ประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เวียงจันทร์

ประสบการณ์เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปี ที่แล้วแต่นึกได้เลยอยากเอามาเขียนอีกครับ เขียนครั้งแรกในเฟสบุ๊คแล้วหายไปไหนไม่รู้ เลยเอามาเขียนใหม่ละกัน เผื่อคนที่จะเดินทางไปเที่ยวคนเดียว อ่านเป็นประสบการณ์ เผื่อจะได้เตรียมตัวไม่พลาดแบบผม

เริ่มจากทำพาสปอตร์ครั้งแรกครับ ตอนนั้นพักแถวลาดกระบังเลยไปทำหนังสือเดินทางที่เซ็นทรัลบางนา (ตอนนี้ย้ายไป ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค)  ก็ไปทำวันพุธ กะให้ได้เล่มวันศุกร์ คิวยาวมากๆๆ มีพี่สาวยืนต่อข้างหลังเลยชวนคุย และขอดูพาสปอร์ตเค้า โห...ไปมาหลายประเทศมาก มีวีซ่าติดหลายหน้าเลย

จากนั้นวันศุกร์ก็ไปรับเล่ม และอีก 1 สัปดาห์ เราก็เดินทางไปหนองคาย ด้วยรถทัวร์  ขึ้นที่หมอชิตครับ บริษัททัวร์อะไรไม่รู้จำไม่ได้ละ ขึ้นรถปุ๊บ แจกมาม่าผัดคนละ 1 กล่อง ดีที่รถมีทีวีให้ดูหนังจอส่วนตัวด้วย นอนกึ่งหลังกึ่งตื่นตลอดทาง พอเที่ยงคืนถึง ขอนแก่น จอดนานมากกกกก มีเสียงโวยวายอะไรไม่รู้ แต่ก็ฝืนๆ นอนๆ ไป ตื่นมาอีกทีถึงสถานีขนส่งหนองคายแล้วเป็นเวลาตี 4 กันั่งง่วงๆ โง่ๆ อยู่ 1 ชั่วโมง ตี 5 เลยขึ้นรถตุ๊กตุ๊กไป ด่านข้ามแดน โดนไป 100 บาท แท๊กซี่ก็มี แต่ไม่ใช้มิตเตอร์ เค้าให้เหมาเท่านั้นบอกว่าไปแค่นี้ไม่คุ้ม คือจากสถานีขนส่งไปด่านข้ามแดนไม่ไกลเล้ยยยยย  นั่งแท๊กซี่ในกรุงเทพฯคงหมดไม่เกิน 50 บาทหรอก  คนไทยก็ยังเอาเปรียบกันเองเนอะ

                 มาถึงด่านสะพานไทยลาว เช้าวันเสาร์ บรรยากาศก็ดีนะ ริมเม่น้ำโขง มีคนยืนต่อคิวเราก็ไปยืนด้วย โชคดีมีพี่สาวช่วยแนะนำว่าเราต้องเขียนอะไรบ้าง แล้วก้ผ่านแดนไปโดยสะดวก ขึ้นรถเมล์ข้ามสะพานไปอีก 20 บาท จากนั้นก็รอเพื่อนคนลาวมารับ ชื่อนิกร รอนานมากกกก กว่าจะมาถึงเกือบ 9 โมง เจอกันเอามอเตอร์ไซต์มารับ แล้วพาไปทานข้าวร้านอาหารริมทาง เป็นร้านลาบ นิกรก็สั่งลาบวัว อ๋อมวัว ด้วยที่เราเลือกได้ก็ไม่กินเนื้อวัวอยู่แล้ว ก็ช่างมัน ไม่อยากทำตัวเป็นปัญหากับเพื่อนก็กินๆ ไปก็อร่อยดีนะ ลาบแบบลาว แต่อ๋อมรสชาติก็คุ้นเคยอยู่  มีผักเครื่องเคียงหลากหลายมากเราก็กินๆๆ ลองดูไป แต่หารู้ไม่ เราแพ้ผักบางอย่าง หมดค่าอาหารไป 400 บาท (แพงเวอร์อะ) จากนั้นก็ไปเที่ยวบ้านพักที่ทำงานของนิกร บ้านก็ทรงเก่าๆ เหมือนเราไปเยี่ยมบ้านคุณยายตอนเด็กๆ เราก็ติดสบายเนอะ อยู่ไม่ได้เลยไปหาโรงแรมแถวใกล้ๆ แม่น้ำโขง

