▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ประเทศญี่ปุ่น
เที่ยวภูเขา
ภาพถ่าย
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
ไตร่ภูเขาไฟฟูจิ Mt.Fuji by Gotemba trail
ซึ่งวิธีการไปถึงญี่ปุ่น และสถานี Shinjuku เพื่อนๆ น่าจะหาข้อมูลได้ใน Pantip แล้ว และข้อมูลของการปีนภูเขาไฟฟูจิก็น่าจะมีข้อมูลอยู่พอสมควร(ผมก็หาใน Pantip เช่นกัน) แต่ส่วนหนึ่งผมมองว่าคนขึ้นด้าน Gotemba มารีวิวน้อย ผมเลยขออนุญาติมารีวิว และแสดงภาพว่า ถ้าขึ้นทาง Gotemba จะเจอสภาพแบบใด และจะเห็นวิวแบบไหนบาง
ก่อนอื่นเลยผมปีนวันที่ 14 ก.ค. 2017 โดยขึ้นทาง Gotemba เวลา 18:30 น. โดยประมาณ และเลือกลงอีกทางโดยทาง yoshidaguchi trail
โดยเริ่มเราจะต้องนั่งรถจาก Shinjuku ไป Gotemba ก่อน
แล้วเดินข้ามสถานีรถไฟที่ Gotemba ไปนั่งบัสต่อไป Gotemba 5th station
จากนั้นเราก็จะถึง
จากจุดนี้พวกเราจะมีห้องน้ำให้เข้า มีจุดบริการสอบถามข้อมูล และจุดนั่งเตรียมตัว ส่วนซื้อน้ำต้องเดินขึ้นไปอีก
ครับ พวกผมหาข้อมูลมาพอประมาณ แล้วก็มีการเตรียมตัวคร่าวๆ เช่น ของกิน เสื้อผ้ากันหนาว(ซึ่งเราเตรียมน้อยมากเพราะคิดว่าไม่หนาวมาก) น้ำ 2 ลิตรในส่วนกลาง(2 คน) และพกกันไปคนล่ะขวด ไฟฉาย ไม้เท้าปีนเขา เสื้อผ้าที่เอาไว้เปลี่ยน ก็เท่านั้น ครับเท่านั้นจริงๆ
จากนั้นเราเริ่มเดินทางกันเลยโดยว่างแผนไว้ว่าจะเดินกัน 10 ชม.เป็นอย่างมาก ซึ่งระยะทางเส้นนี้จะเริ่มที่ความสูง 1,500 เมตร ไปสุดทางคือ 3,500 เมตร ซึ่งเป็นระยะทางประมาณ 10 กม. +/- ไม่เดิน 500 เมตร เส้นทางเดินเป็นดินภูเขาไฟดำๆ ซึ่งผมอ่านรีวิวมาก็นึกไม่ออก ขออธิบายว่าเป็นทรายที่มีความแน่นมากกว่าทรายนิดหน่อย หรือที่เขาบ้านเราอาจจินตนาการเหมือนดินฝุ่นครับ มีภาพให้ดูครับ
เดินจากจุดทางขึ้นมาสักพักเราจะเจอจุดพักจุดแรกเลย ไม่ไกลมากส่วนใหญ่จะมีนักท่องเที่ยวที่มาแค่ชมหรือนั่งเล่น จะมากันที่จุดนี้ แต่อาจเนื่องด้วยวันที่ผมไปเป็นวันศุกร์ช่วงค่ำๆ คนจึงน้อยมากครับ
ซึ่งจุดนี้วิวก็สวยแล้วและผมคิดว่าจุดนี้เป็นจุดวัดใจครับ วัดว่าที่เดินมานั้น ok มั้ย คิดจะไปต่อมั้ย และแน่นอนการเดินมาจุดนี้มันนิดเดียวเอง บางคนอาจสบายเลย แต่มันอาจเป็นกลลวงให้เราตายใจ อ้อ จากจุดพักนี้มันจะเป็นจุดแรกและจุดเกือบสุดท้ายของเส้นทางนี้ อีกประมาณ 8 กม. จากจุดนี้ถึงจะมีห้องน้ำให้เข้าและบ้านพัก ซึ่งต้องจองล่วงหน้าและบ้านพักปิดก่อน 4 ทุ่มน่ะครับ ซึ่งผมไม่กะพักอยู่แล้วเพราะแพงเลยไม่จอง กะถึงยอดช่วงพระอาทิตย์ขึ้นแล้วลงเขาเลย
