#ยาวมาก ไร้สาระ อยากระบาย
# ประสบการณ์ขับรถเป็น10ปี ไม่เคยล้ม ชน หรือ เกิดอุบัติเหตุ ซักครั้ง มาปีนี้ ในระยะเวลา 12เดือน หรือ 1ปี ผมรถล้ม 4ครั้ง ---- หัวปี กลางปี ท้ายปี ---- มันทำให้ผมรู้สึกท้อ หมดหนทาง และ เศร้า ไม่มีกำลังใจ หรือ ความสุข เหมือนขาด.................... อะไรซักอย่างที่.. พูดให้ใครฟัง ก็ไม่มีใครเข้าใจ
.
# รถคันนี้เป็นรถคันแรกของผม Cbr250r ----- ผมเป็นคนชอบรถบิ๊กไบค์ครับ (ต่อให้ 250cc มันยังไม่เรียกว่าบิ๊กไบค์ก็เถอะ) ชอบบิ๊กไบค์เพราะมัน สวย เท่ มีเสน่ห์ ไม่ได้ชอบที่ความเร็ว หรือ ท๊อปสปีด ของมัน ถ้าผมมีรถ 100cc แล้วเอามาแต่ง ดัดแปลงใหม่ ให้เหมือน ให้สวยเหมือนรุ่นใหญ่ๆ อย่างพันซีซี เสียงเพราะๆแบบ 4สูบ ได้แบบนั้น แค่เครื่อง 100cc ผมก็เอาครับ เพราะไม่ได้ชอบความเร็วจริงๆ " เข้าใจผมมะ " >>> เคยเถียงกับคนในที่ทำงานทีนึง เค้าบอกว่า (ถ้าไม่ได้ชอบความเร็ว ละออกรถมาทำห่าอะไรตั้ง 250cc) <<< ผมให้คำอธิบายว่า คันที่ผมเอามา มันจัดโปรโมชั่นลดราคา ดาวน์ถูก(คิดเงินผ่อน รวมเงินดาวน์ ทั้งหมดแล้ว ถูกกว่าตัว150ซะอีก) เพราะมันเหลือคันสุดท้ายของร้าน ละก็พูดเหมือนข้างบน ถ้าดัดแปลงได้ เครื่อง 100cc ก็เอาครับ <<<
.
#เข้าเรื่องเลยละกัน
.
# ครั้งที่1 ล้มเมื่อวันที่ 7ส.ค.59 ช่วงนั้นเป็นเวลา 00.00น. ผมพักเที่ยง (เข้างานกะดึก) ช่วงพักผมก็ได้ขับรถออกมาข้างนอก มาหาไรกิน ขับรถมาด้วยความเร็วปกติ 60-70กม./ชม. ขากลับเข้าที่ทำงาน ก่อนจะล้ม ล้อหน้าขับไปเหยียบเข้ากับก้อนหิน ทำให้สบัดและล้มสไลด์ไปกับพื้นถนน (ไม่มีชุดป้องกัน มีแต่ชุดพนักงานแต่ใส่หมวกกันน็อค) " นี้คือครั้งแรกในชีวิตที่เกิดอุบัติเหตุ " ล้มเองไม่มีคู่กรณี หรือ ทำให้ใครเดือดร้อน เพราะถนนโล่งมาก พอดีพี่ที่ทำงานเดียวกันขับตามหลังมาเจอพอดี ก็เลยช่วยไว้
- พี่ที่มาช่วย เค้าถามผมว่า ไปโรงบาลมั้ย --- แต่..เหมือนผมบ้า ห่วงรถ ห่วงเบี้ยขยัน กลัวจะเสียเบี้ยขยัน เลยบอกเค้าไปว่า ไม่ไปครับ ไปห้องพยาบาลที่ทำงานก็พอ แล้วผมจะเข็นรถไปเอง(กลัวรถหาย) --- แถวนั้นมันก็ไกล้ถึงที่ทำงานแล้วก็เลยเลือกที่จะเข็นรถไปแทนที่จะจอดทิ้งไว้ ที่ต้องเข็นไป เพราะรถขับไม่ได้ เกียร์มันหัก
- ถึงห้องพยาบาล ทำแผลเสร็จ ผมก็มาทำงานต่อ คนในที่ทำงาน วนเข้ามาถาม เป็นไงบ้าง บลาๆๆๆ (ได้แผลที่ท้อง ใหญ่พอสมควร ข้อศอก หัวเข่า มือ นิ้วมือ สรุปคือ หนักพอควร) แต่ผมก็ยังบ้าไปนั่งทำงานต่อ ที่สำคัญ ผมไม่ได้หยุดงานด้วย เพราะยังไม่มีลาพักร้อน(ทำงานยังไม่ถึงปี) ก็ดันทุรังไปทำงานอย่างงั้นแหละ
- หลังรถล้มมา ผมคิดทุกวันเลย เอาเงินใหนมาซ่อมรถ (ด้วยความที่ล้มครั้งแรก ก็กลัวมันจะซ่อมแพง อะไรเป็นไงมั้ง เรื่องรถผมไม่ค่อยรู้เรื่องหร๊อก) ก็พูดให้กับเพื่อน พี่ ที่ทำงานถึงเงินซ่อมรถ หลายคนก็บอกว่า รถซ่อมเมื่อไหร่ก็ได้ ตัวเองไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว ไปห่วงรถมันทำไม ห่วงตัวเองก่อนเถอะ
- ช่วงไม่มีรถขับ จอดทิ้งไว้ห้อง ผมรู้สึกโครตลำบากเลย ไม่มีรถไปทำงาน ตอนไป นั่งวินบ้าง ไป-กลับ 160บาท รอพ่อมารับบ้าง เกือบสายทุกวัน ขากลับ อาศัยเพื่อนบ้าง(แต่เป็นคนขี้เกรงใจ ขี้อาย คิดมาก หลังๆก็เลยไม่ค่อยได้กลับด้วย) ต้องมานั่งรอพ่อเลิกงาน เพราะเลิกงานไม่ตรงกัน บางทีผมเลิกงาน ตี5 หรือ 5โมง พ่อเลิกงานก็ 8โมง หรือ 2ทุ่ม รู้สึกทรมานโครตๆ เหนื่อยอยากกลับไวๆก็ต้องรอ มีธุระไปใหนมาใหน ก็ลำบาก
- ผ่านไป2เดือน เก็บตังซ่อมรถได้เกือบ 100% เอาออกมาขับได้ ก็ดีใจละ ถึงยังไม่สมบูรณ์ก็เถอะ #ดีใจที่มันกลับมา
.