              ไปถึงอาบน้ำนอนเลยครับ ง่วง เหนื่อย ตื่นมา 4 โมงเย็นนิกรพาไปเที่ยววัดกับประตูเมือง พิพิธภัณฑ์ มาลงท้ายที่สวนสาธารณะ ริมแม่น้ำโขง มีอนสุาวรีย์ เจ้าหรือกษัตริย์ของลาว  บรรยากาศดีนะครับคนไม่เยอะเกินไป  ด้วยความที่ชอบเล่นแบตมินตัน เลยไปขอเล่นกับสาวลาว ที่เล่นในสวน ลูกขนไก่ตก ก็เลยถามเค้าวว่าเรียกว่าอะไร  ได้คำตอบมาว่า ลูกขนนก เราก็บอกไปว่าที่ไทยเรียกลูกขนไก่ จากนั้นก็เดินเล่นๆ ไปมีตลาดนัด เจอน้องสาวคนหนึงสวยมากๆๆ สวยหรูดูแพง  ด้วยความที่เราหน้าด้านใจกล้าอยู่แล้ว เลยเดินไปคุยด้วย น้องเค้าก็ดูกลัวๆ นะ แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น แม่น้องเค้าที่เดินตามหลังมา เดินมาคุยกับผมว่า มักลูกสาวแม่ก่ะ  เราก็ยิ้มตอบไปว่าครับๆ อายมากๆๆ   แล้วก็เดินไปส่งเค้าถึงรถ อยุ่ห่างๆ เห็นเค้าก็จอดรถอยู่ตั้งนาน มารู้ที่หลังว่าเค้าจอดรอเรา  เสียดายมากๆ ครับ   แล้วก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวมื้อเย็น ถ้วยละ 40 บาท เส้นหมี่มันก็แปลกๆ ครับไม่เหมือนบ้านเราก็กินๆ ไป แล้วนิกรก็มาส่งที่โรงแรม จากนั้นผมก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ เจอร้านนวดก็เลยไปนวด ค่านวด ชม.ละ 200 ก็โอเคนะ  แล้วก็กลับมานอน

              ตื่นเช้ามาท้องเสียเลยครับ แล้ววันนั้นก็ท้องเสียทั้งวันด้วย + กับเป็นไข้อีก ทรมานแท้ ไม่รู้ว่าเป็นสาเหตุจากอะไร แต่คงเพราะลาบวัวและผักเครื่องเคียงแน่ๆ เลย วันนี้กินอะไรได้ไม่มาก ตื่นเช้าก็ไม่ทันอาหารโรงแรม ตื่น 10.30 น. คงเพลียเพราะท้องเสีย วันนี้ก็ไม่ได้ไปไหนมาก เดินเล่นใกล้ๆ โรงแรม ตอนเย็นอยากลองกินแหนมเนือง ที่ลาว ดูซิว่าจะต่างกับที่ไทยมั้ย  กินแล้วก็เหมือนกันเลยแหละ แถมแพงกว่าด้วย มื้อนี้นิกรจะเลี้ยง ผมบอกว่าผมช่วยออกละกัน ให้ตังไป 300 จาก 500 บาท พรุ่งนี้เช้าวันจันทร์นิกรไม่สะดวกไปส่ง ให้ผมนั่งรถเมล์กลับเอง ผมก็ว่าโอเคไม่เป็นไร   ก็ยังท้องเสียต่อไปครับ