ต่อจากนี้ผมจะไม่เอ่ยอะไรมาก และจะให้ภาพเล่าแทนในเส้นทาง เพราะเชื่อว่าคงมีคนอื่นๆ รีวิวแบบละเอียดไว้แล้ว แต่ที่ผมมาลงภาพเพราะ ตอนผมหาข้อมูลมันมีภาพน้อยมาก เลยจินตนาการสถานที่ได้ไม่ออก เลยทำให้ทริปนี้ผมเตรียมตัวพลาดไปหลายอย่างครับ
จากภาพด้านบนมันจะเป็นเส้นทางแบบนี้ไปตลอด 4-5 กม. ซึ่งจะไม่ชันมากเพราะเค้าจะทำทางให้เป็นฟันปลายาวๆ เพื่อลดความชัน ระยะทางจึงยาว และพอมืดลงอากาศก็เย็นลงเร็วมากจากใส่เสื้อธรรมดาก็ต้องมาใส่เสื้อกันหนาวเดินกัน พอเดินไปได้ถึงกม.ที่ 5 ขึ้นไป ระยะทางจะเริ่มเปลี่ยนไปจากยาวๆ ไม่ชันเป็นทางฟันปลาสั้นๆ แต่ชันมากขึ้น โดยลักษณะของทางเดินจะเปลี่ยนไปจากดินภูเขาไฟธรรมดา ก็จะมีหินมากขึ้น เป็นแนวหน้าผามากขึ้น ผมไม่อาจถ่ายรูปมาให้ดูได้มากเพราะความมืด แต่ก็มีมาให้เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกเส้นทางครับ
จากจุด 5 กม. มาจะมีกระท่อมร้างหรือจะเรียกว่าที่บังลมดี มันมืดมากครับแต่มันเข้าไปไม่ได้ เป็นจุดๆ ผมจำได้ว่ามีแค่ 2 จุดจาก 5 กม. ไปถึงจุดที่ 7 กม. มันเอาไว้นั่งพักหลบลมที่หนาวเย็นมาก ถ้าผมประมาณไม่ผิดในเวลา 21:00-23:00 น. อุณหภูมิจะอยู่ที่ 5 องศา ซึ่ง jacket ยังเอาอยู่ครับ แต่มือที่ผมไม่ได้เตรียมถุงมือมาเริ่มเย็นจนจะแข็งเลยทีเดียว และด้วยความสูงที่มากขึ้นมันก็ทำให้ผมและน้องสาวที่มาด้วยหายใจลำบากมาก แต่เราก็ยังทำเวลาได้ดีมาก แม้ต้องหยุดพักบ่อยขึ้นเพราะน้องสาวผมเริ่มเล็บม่วงและปากม่วงเพราะความหนาวแล้ว
จากภาพวิวที่สวยงามตอนต้นน้องผมพูดว่าคุ้มมากที่มา มาตอนนี้เธอบอกว่าเหนื่อยและหนาวมากอยากกลับบ้าน นั้นเป็นเพราะเราเตรียมเสื้อผ้ากันมาด้วยความประมาทภูเขาไฟฟูจิ แต่เราก็เดินมาถึงระยะ กม.ที่ 8 ได้ในเวลาเที่ยงคืนนิดๆ ซึ่งบ้านพักปิดหมดแล้ว ลมหนาวเริ่มพัดแรงขึ้นมาก จากที่เราเดินมากับกลุ่มชาวต่างชาติสัก 4-5 กลุ่ม เราก็ทิ้งเดินนำเค้ามาไกล และบางกลุ่มถึงกลับตัดสินใจลงจากเขาเพราะความหนาวทันที
