้าว คลังวรโชติ 2 ต.ยี่ล้น อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ว่าข้าวของโกดังที่เก็บอยู่มีคุณภาพดี แต่ถูกตีเป็นข้าวเกรดต่ำ หรือข้าวอุตสาหกรรม ขายเป็นอาหารสัตว์ โดยระบุว่า
ทำไมเลือกทำข่าว “ ตรวจสอบขายข้าวสารเป็นอาหารสัตว์ ที่ จ.อ่างทอง ”
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การเลือกทำข่าวตรวจสอบขายข้าวสารเป็นอาหารสัตว์ คลังวรโชติ 2 ต.ยี่ล้น อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ถูกโยงเข้าไปร่วมกับประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะในคดีรับจำนำข้าวที่กำลังพิจารณาคดีกันอยู่ขณะนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แต่ละคนจะคิดกันไป แต่ถามว่าทำไมผมเลือกทำข่าวชิ้นนี้ ทั้งที่มันเสี่ยงมาก เพราะจะถูกมองว่าเข้าข้างอีกฝ่าย
ผมได้รับการร้องเรียนจาก
อิศราภรณ์ หรือ
ส้ม เจ้าของคลังวรโชติ 2 เมื่อราวต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมกับเอกสาร และหลักฐานทั้งภาพนิ่ง คลิปวิดีโอ และเอกสารการร้องเรียนหลายแห่ง เรื่อง การตีข้าวในคลังที่อยู่ในความรับผิดชอบของเธอเป็นข้าวเกรด C และประมูลขายเป็นอาหารสัตว์ ผมใช้เวลาตรวจสอบอยู่ราว 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะเริ่มมีการขนย้ายข้าวกลางเดือน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่จะมีการนัดสืบพยานนัดสุดท้ายในคดีรับจำนำข้าว กับแหล่งข่าวในพื้นที่อีกหลายคน เพื่อยืนยันให้ได้ว่าเจ้าของคลังข้าวแห่งนี้ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใดจริงและไม่มีการเมืองแอบแฝง เพราะในสถานการณ์แบบนี้มันสุ่มเสี่ยงมากที่จะถูกโยงไปเรื่องการเมือง
เมื่อได้ข้อมูลครบจึงเริ่มปรึกษาหัวหน้างาน ว่า ขอทำเรื่องนี้เพราะน่าสนใจมาก ที่สำคัญแหล่งข่าวคนนี้ก็ไม่ได้หวังผลทางการเมืองใดๆ และก็อธิบายสาเหตุจนหัวหน้างานเข้าใจ โดยที่หัวหน้างานผมยังไม่รู้ว่าจะออกมาแนวใหน เพราะผมแจ้งไปแค่ว่า
“เรื่องนี้น่าสนใจ ต้องช่วยชาวนา และคนที่กำลังจะเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว และก็ยังไม่รู้จริงๆ เค้าผิดตามที่มีการแจ้งว่า ข้าวเสื่อมคุณภาพหรือไม่ ”
ผมลงพื้นที่วันจันทร์ ที่ 24 กรกฎาคม 2560 ถามว่าเพราะอะไร ทำไมไม่ลงตั้งแต่วันที่มีการขนข้าววันแรก ก็เพราะว่า
1.สัปดาห์ก่อนเป็นการแถลงปิดคดีนัดสุดท้ายในโครงการรับจำนำข้าว แน่นอนว่าถ้าลงพื้นที่ตรวจสอบในช่วงนั้น ถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมืองแน่นอน ผมจึงเลือกทำหลังการแถลงปิดคดีเสร็จสิ้น
2.ถ้าลงพื้นที่ตรวจสอบวันแรกคงไม่ได้อะไรมาก เพราะหากข้าวเสื่อมคุณภาพจริง มันต้องเสื่อมทั้งกอง โดยเฉพาะกองด้านใน ยิ่งต้องเสื่อมสภาพมากที่สุด จากการกองทับกันและการระบายอากาศ
3.ผมสอบถาม
ส้ม ว่าการขนย้ายข้าวกองที่มีปัญหาจะสิ้นสุดเมื่อใด ส้ม ตอบว่าน่าจะไม่เกินวันที่ 25 กรกฎาคม นี้ เพราะข้าวเหลือไม่มาก