# หลังจากผ่านมันมาได้ ผมใช้ชีวิตปกติมาเรื่อยๆ .... แต่ไม่ทันไร หลังซ่อมรถมาได้ประมาณ 2เดือน ผมก็เกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง
.
# ครั้งที่2 ล้มเมื่อวันที่ 28ธ.ค.59 (ก่อนปีใหม่ไม่กี่วัน และ " ไปเที่ยว 23 24 25 26 ธ.ค.59 ที่โคราชกับแฟน2คน กลับจากเที่ยวมาได้ 2วัน ก็ล้มเลยจ้าต้อนรับปีใหม่ ^^") ตอนนั้นบ่ายๆหน่อย ผมจะขับรถไปทำธุระบ้านปู่ จากที่ผมอยู่ไปบ้านปู่ ห่างกัน 10กิโล ผมขับรถไปด้วยความเร็วประมาณ 70-90กม./ชม. ขับล้นเส้นขาวเลนมอไซค์มานิดหน่อย นิดเดียวจริงๆ มีเข้าเลนมอไซค์บ้าง เวลารถหลังจะแซง และ มีออกเลนรถยนต์บ้าง เวลาเราจะแซง -- ขับๆไป อยู่ๆก็มีหมา วิ่งตัดหน้ารถ (คือในสายตาผมมองเห็นไกลๆแล้ว เห็นมีหมากลุ่มนึงมันจะกัดกัน แต่ไม่คิดว่าจะมีหมาที่ถูกไล่ วิ่งข้ามถนนมาตัดหน้ารถผม กระทันหัน ผมเบรคไม่ทัน) ผมชนเข้าเต็มๆ รถตีลังกาล้ม ผมกลิ้งไปกับถนน (ใส่หมวก มีชุดป้องกัน) รู้สึกตัวลุกขึ้นมาได้ อย่างแรกเลยคือ ผมห่วงรถ วิ่งไปที่รถ เช็คสภาพแล้วสบดออกมาว่า เห้...เอ้ย ซ่อมรถอีกแล้ว พร้อมกับคิดในใจว่า เป็นไงบ้างลูก พ่อพาล้มอีกแล้ว " ในหัวผมไม่ได้โทษที่หมามันมาตัดหน้ารถผมเลยซักนิด แต่ผมโทษตัวเองที่ ขับรถประมาท " ก็ได้แผลมาเหมือนกัน แขนซ้าย หัวเข่าซ้าย เจ็บหัวเข่าเดินไม่ค่อยได้ ครั้งนี้เจ็บไม่มากเท่าไหร่
- ล้มครั้งนี้ผมก็ห่วงรถเหมือนเดิม เพราะครั้งนี้รถเจ็บหนักพอสมควร แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกไม่หนักใจเท่าไหร่ เพราะมีเงินเหลือเก็บ +กับเงินโบนัส ของผมกับแฟน ก็เลยเอามาซ่อม ให้มันกลับมาใช้ได้ไวๆ แต่ครั้งนี้ผมกับแฟนก็คุยกันแล้วแหละว่า จะไม่ซ่อมให้เป็นเหมือนเดิม ใหนๆก็เปลี่ยนเยอะแล้ว ก็แต่งไปเลยละกัน ทุ่มเงินซ่อม +แต่งรถ หมดคราวนี้ ประมาณ 35,000บาท ใช้เวลาซ่อม +รออะไหล่ รอของแต่ง ประมาณเดือนกว่าๆ ก็ซ่อมเสร็จ
- หลังจากซ่อมเสร็จ ... มันมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ผมรู้สึกว่าผมผูกพันกับรถของผมมากขึ้น ไม่ใช่แค่ผมแต่แฟนผมด้วยที่รู้สึกเหมือนกัน มันเหมือนมีชีวิต มันเหมือนลูกของผม ลูกจริงๆเหมือนคนเลย ละด้วยความที่ แต่งหน้าให้ลูกชายผมใหม่ หน้าตามันเหมือน ตัวละตรการ์ตูนตัวนึงที่แฟนผมชอบมาก และแฟนผมเป็นคนตั้งชื่อให้เค้า ชื่อว่า "เขี้ยวกุด" ยิ่งมีชื่อ มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า มันคือรถ ที่ไม่ใช่รถ ยิ่งผูกพันเหมือนมันมีชีวิตมากขึ้นไปอีก และหลังจากตั้งชื่อนี้มา ผมก็ไม่เคยเรียกมันว่ารถอีกเลย จะเรียกว่า เขี้ยวกุด เขี้ยวกุด เขี้ยวกุด ตลอด เช่น ผมบอกแฟนว่า "เขี้ยวกุด" จอดอยู่ตรงนั้น ตรงนี้นะ หรือ แฟนถามว่า "เขี้ยวกุด" จอดอยู่ใหน ประมาณนี้ ^^
.
