ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟังครับทุกคน คิดเห็นเป็นประการใด แชร์ความคิดกันได้นะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมไปอบรมการทำงานที่ต่างจังหวัดที่หนึ่ง รวมเวลา 2 วัน 1 คืน การอบรมก็เป็นไปอย่างราบเรียบไม่มีอะไรครับ มาถึงวันสุดท้ายตอนกลับบ้าน รถที่ผมขับ มีอยู่ 4 คน ครับ คือ ผม,หัวหน้างาน,และน้องที่ทำงานอีก 2 คน ระหว่างทางตอนกลับบ้าน หัวหน้างานของผมก็บอกให้ผมขับแวะร้านขายของที่ระลึกหน่อย เพื่อกินข้าวและซื้อของกลับบ้าน หัวหน้างานก็ได้ซื้อของมาเยอะพอสมควร และก็ได้ซื้อของมาฝากแม่บ้านที่ทำงานด้วย
พอมาถึงที่ทำงาน ในตอนเย็นแล้ว หัวหน้างานผมก็ได้เอาของฝากมาให้แม่บ้าน แม่บ้านก็ยิ้มดีใจ ขอบคุณหัวหน้าเป็นการใหญ่ ส่วนผมก็ได้กลับบ้าน เพื่อพักผ่อนต่อไป
คราวนี้ตอนเช้ามาทำงาน ผมก็ได้เดินมาทักทายกับแม่บ้าน ซึ่งผมกับแม่บ้านก็สนิทกันพอสมควร ซึ่งพอพูดคุยกันซักแป็บนีง แม่บ้านก็พูดว่าผมว่าไปอบรมทั้งทีไม่เห็นซื้ออะไรมาฝากเลย ไม่เหมือนหัวหน้างานของผม และก็ได้ว่าผมว่า ผมมันเป็นพวกไม่มีน้ำใจ ซึ่งผมก็งงเลยครับ ทำไมมาว่าผมอย่างนี้ แต่ผมก็ไม่พูดอะไรแล้วก็เดินออกมา แต่ในใจก็คิดว่าทำไมมาว่าเราอย่างนี้ เพราะงานอบรมคราวนี้ แฟนของเค้าก็ไปด้วยเหมือนกัน (แต่ตอนขับนั่งรถกลับคนละคันกัน) ซึ่งแฟนของแม่บ้านคนนั้นก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาฝากเค้าเหมือนกัน ผมก็พยายามไม่คิดอะไรเพราะขี้เกียจมาต่อล้อต่อเถียงกัน
ตอนเที่ยงพอดีพี่ที่ทำงานในแผนกของผมคนนึงชวนไปกินข้าวด้วยกัน (เป็นมื้อใหญ่มีไปกินกันหลายคนครับ) พี่คนนี้ก็ได้ชวนแม่บ้านไปด้วย พอไปถึงร้านอาหาร ระหว่างที่รอกับข้าว แม่บ้านคนนี้ก็บ่นอีกว่า พวกที่ไปอบรมกันคราวนี้แย่มากไม่เหมือนหัวหน้างานที่ซื้อของมาฝากเลย ไอ้พวกไม่มีน้ำใจ ซึ่งคนที่ไปกินข้าวด้วยกันก็มีแค่ผมกับหัวหน้างานเท่านั้นเองที่ไปอบรมในคราวนี้ผผมรู้สึกแย่กับเค้ามากว่าทำไมเค้าถึงพูดอย่างนี้ เพราะว่าตลอดเวลาที่ทำงานด้วยกัน ผมก็ไปช่วยงานเค้าบ่อย เช่นเวลาแขกผู้ใหญ่มาผมก็ไปช่วยเตรียมของให้ หรือเวลาที่ผมได้โบนัสผมก็แบ่งให้(แต่ไม่มากนะครับ ให้ 500 บาท) ผมรู้สึกโมโหมากว่าทำไมเค้าไม่คิดถึงตอนเวลาที่ผมช่วยเหลือเค้าบ้าง แค่ไม่ได้รับของฝากจากผมทำไมต้องมาว่ากันแบบนี้ ผมเสียใจครับ ผมรู้สึกแย่มากเลยว่าผมผิดมากเลยเหรอครับ แค่ไม่ซื้อของฝากมาให้
ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะครับ คิดเห็นประการใด เชิญตามสบายเลยนะครับ ขอบคุณมากครับ
