ตะลอนสิงคโปร์ 3 วัน 3 คืน... ไม่ดึกไม่ดื่นเราไม่กลับห้อง

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาพาเที่ยวสิงคโปร์ เมืองเล็กๆ ที่สามารถเดินได้แทบจะทั่วเลย


เนื่องจากช่วงธันวาปีที่แล้ว (ธันวาคม, 2559) สายการบิน Jetstar Airlines มีโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินราคาถูกมากกกกกกก (ค่าตั๋ว 349฿ ค่าธรรมเนียมอีกพันกว่าบาทจำไม่ได้แล้วค่ะ เราซื้อตั๋ว+เลือกที่นั่ง+น้ำหนักกระเป๋า ไปกลับตกคนละ 4×××) แล้วประกอบกับมีวันหยุดยาว 4 วัน (ตอนแรกมัน 4 วันง่ะ แล้วอยู่ดีๆ ปฏิทินก็ใจร้าย เปลี่ยนหยุดแค่ 3 วัน) ก็เลยชวนเพื่อนสาวมาเที่ยวค่ะ ด้วยเหตุผลว่า กลัว ตม.เกาหลี ดังนั้น พาสเราจะไม่ขาว รอบหน้าจะได้เข้าเกาหลีได้ 5555555 เหตุผลที่กลัวก็อ่านรีวิวมานี่แหละค่ะ ไม่ใช่ว่าจะไปทำไม่ดีอะไรที่นู่นนะ แค้คิดว่า ถ้าเสียเงินไปแล้ว ไปได้แค่ ตม. ก็ไม่อยากไปค่ะ 55555

โอเคค่ะ มาเข้าเรื่องกันเลย
เราออกเดินทางจากสุวรรณภูมิตอน 4 ทุ่มกว่าๆค่ะ จริงๆ เครื่องต้องออกตอน 21.20 น. ค่ะ แต่เครื่องดีเลย์ เนื่องจากฝนตกที่สุวรรณภูมิค่ะ
ระหว่างนี้ เราก็ทำการเปิดซิม ture asia ที่ซื้อมาค่ะ เพราะเราคิดว่าซื้อจากไทยไป จะถูกกว่าไปหาซื้อที่นู่น แล้วก็ด้วยความที่ไม่เคยไปเลย พอไปถึงนู่น ถ้าต้องแปลภาษา ใช้ google map เราก็จะลำบาก ก็เลยซื้อไว้ค่ะ หน้าตาประมาณนี้ค่ะ


*รูปภาพจาก internet ค่ะ*

แต่อันนี้เราพลาด เพราะว่า เน็ต 4 gb ในต่างแดน หมดไวมากค่ะ ถ้าใช้ในบ้านเราอาจจะดี แต่ใช้ที่นู่นได้วันแรก เหลือไม่ถึง 1gb ละคะ ก็เลยเติมเงินสมัครเน็ตเพิ่มอีก 1gb ก็หมดค่ะ รวมๆแล้วค่าซิม 399.- เติมเงินอีก 200.- เป็น 599.- แล้วค่ะ ทีนี้วันสุดท้ายด้วยความหมั่นไส้ ไวไฟที่พักก็ไม่ถึง เน็ตตัวเองก็ใช้ไม่ได้ เลยถามซื้อซิมที่เค้าเตอร์โอสเทลค่ะ (เราพักที่ central 65 hostel แถว little india ค่ะ)

*รูปภาพจาก internet ค่ะ*
เราเห็นแล้วว่ามีขายตั้งแต่วันที่มาถึง ราคา 15sgd (เป็นเงินไทยประมาณ 367.-) ได้เน็ต 100gb แต่เพราะเราไม่รู้นี่แหละค่ะ ว่าที่โรงแรมมี ถ้ารู้ก็อาจจะไม่ซื้อซิมทรูไป กลายเป็นว่าซิมทรูแพงกว่า แล้วก็เน็ตน้อยกว่า พอเราเน็ตหมดที่บ้านติดต่อไม่ได้เค้าก็แอบห่วงค่ะ 7-11 บางสาขาก็มีนะคะ ลองหาดูค่ะ

