มินิทริป หัวหิน 2 วัน 1 คืน

เมื่อทราบว่า คูปองที่พัก พิมาน เพลินวาน ใกล้ถึงวันหมดอายุ เราจึงกำหนดวันเดินทางเพื่อไปเที่ยวหัวหินกันทันที และเริ่มเลือกหาสถานที่แวะเที่ยวตามทาง และร้านอาหารที่อยากไป เราใช้โปรแกรม google map ช่วยในการกำหนดเส้นทางเดินรถ และช่วยนำทางในการเดินทางตลอดทั้งทริป รอบที่แล้วเน้นสถานที่เที่ยว รอบนี้จึงตั้งใจจะไปวัด ให้ได้อย่างน้อยวัดละ 1 วัน (กดดูวิธีใช้งาน google map ได้ที่ http://jaaechoun.blogspot.com/2017/07/google-map.html)

            ออกจากที่พักประมาณเวลา 8.00 น. มุ่งหน้าไปทางถนนพระราม 2 จุดหมายแรกของเราคือ วัดเขาตะเครา ที่จ.เพชรบุรี ประมาณเวลา 10.30 เราก็มาถึงวัด ซึ่งกำลังเปิดให้สาธุชนร่วมทำบุญก่อสร้างวิหารใหม่หลวงพ่อทอง มีให้ทำบุญทั้งกระเบื้อง กินรี และกังสดาล เมื่อทำบุญเสร็จแล้วจึงเดินต่อเข้าไปด้านในวัด ก็จะพบกับศาลาสีแดง ที่พระทองประดิษฐานอยู่ด้านใน (กดรับชมเพิ่มเติมได้ที่ http://jaaechoun.blogspot.com/2017/07/blog-post_24.html)

             ระหว่างทางจะพบเห็นฝูงลิงอยู่บริเวณลานจอดรถ กลางลานจะมีคนขายอาหารให้ลิง ทั้งข้าวโพด ถั่ว และกล้วย อันนี้เราสามารถซื้อและให้เอง หรือจะซื้อแล้วฝากให้คนขายให้แทนเราก็ได้นะครับ ทุกอย่าง ถุงละ 20 บาทเท่ากัน

             ที่วัดเขาตะเครา เราสามารถปิดทองที่องค์หลวงพ่อทององค์จริงได้ (ซึ่งหลายๆวัด ในปัจจุบัน เราจะได้ปิดทองเพียงองค์จำลอง เพื่อทำการรักษาองค์จริง) เวลาปิดทองจะรู้สึกสัมผัสได้ถึงความหนาของทองที่สาธุชนได้ร่วมกันปิดที่องค์พระ จนทำให้เราไม่สามารถเห็นถึงพุทธลักษณะเดิมได้ และยังมีวิหารบนเขาที่ประดิษฐานของ หลวงพ่อหมอ เราสามารถขึ้นไปสักการะโดยเดินขึ้นบันได หรือจะใช้บริการรถรางไฟฟ้าก็ได้





       หลังออกแรงเดินพักใหญ่ ก็เริ่มรู้สึกหิว เราจึงมุ่งหน้าไปที่ร้าน ครัวบางตะบูน (ลุงญา) ที่ร้านอาหารแห่งนี้จะมีลานจอดรถฝั่งตรงข้ามร้านไว้บริการ สังเกตตามป้ายนะครับ ที่นี่หยุดทุกวันจันทร์ เมื่อจอดรถแล้วก็เดินข้ามถนน มาถึงทางเข้าหน้าร้าน ตัวร้านอาหารจะต้องเข้าไปในซอยอีกทีนะครับ แต่ระหว่าง 2 ข้างทางก็จะมีของวางขายมากมาย เริ่มตั้งแต่ปากทางเข้าจวบจนถึงหน้าร้านอาหาร จะมีใบชะคราม รังนก ของตากแห้ง ขนม ลูกตาลลอยแก้ว ผลไม้ ของดอง ปลาทอด ตลอดจนถึงปูม้านึ่ง ที่บริการแกะใส่กล่องวางขาย ให้เลือกซื้อได้ทั้งขาไปและขากลับจากการทานอาหารแล้ว (กดเข้ารับชมเพิ่มเติมได้ที่ http://jaaechoun.blogspot.com/2017/07/blog-post_25.html)