4.ทำไมไม่ทำหลังศาลตัดสินคดีทุจริตรับจำนำข้าว ก็เพราะว่าข้าวกองที่ถูกระบุว่า เสื่อมคุณภาพจะไม่เหลือให้ตรวจสอบ เพราะจุดประสงค์ของผมคือ ตรวจสอบกองที่ถูกระบุว่า เสื่อมคุณภาพ
5.ผมเลือกที่จะลงพื้นที่ทันทีวันที่ 24 กรกฎาคม 60 แบบเงียบๆ โดยไม่บอกใคร กับทีมงานอีก 3 คน เพราะต้องให้ทุกคนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายทุกขั้นตอน ตั้งแต่เข้าจนกว่าจะเสร็จกระบวนการทำงานและกลับออกมา เพราะแน่นอนว่าเราจะหนีไม่พ้นเรื่องการประทะ และอาการไม่พอใจ
เมื่อพบ
ส้ม ก็รู้ได้ถึงหัวอกคนทำธุรกิจที่กำลังจะเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว เพราะสีหน้า แววตา ของเธอ พี่สาว และแม่ เศร้ามาก ยิ่งได้คุยข้อมูลลึกๆ กับผู้หญิงวัย 28 ปี ก็บ่งบอกได้อย่างดีว่า เค้าไม่มีเรื่องการเมืองแน่นอน
การเข้าไปตรวจสอบครั้งนี้ ผมไม่ได้ต้องการทำลาย / ทำร้ายใคร หรือจับผิดใคร เพียงแต่ต้องการเปิดเผยข้อเท็จจริงจากแหล่งข่าวที่ได้ร้องเรียน เพื่อให้เกิดการตรวจสอบจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะสิ่งที่
ส้ม ย้ำเสมอ คือ
นอกจากตัวเค้าจะเสียหายแล้ว ชาวนา และรัฐ เองก็จะเสียหายจากโครงการนี้ด้วย
การใช้ FB ส่วนตัวของผม เป็นพื้นที่กลางเปิดเผยข้อมูล ก็เป็นเพียงเพื่อให้สังคมรับรู้ในการทำหน้าที่ ณ เวลานั้น แล้วให้คนที่รับข้อมูลพิจารณากันเอง เพราะจะเห็นได้ว่าช่วงที่มีการเผยแพร่ข้อมูล ผมถามย้ำกับส้ม หลายครั้งเพื่อให้ ส้ม ตอบ และสิ่งสำคัญ แววตากับท่าทาง และสีหน้า ส้ม จะบอกได้ดีว่ามันมีการเมืองเข้ามาหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุด ผมไม่ได้ต้องการเป็นฮีโร่ ไม่ได้ต้องการดัง หรือแม้แต่กระทั่งการเพิ่มยอดไลค์ เพราะจุดประสงค์ของผมคือ ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนเผยแพร่สู่สาธารณะ
ขอบคุณ
แยม ฐาปณีย์ เอียดศรีไชย ข่าว 3 มิติ
Thapanee Ietsrichai /
PPTV และ
VOICE TV ที่เห็นคุณค่าข่าวจากพื้นที่เล็กๆ บนหน้า FB ส่วนตัวผม และไปตรวจสอบด้วยตัวเอง และต้องขอบคุณสื่อทุกคนทุกสำนักที่สนใจข่าวนี้ จนทำให้เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป
ขอบคุณ พี่
จตุรงค์ สุขเอียด ที่เข้ามาให้กำลังใจ เพราะผมก็มีพี่เป็น IDOL และต้องขอบคุณทุกๆ คน ด้วยครับ
คราวนี้อยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ เพราะผมไม่สามารถชี้นำใครได้ ทำได้อย่างเดียวคือ นำเสนอข้อเท็จจริงจากพื้นที่ เพราะผมเป็นสื่อของรัฐ ไม่สามารถบิดพลิ้วข้อมูลใดๆ ได้
หมายเหตุ ผมต้องขอโทษนะครับว่า ถ้าข่าวนี้ไปทำให้ใครเดือดร้อน แต่ก็ขอให้รู้ว่าผมไม่มีเจตนาทำลาย / ทำร้าย หรือจับผิดใคร ในสถานการณ์เช่นนี้
“ หากเจ้าได้เป็นพระยา ขี่ช้างงา อย่าลืมฮักชาวนา คนขี่หลังควาย ”
เสกสม แจ้งจิต 27 กรกฎาคม 2560
ทั้งนี้หลังผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว โพสต์ข้อความเปิดใจ ได้มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจำนวนมาก เข้าไปให้กำลังใจอีกด้วย