พอมาถึงจุดที่ 8 กม. ผมกับน้องทนความหนาวไม่ไหว มันถึงจุดที่เดินแล้วขาสั่น ตัวสั่นไปหมด และตอนนั้นได้แต่นั่งหลบให้บ้านพักที่ปิดไฟเงียบคอยบังลม มันหนาวมากจนน้องสาวผมเดินต่อไม่ได้ ผมจึงคิดหาทางโดยให้น้องไปหลบในห้องน้ำที่มีไฟสีส้มหนึ่งดวงให้ความอบอุ่น แต่เดียวก่อน ห้อนน้ำบนเขาไม่ได้สะอาดมากอย่างที่เรารู้ๆ กัน มันเป็นห้องน้ำที่ขุดหลุมและไม่มีการราดน้ำ แต่แน่นอนมันไม่สกปรกแบบที่เราเคยเห็น แต่กลิ่นมันเหม็นมาก พวกผมต้องทนหลบความหนาวที่นั้นเป็นเวลานาน จนกลุ่มคนที่ตามผมมาเริ่มแซงไป ผมบอกน้องว่าให้รอจนตี 3 แล้วอย่าหลับเด็ดขาดยอมทนเหม็นหน่อย เพราะผมจำได้ว่าตอนมาที่ญี่ปุ่นบนเครื่องพระอาทิตย์ขึ้นเร็วมาก และยิ่งเราอยู่สูงผมคิดว่าต้องสว่างเร็วมากแน่ๆ
เรานั่งรอจนตี 3 พอจะเห็นขอบฟ้า เราจึงเดินต่ออีก 2 กม. เพื่อให้ถึงยอด ถึงจุดนี้ต้องมีคนบอกว่าไปทรมานทำไม ผมจึงอยากให้ชมภาพที่ผมแลกกับความทรมานมาครับ
คุ้มมั้ยผมคงตอบให้ทุกคนไม่ได้ แต่ในความคิดส่วนตัวผมว่าผมคุ้ม ได้มาอยู่จุดนี้แล้ว
และจากจุดที่ถ่ายรูปประอาทิตย์ขึ้นเรายังไม่ถึงจุดสุดยอดต้องเดินต่อไปที่ปล่องภูเขาไฟอีกประมาณ 1 กม. ซึ่งชันที่สุดเรียกปีนก็ได้ครับ บวกกับเหนื่อยและไม่ได้นอนมาเต็มๆ 24 ชม.แล้ว มันไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ก็เดินไปจนสุดที่ 10 ชม.พอดีครับ
ทริปนี้เราประมาทไปหลายอย่างแล้วไม่พร้อมหลายสิ่ง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือประสบการณ์ล้วนๆ และก็สนุกดีครับ ด้านบนภูเขาไฟฟูจิมีวัด(วัดแบบในเมืองญี่ปุ่น เล็กๆ พอกราบไหว้) แล้วก็จุดพักที่มีขายแต่ของฝาก และมาม่าน่ะครับ ส่วนน้ำก็เป็นตู้หยอดเหรียญเท่านั้น อย่าได้หวังพึ่งพาอะไรมากครับ และแดดตอนตี 5 ที่นี้แรงยิ่งกว่าเที่ยงวัน แต่ลมเย็นครับ
สุดท้ายนี้ก็แอบภูมิใจกันเล็กๆ ที่สามารถลากคนที่วิ่งได้แค่ 10 กม.มา แถมก็ไม่เคยปีนเขาโหดๆ ในประเทศด้วย
เรื่องทางลงผมไม่ได้เก็บภาพเอาไว้ เพราะคิดว่าทางลง yoshidaguchi trail น่าจะมีคนรีวิวไว้พอสมควรแล้ว ทางลงนี้ไม่ยากมากชันน้อยกว่าทางที่ผมขึ้นมา แต่อาจต้องเจอกับหมอกบาง ฝนบางเพราะเป็นฝั่งที่มีป่าหนาแน่นอยู่ครับ ซึ่งทางลงก็เป็นกรวดบาง ดินบาง ลื่นๆ กันไปครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณน่ะครับที่อ่านกัน แต่อยากแนะนำว่าเจลให้พลังงานที่ใช้วิ่งกันควรพกมาทานด้วยจะดีมากครับ ที่สถานี Shinjuku มีขายหรือ 7/11 ในญี่ปุ่นก็มีครับ
หวังว่ากระทู้นี้จะสร้างประโยชน์ให้เพื่อนๆ ที่อยากไปบางไม่มากก็น้อยน่ะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