            ร้านอาหารครัวบางตะบูน (ลุงญา) รสชาติอาหารไทย เผ็ด เครื่องเทศ มาครบ ถ้าสั่งอาหารรสจัด ไม่น่าจะผิดหวังกับรสชาติ สำหรับบรรยากาศ ริมน้ำธรรมดา เหมาะสำหรับมานั่งทานอาหาร มากกว่ามาชมวิวครับ ค่าเสียหายมื้อนี้ 900 บาท

             หลังจากทานอาหารเสร็จ ความเผ็ดร้อนของผัดฉ่าและน้ำจิ้มซีฟู้ดยังคงอยู่กับเรา จึงเลือกที่จะหาของหวานแก้เผ็ดกันที่ กนกพร ลอดช่อง-น้ำตาลข้น ร้านขายลอดช่องสิงคโปร์ น้ำกะทิสด,น้ำตาลข้น รสชาติหวานไม่แหลม ละมุนๆ ลอดช่องเส้นเล็กๆ ดูดผ่านหลอดพร้อมกับน้ำราด สดชื่น เผือกกวนก็อร่อย และมีเครื่องอีกหลายอย่างให้เลือกใส่ ราคาเพียงถ้วยละ 25 บาท (กดเข้ารับชมเพิ่มเติมได้ที่ http://jaaechoun.blogspot.com/2017/07/blog-post_14.html)



                ขณะที่กำลังขับรถ ตั้งใจจะมุ่งหน้าไปเช็คอินที่พัก พิมาน เพลินวาน แล้วเอนหลังนอนผึ่งพุงสักหน่อย ก็ได้รับสายด่วนจากคุณน้า ใจความว่า ให้แวะร้าน The Baguette เพื่อซื้อขนมบัตเตอร์วิน 25 อัน มาฝากด้วย และถ้ามีเวลาเหลือ ควรจะแวะไปทานดูสักครั้ง เพราะรสชาติอร่อยมาก พอแฟนได้ยินว่าฝากซื้อขนมในจำนวนค่อนข้างมาก จึงแนะนำว่า เราควรที่จะไปดูลาดเลาและสั่งขนมไว้ก่อนน่าจะดีกว่า เพราะร้านก็อยู่ไม่ไกลจากที่พักพิมาน เพลินวาน

                 เมื่อมาถึงร้านก็ต้องตื่นตาตื่นใจ กับขนมเบเกอรี่ หลากหลายในตู้กระจก ซึ่งที่นี่ห้ามถ่ายรูปนะจ๊ะ หลังจากสั่งขนมกับทางพนักงาน นัดเวลารับสินค้า และชำระเงินล่วงหน้าเรียบร้อย ด้วยความอยากรู้ว่า บัตเตอร์วิน อร่อยสักแค่ไหนกัน จึงได้สั่งมาลองทาน คู่กับ พายผักโขมอบชีส และชอคโกแลตเย็น พบว่าเนื้อพายผีเสื้อและเนื้อบัตเตอร์วินน่าจะเป็นเนื้อแบบเดียวกัน เพราะกรอบ อร่อย เหมือนกัน แต่บัตเตอร์วินจะมีไส้แยมผลไม้ตรงกลางทำให้เวลากัดทานพร้อมกันมันไม่เลี่ยนตรงที่มีความเปรี้ยวอมหวานของตัวเนื้อแยมเคล้ากันไปด้วย อร่อยอย่างลงตัว (กดเข้ารับชมเพิ่มเติมได้ที่ http://jaaechoun.blogspot.com/2017/07/the-baguette.html)  