แค่ไม่ได้ซื้อของมาฝากที่ทำงาน ผิดมากมั้ยครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมไปอบรมการทำงานที่ต่างจังหวัดที่หนึ่ง รวมเวลา 2 วัน 1 คืน การอบรมก็เป็นไปอย่างราบเรียบไม่มีอะไรครับ มาถึงวันสุดท้ายตอนกลับบ้าน รถที่ผมขับ มีอยู่ 4 คน ครับ คือ ผม,หัวหน้างาน,และน้องที่ทำงานอีก 2 คน ระหว่างทางตอนกลับบ้าน หัวหน้างานของผมก็บอกให้ผมขับแวะร้านขายของที่ระลึกหน่อย เพื่อกินข้าวและซื้อของกลับบ้าน หัวหน้างานก็ได้ซื้อของมาเยอะพอสมควร และก็ได้ซื้อของมาฝากแม่บ้านที่ทำงานด้วย
พอมาถึงที่ทำงาน ในตอนเย็นแล้ว หัวหน้างานผมก็ได้เอาของฝากมาให้แม่บ้าน แม่บ้านก็ยิ้มดีใจ ขอบคุณหัวหน้าเป็นการใหญ่ ส่วนผมก็ได้กลับบ้าน เพื่อพักผ่อนต่อไป
คราวนี้ตอนเช้ามาทำงาน ผมก็ได้เดินมาทักทายกับแม่บ้าน ซึ่งผมกับแม่บ้านก็สนิทกันพอสมควร ซึ่งพอพูดคุยกันซักแป็บนีง แม่บ้านก็พูดว่าผมว่าไปอบรมทั้งทีไม่เห็นซื้ออะไรมาฝากเลย ไม่เหมือนหัวหน้างานของผม และก็ได้ว่าผมว่า ผมมันเป็นพวกไม่มีน้ำใจ ซึ่งผมก็งงเลยครับ ทำไมมาว่าผมอย่างนี้ แต่ผมก็ไม่พูดอะไรแล้วก็เดินออกมา แต่ในใจก็คิดว่าทำไมมาว่าเราอย่างนี้ เพราะงานอบรมคราวนี้ แฟนของเค้าก็ไปด้วยเหมือนกัน (แต่ตอนขับนั่งรถกลับคนละคันกัน) ซึ่งแฟนของแม่บ้านคนนั้นก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาฝากเค้าเหมือนกัน ผมก็พยายามไม่คิดอะไรเพราะขี้เกียจมาต่อล้อต่อเถียงกัน
ตอนเที่ยงพอดีพี่ที่ทำงานในแผนกของผมคนนึงชวนไปกินข้าวด้วยกัน (เป็นมื้อใหญ่มีไปกินกันหลายคนครับ) พี่คนนี้ก็ได้ชวนแม่บ้านไปด้วย พอไปถึงร้านอาหาร ระหว่างที่รอกับข้าว แม่บ้านคนนี้ก็บ่นอีกว่า พวกที่ไปอบรมกันคราวนี้แย่มากไม่เหมือนหัวหน้างานที่ซื้อของมาฝากเลย ไอ้พวกไม่มีน้ำใจ ซึ่งคนที่ไปกินข้าวด้วยกันก็มีแค่ผมกับหัวหน้างานเท่านั้นเองที่ไปอบรมในคราวนี้ผผมรู้สึกแย่กับเค้ามากว่าทำไมเค้าถึงพูดอย่างนี้ เพราะว่าตลอดเวลาที่ทำงานด้วยกัน ผมก็ไปช่วยงานเค้าบ่อย เช่นเวลาแขกผู้ใหญ่มาผมก็ไปช่วยเตรียมของให้ หรือเวลาที่ผมได้โบนัสผมก็แบ่งให้(แต่ไม่มากนะครับ ให้ 500 บาท) ผมรู้สึกโมโหมากว่าทำไมเค้าไม่คิดถึงตอนเวลาที่ผมช่วยเหลือเค้าบ้าง แค่ไม่ได้รับของฝากจากผมทำไมต้องมาว่ากันแบบนี้ ผมเสียใจครับ ผมรู้สึกแย่มากเลยว่าผมผิดมากเลยเหรอครับ แค่ไม่ซื้อของฝากมาให้
ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะครับ คิดเห็นประการใด เชิญตามสบายเลยนะครับ ขอบคุณมากครับ