# มีความสุขกับลูกชายได้ประมาณ เดือนกว่าๆเกือบ2เดือน ผมก็ต้องมาเจอกับปัญหาเดิมอีก
.
# ครั้งที่3 ล้มเมื่อวันที่ 14มี.ค.60 ช่วงเย็นๆหน่อย 5โมงกว่าๆ เป็นช่วงเลิกงาน กำลังขับรถกลับห้อง ช่วงเลิกงานรถจะเยอะมากครับ แน่นอนขับเร็วมากๆไม่ได้ ก่อนเกิดอุบัตเหตุผมขับอยู่ที่ 65-75กม./ชม. ขับอยู่ไหลทาง ขับไปปกติเหมือนจะไม่มีอะไร แต่...ซักพักก็เรื่องก็มาหา ... อยู่ๆก็มีรถเก๋งคันนึง ขับมาไวมาก ช่วงกำลังจะแซงรถผมไป อยู่ๆเค้าก็เบรคกระทันหัน แล้วก็เบี่ยงรถของเค้ามาเบียดผม เค้าเบี่ยงรถเข้าไหล่ทางมาเบียดรถผม ผม..ด้วยความตกใจ และกลัวชน เลยเบี่ยงรถหลบตกไหล่ทาง และ ตอนนั้นเองผมทรงตัวไม่ได้ รถเป๋ สบัด และ ทำให้ผมชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทาง (ในเหตุการณ์นั้นผมคิดว่า รถเก๋งมาด้วยความเร็ว แล้วพยายามจะแซงซ้าย แซงขวา แต่พอมาถึงจุดๆนี้ เค้าไม่มีที่จะแซงขึ้น +กับรถคันหน้าเค้าขับไม่เร็ว รถเก๋งเลยเบรค และ กลัวจะชน เลยเบี่ยงรถตัวเองเข้าไหล่ทาง) ครั้งนี้ก็มีหลายคนเข้ามาช่วย เพราะมีแต่คนเลิกงาน ส่วนรถเก๋งคู่กรณี ก็หนีไป !
- อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ผมได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่จะปวดเมื่อย ฟกช้ำมากกว่า แต่สิ่งนึงที่ผมห่วงคือ "เขี้ยวกุด" ----- ครั้งนี้เขี้ยวกุดต้องซ่อมหลายอย่าง พอๆกับครั้งที่สอง
- ผมรู้สึกสงสารเขี้ยวกุดมาก เห็นสภาพรถแล้วทำให้ผมร้องไห้เลย ละครั้งนี้ทำให้ผมเครียดมากพอสมควร เพราะผมไม่มีเงินพอจะซ่อมมัน เวลาไม่มีมัน ผมรู้สึกลำบากและเป็นภาระคนอื่นมากๆ
- แต่ด้วยความที่อยากให้มันกลับมาไวๆ และ ไกล้จะถึงวันเกิดผม ตัวแฟนเอง และผมเอง ก็อยากจะไปเที่ยวกันในวันเกิดของผม 1พ.ค. ผมก็เลยได้คุยกับแฟน แฟนก็เห็นด้วย ตกลงกันว่า จะกู้เงินมาซ่อมมัน --- กว่าจะหากู้กว่าจะขอกู้ได้ ก็ยากมาก ผมหากู้เงินนอกระบบในโรงงาน กับคนที่(แค่รู้จักกันในที่ทำงาน ไม่ได้สนิทกัน "เค้าเป็นรองหัวหน้า" ธรรมดาปล่อยเงินกู้อยู่แล้ว) ผมกู้เงินเค้ามา 40,000บาท โดยให้บัตร ATM กับ สมุดบัญชี ไว้กับเค้า ดอกร้อยละ10 จ่ายดอกเดือนละ4,000(ลดลงตามเงินต้นที่ลด) เงินต้นเท่าไหร่ก้ได้ จ่ายลดต้น ลดดอก "โดยที่ผมคิดกับแฟนว่า มีเงินจะมาโปะ หรือ รอโบนัสสิ้นปี มาจ่ายต้นให้หมด"
- มีคนมาถาม มาบ่นๆ สอนผมเยอะเหมือนกัน กับสิ่งที่ผมตัดสินใจ ว่าจะลำบาก อย่างนั้น อย่างนี้ แต่ผมกับแฟนจะคิดก่อนทำทุกอย่าง อย่างรอบคอบ ผมไม่ได้มีภาระอะไร นอกจากค่าห้องเดือนละไม่เกิน 3,200 ค่างวดรถ เดือนละ 3,600 ให้แม่เดือนละ 2-3,000(แล้วแต่เดือน) แฟนให้น้องเดือนละ 1,500-2,000 ซื้อของเข้าห้องเดือนละ 1,000 ที่เหลือก็เงินใช้ เงินเก็บ เงินเที่ยว ผมกับแฟนเงินเดือนรวมกันสองคน ประมาณ 30,000 - 35,000 หักๆทุกอย่างออกแล้ว ก็มีเงินใช้ ไม่ลำบากอะไร เงินเก็บก็เหลือ ผมกับแฟนเลยตัดสินใจ กู้เงิน 40,000 ทั้งหมดเอามาซ่อมรถ พร้อมแต่ง ให้เสร็จทันก่อนจะถึงวันเกิดผม
- ซ่อมเสร็จ ถึงวันเวลา ได้ไปเที่ยว กับแฟน กับลูกชาย(เขี้ยวกุด) มันก็มีความสุขดี
.