              ตื่นเช้ามาทานอาหารโรงแรมไม่ไหว มันเพลีย มันปวดหัวตัวร้อน ข้าวผัดก็กินไม่หมด เลยขอกลัวยที่โรงแรม 2 ลูก นึกขึ้นได้ว่าเราต้องกินน้ำเกลือแร่ เลยไปซื้อผงเกลือแร่ที่ร้านขายยาข้างทาง ซองละ 20 บาท ก็แพงอยู่ดีเนอะ  จากนั้นก็นั่งรถตุ๊กๆ ที่นั่งไปสถานีขนส่ง เพื่อต่อรถไปด่านสะพานไทยลาว  พอไปถึงด่าน ผ่านพิธีอะไรเสร็จ ก็หารถกลับก็ไม่มี มีแต่คนมาหาบอกว่าให้รอหลายๆ คนก่อนเดี๋ยวหารกันไปพร้อมกัน เออนะ  ระบบขนส่งมวลชนไทย....แล้วก็มีพี่คนหนึ่งบอกว่า เหมาผม 200 เดี๋ยวไปส่งที่ขึ้นรถตู้ไปสนามบินอุดรธานี หรือสถานีขนส่ง เราก็ไปเพราะไม่ไหวละ  รถตู้บอกว่าบินบ่ายกว่า รถตู้ออก 10 โมง ตอนนั้น 8.00 น.  เลยไปที่สถานีขนส่ง นั่งรถทัวร์ระหว่างจังหวัดไปสถานีขนส่งอุดรธานี ระหว่างทางก็ช้ามาก ขนขับแวะข้างทาง คงจะแวะกินข้าวมั้ง แวะนานมาก   พอไปถึงประมาณ 10 โมง จะต่อรถไปสนามบินอุดร ก็ไม่รู้จะไปยังไง ก็เลยนั่งรถตุ๊กๆ ไปโดนไปอีก 100 บาท พอไปถึงสนามบิน เช็คอินเสร็จ ก็ไปนั่งรอ ท้องก็เสียก็ต้องจิบน้ำเกลือแร่ไปเรื่อยๆ กินอะไรไม่ลง เห็นครัวการบินไทย ลองไปดูซิ  มีกล้วยหอม ก็เลยซื้อไป 2 ลูก ไม่อิ่มเลยไปซื้ออีกลูก  กว่าเครื่องบินจะมาก็เกือบบ่าย 2 ใช้เวลาเดินทางกลับดอนเมืองไม่นานเท่าไหร่ แต่วิวป่าด้านล่างสวยมาก เพิ่งรู้ความหมายของที่ราบสูง ก็วันนี้แหละ ต่างกับภาคเหนืออยู่บนเครื่องบินมองลงมามีแต่เขาหัวโล้น  

               พอถึงดอนเมืองก็ใช้บอดิ้งพาส นั่งรถเมล์ฟรีสนามบินสุวรรณภูมิกลับลาดกระบัง อีกวัน ก็หายไข้และท้องเสีย

เลยได้ข้อคิดจากการไปลาวครั้งนี้ว่า
1.ใครคิดว่าลาวค่าครองชีพต่ำกว่าไทย คิดผิดนะ  ข้าวราดแกง 2 อย่าง 70 บาท ร้านริมทางก็กินมาแล้ว
2.ร้านขายของบรรยากาศเหมือนประตูน้ำหรือโบ้เบ้ แต่ราคาเทียบเท่าพารากอน สูทตัวละ 3-5 หมื่นบาทก็มีขาย
3.ถ้าคิดจะไปเที่ยวลาวจะจงไปที่เที่ยวธรรมชาติ ๆ เวียงจันทร์ไม่มีอะไรหรอก
4.สาวลาวส่วนใหญ่ สวยนะ อึ๋มด้วย 5555
5.ถนนเค้าสะอาดนะ ชาวบ้านช่วยกันทำ ไม่ต้องมีเทศบาล
6.กินอะไรก็ระวังๆ ไว้ด้วย ทำประกันการเดินทางไว้ก็ดีนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่