กว่าจะถึงนู่นก็ตี 1 กว่า กว่าจะผ่าน ตม. ก็ เกือบตี 2 แล้ว
ตอน ตม. นี่ ลงเครื่องแล้วก็เดินตามๆกันมาแหละค่ะ จะเจอ ตม.เอง ยืนเข้าแถวรอค่ะ แล้วทีนี้ พอถึงคิวเรียกเริ่มใจสั่นรัวๆ คือ คนที่เราเจอเค้าหน้าดุหน่อยๆ ก็กลัวจะไม่ผ่านค่ะ แต่ก็ผ่านมาด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร พอออกจาก ตม.มา เจอปัญหาแรกค่ะ คือ หากระเป๋าไม่เจอ ในจอขึ้นว่าสายพานที่ 18 แต่ จริงๆแล้ววางกองรวมกันไว้ที่สายพานที่ 22 เราเดินเลยไปจนถึงสายพานที่ 18 แล้ว มีจนท.เดินผ่านมาเห็นเรางงๆอยู่ ก็เลยเข้ามาถามเรา เราก็เลยเอา tag ให้ดูค่ะ เค้าก็บอกว่าอยู่สายพานที่ 22  เดินกลับไปค่ะ 5555555
พอได้รับกระเป๋าเสร็จก็พาตัวเองออกมานอกประตู พอออกมาแล้วมองหาเค้าท์เตอร์ ground transport desk เพื่อซื้อตั๋ว shuttle bus ค่ะ


*อื้อหือ รูปมั๊ววววว มัว 5555555 ใช้กล้องมือถือถ่ายค่ะ ขออภัย T^T *
เค้าท์เตอร์นี้หาไม่ยากค่ะ พอออกจากประตูมาจะอยู่ซ้ายมือ ตรงข้ามกับเบอร์เกอร์คิงค่ะ แล้วด้วยความที่รคนสิงคโปร์เค้าจะพูดภาษาอังกฤษ สำเนียงสิงคโปร์ เราห๊ะ อยู่หลายทีมาก ฟังไม่ออกค่ะ ทีนี้ผู้หญิงหันมาช่วยชีวิตค่ะ ถามเราว่า จะไปโรงแรมไหน ก็เลยเอาใบจองโรงแรมให้เค้าดู เค้าบอกให้ใช้เครดิตการ์ดเพื่อไปซื้อที่ตู้ เราไม่มีเครดิตการ์ดค่ะ แล้วเค้าก็หันไปกดคอมแล้วหันมาบอกว่า 18sgd (คนละ 9sgd) แล้วก็นั่งรออย่างร้อนๆ ใครบอกว่า ชางกีหนาว? ไม่หนาวนะคะ อย่าหลงกลหอบเสื้อแขนยาวตัวหนาไปแบบเรา เอาไปแบบบางๆพอ 555555 นั่งรอสักพักก็จะมีคนขับรถมาเรียกคิวในตั๋วค่ะ เราก็เดินตามเค้าไปขึ้นรถ บนรถช่วงนี้จะโล่งมากๆเลยค่ะ มีแค่เรากับเพื่อนสองคน แล้วก็อีกเทอร์มินอลนึงมีฝรั่งขึ้นมาสมทบค่ะ

พอถึงที่พัก เราโทรไปเรียกเค้ามาเช็คอินค่ะ ต้องขอโทษขอโพยกันใหญ่ ที่โทรไปกวน แต่อันนี้ก่อนเดินทางเราเมลล์บอกทางโรงแรมไว้แล้วค่ะ ย้ำอยู่ 2 รอบ ว่าจะไปเช็คอินตอนตี 3 เค้าก็เลยติดเบอร์โทรไว้ให้ที่หน้าประตูค่ะ เราก็เข้าห้องเก็บของแล้วก็ออกมาอาบน้ำเพื่อนอนเอาแรง

จบสำหรับวันเดินทางค่า

*เรื่องเมลล์คุยกับทางโรงแรม เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรานะคะ ทุกครั้งที่เราจองโรงแรม ไม่ว่าจะจองทางไหน เราก็จะโทร หรือเมลล์ไปยืนยันทุกครั้ง เพื่อให้ได้แบบห้องตามที่เราต้องการ และ แจ้งข้อจำกัดของเรา คุยกับเค้าให้เรียบร้อยค่ะ*

เดี๋ยวมาต่อ วันที่ 2 ในคห. ต่อไปค่า
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่