# แต่แล้วฝันร้ายอีกครั้งของผมมันก็วนกลับมาหลังจากซ่อมไปได้เดือนเศษๆ ครั้งนี้ ล่าสุด มันทำให้ผมเศร้า ตัน หมดหนทาง ไม่รู้ต้องทำไง สงสารลูก อยากได้ อยากให้เค้ากลับมา จะได้ไปเที่ยวกันอีก
.
# ล้มล่าสุด เมื่อวันที่ 2ก.ค.60 ประมาณ ตี5 กว่าๆ คือ...เมื่อวันที่1 วันเสาร์ ผมกับแฟนได้พากันขับรถจากปราจีนบุรี อ.กบินทร์บุรี เข้ากรุงเทพด้วยตัวเองครั้งแรก ลงทุนไปหาช่างคนนึง ไปให้เค้าเช็ครถให้ เช็คหลายอย่าง ที่ลงทุนไปหาช่างที่กรุงเทพเพราะ ของแต่งหลายๆอย่างผมเอามาจากช่างคนนี้ เลยอยากให้เค้าทำให้ --- ทำไมถึงไม่ให้แถวนี้ทำให้ ก็เพราะว่า ทุกครั้งที่เอารถเข้า 0 ออกจาก 0 มา จะมีปัญหาตามมาทุกครั้ง ผมเลยไม่ค่อยไว้ใจ และ ร้านเล็กๆแถวนี้ ไม่ค่อยรับทำ เพราะไม่มีอะไหล่ ไม่ชำนาญ ผมเลยลงทุนไปกรุงเทพ --- อาศัยไปเที่ยวด้วย ตอนไปก็ปกติ แต่ขากลับ ขับกลับมาถึง นครนายก เวลาตี5 กว่าๆ ไกล้ๆจะออกจากเขต นครนายก ขับไปปกติ 90-100กม./ชม. ขับอยู่เลนรถยนต์ (ไหล่ทาง หรือ เลนมอไซค์ หลุมเยอะมาก ทางต่างระดับ แทบจะตลอดทาง) มาถึงจุดๆนึง จุดที่เกิดอุบัติเหตุ อยู่ๆก็มีรถเก๋งซีวิคคันนึงออกมาจากซอยตัดหน้ารถผม (คือมองเห็นไกลๆละ ว่าเค้าจะออก แต๊ะไฟใส่แล้ว เห็นเค้าออกมาแล้ว แต่ออกมาเรียบๆไหล่ทางมาเรื่อยๆ ช่วงนั้นผมชะรถละความเร็วประมาณ 60-70กม./ชม. เห็นเค้าเรียบไหล่ทางไม่มีท่าทีจะออก ผมก็เลยจะเร่งเครื่องแซงไป แต่ในจังหวะนั้น อยู่ๆเค้าก็ออกมาเลนรถยนต์ตัดหน้ารถผม ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้นผมมองกระจกหลัง จะเบี่ยงออกขวาหลบและแซงไปก็ไม่ได้ เพราะรถมาทางขวาเยอะมาก ผมเลยตัดสินใจเบี่ยงเข้าซ้าย เพื่อไม่ให้ชนเค้า แต่พอเบี่ยงเข้าซ้าย รถผมดันไปตกหลุมข้างทาง ใหญ่มาก ไม่ทันตั้งตัว รู้อีกทีรถกับคน ตีลังกาซะแล้ว คราวนี้มีแฟนผมที่นั่งไปด้วยกัน เกิดอุบัตเหตุด้วยกัน ผมลุกได้พยายามประคองแฟนขึ้นมา และมองหาคู่กรณี สรุปคือ เค้าขับไปแล้ว ไม่รู้ว่ารู้มั้ยที่ผมล้มตรงนี้ เพราะเค้าตัดหน้า อุบัติเหตุครั้งนี้ผมกับแฟนเจ็บไม่มากเพราะมีชุดป้องกัน แต่ก็มีแผลที่หัวเข่า ลึกพอสมควร เดินลำบาก ผมมีแผลที่แขนซ้ายนิดนึง มันทะลุแขนเสื้อเข้ามาได้ไงไม่รู้ แต่ผมกับแฟน มองไปพร้อมๆกันที่เจ้าลูกชาย "เขี้ยวกุด" ครั้งนี้สภาพมันน่าสงสารแบบบอกไม่ถูก เพราะไม่มีใครสนใจมัน ผมกับแฟนถูกส่งตัวไป โรงบาลนครนายก ทำแผลเสร็จสับ กลับมาห้อง
- ผมกับแฟนคุยกัน ว่าสงสารเขี้ยวกุดมาก ถ้ามันเป็นคน มีชีวิต มันคงจะเจ็บน่าดู ไม่ต่างไปจากเราเลย และครั้งนี้ผมกับแฟนก็ไม่รู้จะหาเงินจากใหนมาซ่อมมันอีก ตอนนี้ก็ได้แต่จอดคลุมผ้าทิ้งไว้ แวะเวียนไปคุยกับมันบ้าง ผมกับแฟนคุยกัน สงสารเขี้ยวกุดมาก อยากให้มันกลับมาไวๆ ไม่อยากจอดทิ้งไว้แบบนั้น ถ้ามันเป็นคน มีชีวิต มันก็คงจะเศร้า ไม่ต่างไปจากเราสองคนหร๊อก แต่ก็ไม่รุ้ต้องทำยังไง วิธีใหน จะให้มันกลับมาคืนชีพอีกครั้ง กลับมาเป็นเขี้ยวกุดอีกครั้ง
.
#ตอนนี้ก็มีหวังยุนะ รอลุ้นล็อตเตอร์รี่ให้ถูกรางวัลที่3 หรือ4 ซักรางวัล //555
แค่อยากเล่า อยากระบาย อยากพูด --- รู้สึกท้อ --- (ผมเข้าใจทุกคนแล้ว) " ทำไมไม่มีใครเข้าใจผมบ้าง " หรือ ผมมันบ้า !