          ออกจากร้าน The Baguette เราก็กลับรถ มุ่งหน้าไปที่พัก พิมาน เพลินวาน  โดยโทรแจ้งบอกทางเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวก ในการนำรถเข้าไปจอดในส่วนเฉพาะของแขกที่มาพัก ตรงนี้เรียกว่าปลอดภัยมากเพราะมียามคอยเฝ้าประตู จะเอารถเข้า-ออก ก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เปิดโซ่ให้ แต่เช่นกัน ก็เป็นความลำบากในการนำรถเข้า-ออก เพราะต้องคอยมองหายาม เหมาะที่จะจอดแล้ว อย่าออกไปไหนครับ เดินเที่ยวเล่นในเพลินวานดีที่สุด

           ห้องพักที่เลือกไว้คือ ห้องเพลินจ้อง-611 สาเหตุหลักที่เลือกห้องนี้ เพราะสามารถชมหนังกลางแปลงได้จากทางระเบียงห้องพัก และชอบใจกับการตกแต่งแนวเรโทรดูน่ารัก แต่ที่ถูกใจที่สุด ก็ต้องเป็นตุ่มน้ำอุ่น ได้ใช้ขันตักน้ำอุ่นอาบ เหมือนย้อนไปสมัยก่อนที่ยังเป็นเด็ก การตกแต่งของพิมาน เพลินวาน คงคอนเซ็ปเรโทร ย้อนยุค แอร์เครื่องปรับอากาศ จะมีการตีกล่องครอบไว้ ทีวี LCD ในห้องพัก มีทำฉากครอบให้เหมือนเป็นทีวีโบราณ

            ด้านในห้องพักมีบริการครบ ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดผม สบู่เหลว/แชมพู/ครีมนวด ที่ทำจากสมุนไพร มีรองเท้าแตะให้ใส่ภายในห้องพัก มีห้องส่วนกลาง ไว้บริการให้ใช้ไปนั่งเล่น และสามารถทานเครื่องดื่มและขนมทั้งหมดที่มีบริการได้ตลอดเวลา (กดเข้ารับชมเพิ่มเติมได้ที่ http://jaaechoun.blogspot.com/2017/07/blog-post_63.html)





            หลังจากเก็บข้าวของเป็นที่เรียบร้อย จากตั้งใจว่าจะนอนพักผึ่งพุง ก็เปลี่ยนแผนไปเดินถ่ายรูปเล่น หาขนมทานภายในเพลินวาน แต่ก็สัมผัสความรู้สึกบรรยากาศช่างต่างจากเดิม ภายในเพลินวานไม่ได้คึกคักดังเดิม ร้านค้าค่อนข้างเงียบเหงา ลานกิจกรรมไม่ได้มีอะไรมาจัดแสดง คนผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไปในเวลาอันสั้น อาหารก็ไม่ได้มีให้เลือกทานเยอะแบบเดิม

             จึงตัดสินใจขับรถออกไปที่ตลาดโต้รุ่ง แต่เนื่องจากวัดที่เคยจอดประจำ วันนี้มีงาน ห้ามเข้าไปจอดรถ เราเลยจอดที่ข้างถนนริมวัด แล้วเดินข้ามเข้ามาทางตลาดฉัตรศิลา อาจจะเป็นเพราะเรามาถึงเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ร้านค้าจึงเพิ่มเริ่มตั้ง คนเดินปริมาณยังไม่มาก หลังจากเดินวนไปมาอยู่พักใหญ่ ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทานอะไรดี ใจนึงก็ว่าจะไปต่อที่ตลาด cicada แต่ปริมาณรถก็เยอะ กว่าจะไปถึง กว่าจะได้จอดรถ กว่าจะทานอาหารเสร็จ แค่คิดก็รู้สึกเพลีย เปลี่ยนแผนกันอีกรอบ แวะเซเว่น ซื้อมาม่า กลับไปต้มน้ำร้อนทานในที่พักดีกว่า