JJNY : นักข่าวเปิดประเด็นโกดังข้าว เปิดใจ ยันทำหน้าที่รายงานความจริง-ไม่อยากให้โยงการเมือง
ทำไมเลือกทำข่าว “ ตรวจสอบขายข้าวสารเป็นอาหารสัตว์ ที่ จ.อ่างทอง ”
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การเลือกทำข่าวตรวจสอบขายข้าวสารเป็นอาหารสัตว์ คลังวรโชติ 2 ต.ยี่ล้น อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ถูกโยงเข้าไปร่วมกับประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะในคดีรับจำนำข้าวที่กำลังพิจารณาคดีกันอยู่ขณะนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แต่ละคนจะคิดกันไป แต่ถามว่าทำไมผมเลือกทำข่าวชิ้นนี้ ทั้งที่มันเสี่ยงมาก เพราะจะถูกมองว่าเข้าข้างอีกฝ่าย
ผมได้รับการร้องเรียนจาก อิศราภรณ์ หรือส้ม เจ้าของคลังวรโชติ 2 เมื่อราวต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมกับเอกสาร และหลักฐานทั้งภาพนิ่ง คลิปวิดีโอ และเอกสารการร้องเรียนหลายแห่ง เรื่อง การตีข้าวในคลังที่อยู่ในความรับผิดชอบของเธอเป็นข้าวเกรด C และประมูลขายเป็นอาหารสัตว์ ผมใช้เวลาตรวจสอบอยู่ราว 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะเริ่มมีการขนย้ายข้าวกลางเดือน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่จะมีการนัดสืบพยานนัดสุดท้ายในคดีรับจำนำข้าว กับแหล่งข่าวในพื้นที่อีกหลายคน เพื่อยืนยันให้ได้ว่าเจ้าของคลังข้าวแห่งนี้ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใดจริงและไม่มีการเมืองแอบแฝง เพราะในสถานการณ์แบบนี้มันสุ่มเสี่ยงมากที่จะถูกโยงไปเรื่องการเมือง
เมื่อได้ข้อมูลครบจึงเริ่มปรึกษาหัวหน้างาน ว่า ขอทำเรื่องนี้เพราะน่าสนใจมาก ที่สำคัญแหล่งข่าวคนนี้ก็ไม่ได้หวังผลทางการเมืองใดๆ และก็อธิบายสาเหตุจนหัวหน้างานเข้าใจ โดยที่หัวหน้างานผมยังไม่รู้ว่าจะออกมาแนวใหน เพราะผมแจ้งไปแค่ว่า “เรื่องนี้น่าสนใจ ต้องช่วยชาวนา และคนที่กำลังจะเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว และก็ยังไม่รู้จริงๆ เค้าผิดตามที่มีการแจ้งว่า ข้าวเสื่อมคุณภาพหรือไม่ ”
ผมลงพื้นที่วันจันทร์ ที่ 24 กรกฎาคม 2560 ถามว่าเพราะอะไร ทำไมไม่ลงตั้งแต่วันที่มีการขนข้าววันแรก ก็เพราะว่า
1.สัปดาห์ก่อนเป็นการแถลงปิดคดีนัดสุดท้ายในโครงการรับจำนำข้าว แน่นอนว่าถ้าลงพื้นที่ตรวจสอบในช่วงนั้น ถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมืองแน่นอน ผมจึงเลือกทำหลังการแถลงปิดคดีเสร็จสิ้น
2.ถ้าลงพื้นที่ตรวจสอบวันแรกคงไม่ได้อะไรมาก เพราะหากข้าวเสื่อมคุณภาพจริง มันต้องเสื่อมทั้งกอง โดยเฉพาะกองด้านใน ยิ่งต้องเสื่อมสภาพมากที่สุด จากการกองทับกันและการระบายอากาศ
3.ผมสอบถาม ส้ม ว่าการขนย้ายข้าวกองที่มีปัญหาจะสิ้นสุดเมื่อใด ส้ม ตอบว่าน่าจะไม่เกินวันที่ 25 กรกฎาคม นี้ เพราะข้าวเหลือไม่มาก