# ประสบการณ์ขับรถเป็น10ปี ไม่เคยล้ม ชน หรือ เกิดอุบัติเหตุ ซักครั้ง มาปีนี้ ในระยะเวลา 12เดือน หรือ 1ปี ผมรถล้ม 4ครั้ง ---- หัวปี กลางปี ท้ายปี ---- มันทำให้ผมรู้สึกท้อ หมดหนทาง และ เศร้า ไม่มีกำลังใจ หรือ ความสุข เหมือนขาด.................... อะไรซักอย่างที่.. พูดให้ใครฟัง ก็ไม่มีใครเข้าใจ
.
# รถคันนี้เป็นรถคันแรกของผม Cbr250r ----- ผมเป็นคนชอบรถบิ๊กไบค์ครับ (ต่อให้ 250cc มันยังไม่เรียกว่าบิ๊กไบค์ก็เถอะ) ชอบบิ๊กไบค์เพราะมัน สวย เท่ มีเสน่ห์ ไม่ได้ชอบที่ความเร็ว หรือ ท๊อปสปีด ของมัน ถ้าผมมีรถ 100cc แล้วเอามาแต่ง ดัดแปลงใหม่ ให้เหมือน ให้สวยเหมือนรุ่นใหญ่ๆ อย่างพันซีซี เสียงเพราะๆแบบ 4สูบ ได้แบบนั้น แค่เครื่อง 100cc ผมก็เอาครับ เพราะไม่ได้ชอบความเร็วจริงๆ " เข้าใจผมมะ " >>> เคยเถียงกับคนในที่ทำงานทีนึง เค้าบอกว่า (ถ้าไม่ได้ชอบความเร็ว ละออกรถมาทำห่าอะไรตั้ง 250cc) <<< ผมให้คำอธิบายว่า คันที่ผมเอามา มันจัดโปรโมชั่นลดราคา ดาวน์ถูก(คิดเงินผ่อน รวมเงินดาวน์ ทั้งหมดแล้ว ถูกกว่าตัว150ซะอีก) เพราะมันเหลือคันสุดท้ายของร้าน ละก็พูดเหมือนข้างบน ถ้าดัดแปลงได้ เครื่อง 100cc ก็เอาครับ <<<
.
#เข้าเรื่องเลยละกัน
.
# ครั้งที่1 ล้มเมื่อวันที่ 7ส.ค.59 ช่วงนั้นเป็นเวลา 00.00น. ผมพักเที่ยง (เข้างานกะดึก) ช่วงพักผมก็ได้ขับรถออกมาข้างนอก มาหาไรกิน ขับรถมาด้วยความเร็วปกติ 60-70กม./ชม. ขากลับเข้าที่ทำงาน ก่อนจะล้ม ล้อหน้าขับไปเหยียบเข้ากับก้อนหิน ทำให้สบัดและล้มสไลด์ไปกับพื้นถนน (ไม่มีชุดป้องกัน มีแต่ชุดพนักงานแต่ใส่หมวกกันน็อค) " นี้คือครั้งแรกในชีวิตที่เกิดอุบัติเหตุ " ล้มเองไม่มีคู่กรณี หรือ ทำให้ใครเดือดร้อน เพราะถนนโล่งมาก พอดีพี่ที่ทำงานเดียวกันขับตามหลังมาเจอพอดี ก็เลยช่วยไว้
- พี่ที่มาช่วย เค้าถามผมว่า ไปโรงบาลมั้ย --- แต่..เหมือนผมบ้า ห่วงรถ ห่วงเบี้ยขยัน กลัวจะเสียเบี้ยขยัน เลยบอกเค้าไปว่า ไม่ไปครับ ไปห้องพยาบาลที่ทำงานก็พอ แล้วผมจะเข็นรถไปเอง(กลัวรถหาย) --- แถวนั้นมันก็ไกล้ถึงที่ทำงานแล้วก็เลยเลือกที่จะเข็นรถไปแทนที่จะจอดทิ้งไว้ ที่ต้องเข็นไป เพราะรถขับไม่ได้ เกียร์มันหัก
- ถึงห้องพยาบาล ทำแผลเสร็จ ผมก็มาทำงานต่อ คนในที่ทำงาน วนเข้ามาถาม เป็นไงบ้าง บลาๆๆๆ (ได้แผลที่ท้อง ใหญ่พอสมควร ข้อศอก หัวเข่า มือ นิ้วมือ สรุปคือ หนักพอควร) แต่ผมก็ยังบ้าไปนั่งทำงานต่อ ที่สำคัญ ผมไม่ได้หยุดงานด้วย เพราะยังไม่มีลาพักร้อน(ทำงานยังไม่ถึงปี) ก็ดันทุรังไปทำงานอย่างงั้นแหละ
- หลังรถล้มมา ผมคิดทุกวันเลย เอาเงินใหนมาซ่อมรถ (ด้วยความที่ล้มครั้งแรก ก็กลัวมันจะซ่อมแพง อะไรเป็นไงมั้ง เรื่องรถผมไม่ค่อยรู้เรื่องหร๊อก) ก็พูดให้กับเพื่อน พี่ ที่ทำงานถึงเงินซ่อมรถ หลายคนก็บอกว่า รถซ่อมเมื่อไหร่ก็ได้ ตัวเองไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว ไปห่วงรถมันทำไม ห่วงตัวเองก่อนเถอะ
- ช่วงไม่มีรถขับ จอดทิ้งไว้ห้อง ผมรู้สึกโครตลำบากเลย ไม่มีรถไปทำงาน ตอนไป นั่งวินบ้าง ไป-กลับ 160บาท รอพ่อมารับบ้าง เกือบสายทุกวัน ขากลับ อาศัยเพื่อนบ้าง(แต่เป็นคนขี้เกรงใจ ขี้อาย คิดมาก หลังๆก็เลยไม่ค่อยได้กลับด้วย) ต้องมานั่งรอพ่อเลิกงาน เพราะเลิกงานไม่ตรงกัน บางทีผมเลิกงาน ตี5 หรือ 5โมง พ่อเลิกงานก็ 8โมง หรือ 2ทุ่ม รู้สึกทรมานโครตๆ เหนื่อยอยากกลับไวๆก็ต้องรอ มีธุระไปใหนมาใหน ก็ลำบาก
- ผ่านไป2เดือน เก็บตังซ่อมรถได้เกือบ 100% เอาออกมาขับได้ ก็ดีใจละ ถึงยังไม่สมบูรณ์ก็เถอะ #ดีใจที่มันกลับมา
.