           ด้วยเพราะเหตุอะไรหลายๆอย่าง เพราะทั้งวันทานเยอะเกินไป เพราะก่อนนอนกินมาม่า เลยทำให้รู้สึกท้องแน่นๆ นอนหลับไม่สบาย ประกอบกับได้ยินเสียงคล้ายรถขนาดใหญ่ หรือเฮลิคอปเตอร์ ผ่านเกือบทุกชม. เลยทำให้ลุกอาบน้ำตั้งแต่เช้า จากนั้นหยิบคูปองเดินทางเชื่อมที่ชั้น 2 มุ่งหน้าไปทานอาหารเช้าที่ เพลินวาน พาณิชย์ (กดเข้ารับชมเพิ่มเติมได้ที่ http://jaaechoun.blogspot.com/2017/07/blog-post_12.html)




        หลังแวะเอาขนมที่สั่ง ที่ร้าน The Baguette ก็มุ่งหน้ากลับกทม. โดยตั้งใจจะแวะไปกราบหลวงพ่อวัดบ้านแหลม  ที่แม่กลองก่อนแวะซื้อปลาทู ด้านในวัดมีให้ทำบุญถวายสังฆทาน ถวายเทียนดอกบัว และมีพระพุทธรูปให้ปิดทองเป็นจำนวนมาก ยังไงอย่าลืมเก็บไว้สักหนึ่งแผ่นเพื่อนำไปปิดทองที่องค์หลวงพ่อวัดบ้านแหลมด้านในโบสถ์นะจ๊ะ (กดเข้ารับชมเพิ่มเติมได้ที่ http://jaaechoun.blogspot.com/2017/07/blog-post_75.html)




         หลังจากกราบหลวงพ่อวัดบ้านแหลมเสร็จก็นึกได้ว่า มาถึงที่นี่ทั้งที ซื้อปลาทู ที่ตลาดร่มหุบ น่าจะสะดวกกว่าไปจอดแวะซื้อริมถนนเพชรเกษม เราจึงจอดรถไว้ภายในวัด แล้วเดินออกมาทางด้านหน้า ระหว่างทางไปที่ตลาดร่มหุบจะมีร้านค้าขายของเป็นจำนวนมาก ทั้งผลไม้ อาหาร ขนม ให้เลือกซื้อทานหรือเป็นของฝาก (กดเข้ารับชมเพิ่มเติมได้ที่ http://jaaechoun.blogspot.com/2017/07/blog-post_53.html)  


            
          เมื่อเริ่มรู้สึกหิว เลยสอบถามอาเจ๊ร้านขนมตาลว่าแถวนี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆบ้างไหม ได้คำแนะนำว่า ให้ไปทานที่ ร้านบะหมี่เกี๊ยว ก๋อง  เป็นร้านดังแถวนี้ และเคยออกรายการทีวีด้วย รสชาติอร่อย เส้นบะหมี่ทำเอง (กดเข้ารับชมเพิ่มเติมได้ที่ http://jaaechoun.blogspot.com/2017/07/blog-post_26.html)



          ทริปหัวหิน 2 วัน 1 คืน ของเราจบลงตอนเที่ยงของวันอาทิตย์จ้า ด้วยความที่ว่าคืนวันเสาร์ไม่ค่อยได้นอนสักเท่าไร ทำให้ตัดสินใจกลับไปนอนพักผ่อนที่บ้านดีกว่า และเดินทางกลับช่วงเวลานี้ รถก็ไม่ติด ถึงกทม.ช่วงประมาณบ่ายโมงนิดหน่อย

สามารถแวะชม รีวิวร้านอาหารและทริปท่องเที่ยวอื่นๆของเราได้ที่
http://www.jaaechoun.blogspot.com
http://www.facebook.com/J2Ctravel
ขอบคุณที่ให้ความสนใจอ่านจนจบจ้า ^o^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่