4.ทำไมไม่ทำหลังศาลตัดสินคดีทุจริตรับจำนำข้าว ก็เพราะว่าข้าวกองที่ถูกระบุว่า เสื่อมคุณภาพจะไม่เหลือให้ตรวจสอบ เพราะจุดประสงค์ของผมคือ ตรวจสอบกองที่ถูกระบุว่า เสื่อมคุณภาพ
5.ผมเลือกที่จะลงพื้นที่ทันทีวันที่ 24 กรกฎาคม 60 แบบเงียบๆ โดยไม่บอกใคร กับทีมงานอีก 3 คน เพราะต้องให้ทุกคนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายทุกขั้นตอน ตั้งแต่เข้าจนกว่าจะเสร็จกระบวนการทำงานและกลับออกมา เพราะแน่นอนว่าเราจะหนีไม่พ้นเรื่องการประทะ และอาการไม่พอใจ
เมื่อพบ ส้ม ก็รู้ได้ถึงหัวอกคนทำธุรกิจที่กำลังจะเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว เพราะสีหน้า แววตา ของเธอ พี่สาว และแม่ เศร้ามาก ยิ่งได้คุยข้อมูลลึกๆ กับผู้หญิงวัย 28 ปี ก็บ่งบอกได้อย่างดีว่า เค้าไม่มีเรื่องการเมืองแน่นอน
การเข้าไปตรวจสอบครั้งนี้ ผมไม่ได้ต้องการทำลาย / ทำร้ายใคร หรือจับผิดใคร เพียงแต่ต้องการเปิดเผยข้อเท็จจริงจากแหล่งข่าวที่ได้ร้องเรียน เพื่อให้เกิดการตรวจสอบจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะสิ่งที่ ส้ม ย้ำเสมอ คือ นอกจากตัวเค้าจะเสียหายแล้ว ชาวนา และรัฐ เองก็จะเสียหายจากโครงการนี้ด้วย
การใช้ FB ส่วนตัวของผม เป็นพื้นที่กลางเปิดเผยข้อมูล ก็เป็นเพียงเพื่อให้สังคมรับรู้ในการทำหน้าที่ ณ เวลานั้น แล้วให้คนที่รับข้อมูลพิจารณากันเอง เพราะจะเห็นได้ว่าช่วงที่มีการเผยแพร่ข้อมูล ผมถามย้ำกับส้ม หลายครั้งเพื่อให้ ส้ม ตอบ และสิ่งสำคัญ แววตากับท่าทาง และสีหน้า ส้ม จะบอกได้ดีว่ามันมีการเมืองเข้ามาหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุด ผมไม่ได้ต้องการเป็นฮีโร่ ไม่ได้ต้องการดัง หรือแม้แต่กระทั่งการเพิ่มยอดไลค์ เพราะจุดประสงค์ของผมคือ ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนเผยแพร่สู่สาธารณะ
ขอบคุณ แยม ฐาปณีย์ เอียดศรีไชย ข่าว 3 มิติ Thapanee Ietsrichai / PPTV และ VOICE TV ที่เห็นคุณค่าข่าวจากพื้นที่เล็กๆ บนหน้า FB ส่วนตัวผม และไปตรวจสอบด้วยตัวเอง และต้องขอบคุณสื่อทุกคนทุกสำนักที่สนใจข่าวนี้ จนทำให้เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป
ขอบคุณ พี่ จตุรงค์ สุขเอียด ที่เข้ามาให้กำลังใจ เพราะผมก็มีพี่เป็น IDOL และต้องขอบคุณทุกๆ คน ด้วยครับ
คราวนี้อยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ เพราะผมไม่สามารถชี้นำใครได้ ทำได้อย่างเดียวคือ นำเสนอข้อเท็จจริงจากพื้นที่ เพราะผมเป็นสื่อของรัฐ ไม่สามารถบิดพลิ้วข้อมูลใดๆ ได้
หมายเหตุ ผมต้องขอโทษนะครับว่า ถ้าข่าวนี้ไปทำให้ใครเดือดร้อน แต่ก็ขอให้รู้ว่าผมไม่มีเจตนาทำลาย / ทำร้าย หรือจับผิดใคร ในสถานการณ์เช่นนี้
“ หากเจ้าได้เป็นพระยา ขี่ช้างงา อย่าลืมฮักชาวนา คนขี่หลังควาย ”
เสกสม แจ้งจิต 27 กรกฎาคม 2560
ทั้งนี้หลังผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว โพสต์ข้อความเปิดใจ ได้มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจำนวนมาก เข้าไปให้กำลังใจอีกด้วย