# หลังจากผ่านมันมาได้ ผมใช้ชีวิตปกติมาเรื่อยๆ .... แต่ไม่ทันไร หลังซ่อมรถมาได้ประมาณ 2เดือน ผมก็เกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง
.
# ครั้งที่2 ล้มเมื่อวันที่ 28ธ.ค.59 (ก่อนปีใหม่ไม่กี่วัน และ " ไปเที่ยว 23 24 25 26 ธ.ค.59 ที่โคราชกับแฟน2คน กลับจากเที่ยวมาได้ 2วัน ก็ล้มเลยจ้าต้อนรับปีใหม่ ^^") ตอนนั้นบ่ายๆหน่อย ผมจะขับรถไปทำธุระบ้านปู่ จากที่ผมอยู่ไปบ้านปู่ ห่างกัน 10กิโล ผมขับรถไปด้วยความเร็วประมาณ 70-90กม./ชม. ขับล้นเส้นขาวเลนมอไซค์มานิดหน่อย นิดเดียวจริงๆ มีเข้าเลนมอไซค์บ้าง เวลารถหลังจะแซง และ มีออกเลนรถยนต์บ้าง เวลาเราจะแซง -- ขับๆไป อยู่ๆก็มีหมา วิ่งตัดหน้ารถ (คือในสายตาผมมองเห็นไกลๆแล้ว เห็นมีหมากลุ่มนึงมันจะกัดกัน แต่ไม่คิดว่าจะมีหมาที่ถูกไล่ วิ่งข้ามถนนมาตัดหน้ารถผม กระทันหัน ผมเบรคไม่ทัน) ผมชนเข้าเต็มๆ รถตีลังกาล้ม ผมกลิ้งไปกับถนน (ใส่หมวก มีชุดป้องกัน) รู้สึกตัวลุกขึ้นมาได้ อย่างแรกเลยคือ ผมห่วงรถ วิ่งไปที่รถ เช็คสภาพแล้วสบดออกมาว่า เห้...เอ้ย ซ่อมรถอีกแล้ว พร้อมกับคิดในใจว่า เป็นไงบ้างลูก พ่อพาล้มอีกแล้ว " ในหัวผมไม่ได้โทษที่หมามันมาตัดหน้ารถผมเลยซักนิด แต่ผมโทษตัวเองที่ ขับรถประมาท " ก็ได้แผลมาเหมือนกัน แขนซ้าย หัวเข่าซ้าย เจ็บหัวเข่าเดินไม่ค่อยได้ ครั้งนี้เจ็บไม่มากเท่าไหร่
- ล้มครั้งนี้ผมก็ห่วงรถเหมือนเดิม เพราะครั้งนี้รถเจ็บหนักพอสมควร แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกไม่หนักใจเท่าไหร่ เพราะมีเงินเหลือเก็บ +กับเงินโบนัส ของผมกับแฟน ก็เลยเอามาซ่อม ให้มันกลับมาใช้ได้ไวๆ แต่ครั้งนี้ผมกับแฟนก็คุยกันแล้วแหละว่า จะไม่ซ่อมให้เป็นเหมือนเดิม ใหนๆก็เปลี่ยนเยอะแล้ว ก็แต่งไปเลยละกัน ทุ่มเงินซ่อม +แต่งรถ หมดคราวนี้ ประมาณ 35,000บาท ใช้เวลาซ่อม +รออะไหล่ รอของแต่ง ประมาณเดือนกว่าๆ ก็ซ่อมเสร็จ
- หลังจากซ่อมเสร็จ ... มันมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ผมรู้สึกว่าผมผูกพันกับรถของผมมากขึ้น ไม่ใช่แค่ผมแต่แฟนผมด้วยที่รู้สึกเหมือนกัน มันเหมือนมีชีวิต มันเหมือนลูกของผม ลูกจริงๆเหมือนคนเลย ละด้วยความที่ แต่งหน้าให้ลูกชายผมใหม่ หน้าตามันเหมือน ตัวละตรการ์ตูนตัวนึงที่แฟนผมชอบมาก และแฟนผมเป็นคนตั้งชื่อให้เค้า ชื่อว่า "เขี้ยวกุด" ยิ่งมีชื่อ มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า มันคือรถ ที่ไม่ใช่รถ ยิ่งผูกพันเหมือนมันมีชีวิตมากขึ้นไปอีก และหลังจากตั้งชื่อนี้มา ผมก็ไม่เคยเรียกมันว่ารถอีกเลย จะเรียกว่า เขี้ยวกุด เขี้ยวกุด เขี้ยวกุด ตลอด เช่น ผมบอกแฟนว่า "เขี้ยวกุด" จอดอยู่ตรงนั้น ตรงนี้นะ หรือ แฟนถามว่า "เขี้ยวกุด" จอดอยู่ใหน ประมาณนี้ ^^
.
# มีความสุขกับลูกชายได้ประมาณ เดือนกว่าๆเกือบ2เดือน ผมก็ต้องมาเจอกับปัญหาเดิมอีก
.
# ครั้งที่3 ล้มเมื่อวันที่ 14มี.ค.60 ช่วงเย็นๆหน่อย 5โมงกว่าๆ เป็นช่วงเลิกงาน กำลังขับรถกลับห้อง ช่วงเลิกงานรถจะเยอะมากครับ แน่นอนขับเร็วมากๆไม่ได้ ก่อนเกิดอุบัตเหตุผมขับอยู่ที่ 65-75กม./ชม. ขับอยู่ไหลทาง ขับไปปกติเหมือนจะไม่มีอะไร แต่...ซักพักก็เรื่องก็มาหา ... อยู่ๆก็มีรถเก๋งคันนึง ขับมาไวมาก ช่วงกำลังจะแซงรถผมไป อยู่ๆเค้าก็เบรคกระทันหัน แล้วก็เบี่ยงรถของเค้ามาเบียดผม เค้าเบี่ยงรถเข้าไหล่ทางมาเบียดรถผม ผม..ด้วยความตกใจ และกลัวชน เลยเบี่ยงรถหลบตกไหล่ทาง และ ตอนนั้นเองผมทรงตัวไม่ได้ รถเป๋ สบัด และ ทำให้ผมชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทาง (ในเหตุการณ์นั้นผมคิดว่า รถเก๋งมาด้วยความเร็ว แล้วพยายามจะแซงซ้าย แซงขวา แต่พอมาถึงจุดๆนี้ เค้าไม่มีที่จะแซงขึ้น +กับรถคันหน้าเค้าขับไม่เร็ว รถเก๋งเลยเบรค และ กลัวจะชน เลยเบี่ยงรถตัวเองเข้าไหล่ทาง) ครั้งนี้ก็มีหลายคนเข้ามาช่วย เพราะมีแต่คนเลิกงาน ส่วนรถเก๋งคู่กรณี ก็หนีไป !
- อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ผมได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่จะปวดเมื่อย ฟกช้ำมากกว่า แต่สิ่งนึงที่ผมห่วงคือ "เขี้ยวกุด" ----- ครั้งนี้เขี้ยวกุดต้องซ่อมหลายอย่าง พอๆกับครั้งที่สอง
- ผมรู้สึกสงสารเขี้ยวกุดมาก เห็นสภาพรถแล้วทำให้ผมร้องไห้เลย ละครั้งนี้ทำให้ผมเครียดมากพอสมควร เพราะผมไม่มีเงินพอจะซ่อมมัน เวลาไม่มีมัน ผมรู้สึกลำบากและเป็นภาระคนอื่นมากๆ
- แต่ด้วยความที่อยากให้มันกลับมาไวๆ และ ไกล้จะถึงวันเกิดผม ตัวแฟนเอง และผมเอง ก็อยากจะไปเที่ยวกันในวันเกิดของผม 1พ.ค. ผมก็เลยได้คุยกับแฟน แฟนก็เห็นด้วย ตกลงกันว่า จะกู้เงินมาซ่อมมัน --- กว่าจะหากู้กว่าจะขอกู้ได้ ก็ยากมาก ผมหากู้เงินนอกระบบในโรงงาน กับคนที่(แค่รู้จักกันในที่ทำงาน ไม่ได้สนิทกัน "เค้าเป็นรองหัวหน้า" ธรรมดาปล่อยเงินกู้อยู่แล้ว) ผมกู้เงินเค้ามา 40,000บาท โดยให้บัตร ATM กับ สมุดบัญชี ไว้กับเค้า ดอกร้อยละ10 จ่ายดอกเดือนละ4,000(ลดลงตามเงินต้นที่ลด) เงินต้นเท่าไหร่ก้ได้ จ่ายลดต้น ลดดอก "โดยที่ผมคิดกับแฟนว่า มีเงินจะมาโปะ หรือ รอโบนัสสิ้นปี มาจ่ายต้นให้หมด"
- มีคนมาถาม มาบ่นๆ สอนผมเยอะเหมือนกัน กับสิ่งที่ผมตัดสินใจ ว่าจะลำบาก อย่างนั้น อย่างนี้ แต่ผมกับแฟนจะคิดก่อนทำทุกอย่าง อย่างรอบคอบ ผมไม่ได้มีภาระอะไร นอกจากค่าห้องเดือนละไม่เกิน 3,200 ค่างวดรถ เดือนละ 3,600 ให้แม่เดือนละ 2-3,000(แล้วแต่เดือน) แฟนให้น้องเดือนละ 1,500-2,000 ซื้อของเข้าห้องเดือนละ 1,000 ที่เหลือก็เงินใช้ เงินเก็บ เงินเที่ยว ผมกับแฟนเงินเดือนรวมกันสองคน ประมาณ 30,000 - 35,000 หักๆทุกอย่างออกแล้ว ก็มีเงินใช้ ไม่ลำบากอะไร เงินเก็บก็เหลือ ผมกับแฟนเลยตัดสินใจ กู้เงิน 40,000 ทั้งหมดเอามาซ่อมรถ พร้อมแต่ง ให้เสร็จทันก่อนจะถึงวันเกิดผม
- ซ่อมเสร็จ ถึงวันเวลา ได้ไปเที่ยว กับแฟน กับลูกชาย(เขี้ยวกุด) มันก็มีความสุขดี
.
# แต่แล้วฝันร้ายอีกครั้งของผมมันก็วนกลับมาหลังจากซ่อมไปได้เดือนเศษๆ ครั้งนี้ ล่าสุด มันทำให้ผมเศร้า ตัน หมดหนทาง ไม่รู้ต้องทำไง สงสารลูก อยากได้ อยากให้เค้ากลับมา จะได้ไปเที่ยวกันอีก
.
# ล้มล่าสุด เมื่อวันที่ 2ก.ค.60 ประมาณ ตี5 กว่าๆ คือ...เมื่อวันที่1 วันเสาร์ ผมกับแฟนได้พากันขับรถจากปราจีนบุรี อ.กบินทร์บุรี เข้ากรุงเทพด้วยตัวเองครั้งแรก ลงทุนไปหาช่างคนนึง ไปให้เค้าเช็ครถให้ เช็คหลายอย่าง ที่ลงทุนไปหาช่างที่กรุงเทพเพราะ ของแต่งหลายๆอย่างผมเอามาจากช่างคนนี้ เลยอยากให้เค้าทำให้ --- ทำไมถึงไม่ให้แถวนี้ทำให้ ก็เพราะว่า ทุกครั้งที่เอารถเข้า 0 ออกจาก 0 มา จะมีปัญหาตามมาทุกครั้ง ผมเลยไม่ค่อยไว้ใจ และ ร้านเล็กๆแถวนี้ ไม่ค่อยรับทำ เพราะไม่มีอะไหล่ ไม่ชำนาญ ผมเลยลงทุนไปกรุงเทพ --- อาศัยไปเที่ยวด้วย ตอนไปก็ปกติ แต่ขากลับ ขับกลับมาถึง นครนายก เวลาตี5 กว่าๆ ไกล้ๆจะออกจากเขต นครนายก ขับไปปกติ 90-100กม./ชม. ขับอยู่เลนรถยนต์ (ไหล่ทาง หรือ เลนมอไซค์ หลุมเยอะมาก ทางต่างระดับ แทบจะตลอดทาง) มาถึงจุดๆนึง จุดที่เกิดอุบัติเหตุ อยู่ๆก็มีรถเก๋งซีวิคคันนึงออกมาจากซอยตัดหน้ารถผม (คือมองเห็นไกลๆละ ว่าเค้าจะออก แต๊ะไฟใส่แล้ว เห็นเค้าออกมาแล้ว แต่ออกมาเรียบๆไหล่ทางมาเรื่อยๆ ช่วงนั้นผมชะรถละความเร็วประมาณ 60-70กม./ชม. เห็นเค้าเรียบไหล่ทางไม่มีท่าทีจะออก ผมก็เลยจะเร่งเครื่องแซงไป แต่ในจังหวะนั้น อยู่ๆเค้าก็ออกมาเลนรถยนต์ตัดหน้ารถผม ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้นผมมองกระจกหลัง จะเบี่ยงออกขวาหลบและแซงไปก็ไม่ได้ เพราะรถมาทางขวาเยอะมาก ผมเลยตัดสินใจเบี่ยงเข้าซ้าย เพื่อไม่ให้ชนเค้า แต่พอเบี่ยงเข้าซ้าย รถผมดันไปตกหลุมข้างทาง ใหญ่มาก ไม่ทันตั้งตัว รู้อีกทีรถกับคน ตีลังกาซะแล้ว คราวนี้มีแฟนผมที่นั่งไปด้วยกัน เกิดอุบัตเหตุด้วยกัน ผมลุกได้พยายามประคองแฟนขึ้นมา และมองหาคู่กรณี สรุปคือ เค้าขับไปแล้ว ไม่รู้ว่ารู้มั้ยที่ผมล้มตรงนี้ เพราะเค้าตัดหน้า อุบัติเหตุครั้งนี้ผมกับแฟนเจ็บไม่มากเพราะมีชุดป้องกัน แต่ก็มีแผลที่หัวเข่า ลึกพอสมควร เดินลำบาก ผมมีแผลที่แขนซ้ายนิดนึง มันทะลุแขนเสื้อเข้ามาได้ไงไม่รู้ แต่ผมกับแฟน มองไปพร้อมๆกันที่เจ้าลูกชาย "เขี้ยวกุด" ครั้งนี้สภาพมันน่าสงสารแบบบอกไม่ถูก เพราะไม่มีใครสนใจมัน ผมกับแฟนถูกส่งตัวไป โรงบาลนครนายก ทำแผลเสร็จสับ กลับมาห้อง
- ผมกับแฟนคุยกัน ว่าสงสารเขี้ยวกุดมาก ถ้ามันเป็นคน มีชีวิต มันคงจะเจ็บน่าดู ไม่ต่างไปจากเราเลย และครั้งนี้ผมกับแฟนก็ไม่รู้จะหาเงินจากใหนมาซ่อมมันอีก ตอนนี้ก็ได้แต่จอดคลุมผ้าทิ้งไว้ แวะเวียนไปคุยกับมันบ้าง ผมกับแฟนคุยกัน สงสารเขี้ยวกุดมาก อยากให้มันกลับมาไวๆ ไม่อยากจอดทิ้งไว้แบบนั้น ถ้ามันเป็นคน มีชีวิต มันก็คงจะเศร้า ไม่ต่างไปจากเราสองคนหร๊อก แต่ก็ไม่รุ้ต้องทำยังไง วิธีใหน จะให้มันกลับมาคืนชีพอีกครั้ง กลับมาเป็นเขี้ยวกุดอีกครั้ง
.
#ตอนนี้ก็มีหวังยุนะ รอลุ้นล็อตเตอร์รี่ให้ถูกรางวัลที่3 หรือ4 ซักรางวัล //555