ตอนนี้เราเป็นนักเรียนอยู่ แล้วก็ยังเรียนอยู่ชั้นม.ปลาย ครั้งนี้ลองตั้งกระทู้เป็นครั้งแรก ผิดพลาดอะไรก็ขอโทษด้วยนะคะ
ขออนุญาติเล่าเรื่องที่ไปเจอมาจากเพื่อนอาจจะยาวไม่นิดแต่อยากให้ลองอ่าน ที่เราเขียนเป็นความเห็นจากเราคนเดียวทั้งหมด อาจจะมีความคิดเห็นที่เป็นอัคติจากความคิดเราเองติดมาด้วย ก็ขอโทษด้วยนะคะ
เรื่องเกิดจากเราไปนั้งกินข้าวกลางวันกับเพื่อนที่ข้างโรงเรียนหลังจากที่เรียนพิเศษเสร็จแล้ว อีกไม่นานพวกเราก็คงจบม.6 หัวข้อที่ต้องคุยกันเป็นธรรมดาก็คงจะไม่พ้นเรื่องที่เรียน กินข้าวไปคุยกันไปเหมือนทุกวันก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ จนกระทั้งเพื่อนคนหนึ่งเริ่มพูดถึงมหาลัยพร้อมโชว์ใบสมัคร ซึ่งมหาลัยนี้เขาเคยมาแนะแนวให้กับเด็กที่โรงเรียน ถึงหัวข้อเรื่องทางมหาลัยมีทุน แล้วก็ถ้าเรียนจบไปรับรองมีงานทำมีงาสนทำเพราะมีบริษัทใหญ่ลิ้งกันกับทางเขาอยู่ เพื่อนเราก็เลยสนใจ แต่เรารู้สึกว่ามันแปลกๆ มันมีเงื่อนไขอีกหลายอย่างที่เราไปรู้มาแต่เขาไม่บอก เลยรู้สึกว่าเขาไม่จริงใจที่จะเสนอข้อมูลแบบครบถ้วน เพื่อให้โอกาศเลือกตัดสินใจ เราเลยรู้สึกไม่ค่อยดีกับมหาลัยนี้สักเท่าไหร่
เพื่อนก็ถามเราว่าจะสนใจไปสอบที่นี้ไหม เราเลยบอกเขาไปว่าเราไม่ค่อยชอบที่นี้เท่าไหร่ เพื่อนเลยถามเราว่าทำไม เราก็บอกว่าเราไปรู้ข่าวเรื่องเกี่ยวกับบริษัทที่เขาลิ้งกับมหาลัยนี้เคยได้ยินมาว่าเขาไปทำเรื่องที่ไปเดือนร้อนกับผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ทั้งทางตรงและผลกระทบทางอ้อม ซึ่งเรื่องนี้เราเองก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงหรอก เพราะถ้าเกิดเรื่องจริงคงไม่มีใครกล้าออกสื่อตรงๆ แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้ พอเราพูดยังไม่ทันเสร็จ เพื่อนก็หันมองหน้า แล้วก็เริ่มพูดสวนในทำนองว่ามันเป็นธุรกิจมันก็ต้องมีโกงกันบ้างแหละ ไม่มีใครไม่โกงหรอก ที่นี้พอเพื่อนพูดอย่างงี้เพื่อนที่เหลือบนโต๊ะเลยเริ่มพูดมั้งว่าอะคิดมากไปแหละ มันเป็นธุรกิจเว้ย มันก็ต้องโกงกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
คือตอนนั้นเราหน้าชาไปสักพักหนึ่งเลยค่ะ พระเจ้าช่วย เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แล้วที่ช็อกกว่านั้นก็ตอนที่นึกขึ้นได้ว่าที่นั้งกินข้าวอยู่กับเรา ในนั้นมีอนาคตสถาปนิก วิศวะ และก็แพทย์ เพื่อนเราที่ครูหลายท่านไว้ใจแล้วก็เรียนเก่งด้วย อีกคนก็หน้าตาดีรุ่นน้องที่เรารู้จักเงี้ยกรี๊ดเต็มเลย อีกคนครูก็เห็นว่าเขาเป็นเด็กดี อีกคนก็ดูเป็นคนน่าเชื่อถือ
เพื่อนก็พูดขึ้นมาอีกว่า ถ้ากูโตไปทำธุรกิจยังไงกันก็ต้องโกงกันบ้าง แบบหน้าตาเฉย แล้วที่ตกใจยิ่งกว่าคงจะเป็นการที่ทั้งกลุ่มกำลังพยายามพูดให้เราเปลี่ยนความคิดตามว่าการโกงมันไม่แปลกหรอก ทำๆไปเถอะ มันเป็นเรื่องธรรมดา ใครก็ทำกันแล้วก็หันไปคุยกัน แล้วก็สรุปว่า เห็นไหม ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลยสักนิด
พระเจ้าช่วย!
ตอนแรกก็นึกว่าเขาพูดกันเล่นๆ แต่ที่ไหนได้ คือคนพูดเขาจริงจังมาก ตอนแรกเราก็นึกว่าเพื่อนที่เริ่มเรื่องเขาพูดไปเพราะกลัวหน้าแตกเรื่องมหาลัยที่เขาจะเข้าหรือเปล่า เลยกะจะดูปฎิกิริยาเขาถ้าไม่โอเคก็คงจะพูดเรื่องดีๆของมหาลัยตามไปเนียนๆ ให้ไม่เสียความรู้สึกมาก แต่พอทุกคนเริ่มพูดในทำนองเห็นด้วยเห็นดีกันไป แล้วก็หันมาว่าเราอ่ะคิดเยอะไปแหละ อารมณ์เหมือนเราผิดอ่ะ คือตอนนั้นอึดอัดมาก คือสับสน งง คิดจนหัวจะระเบิด แต่ตอนนั้นเถียงไปคงไม่มีประโยชน์เราเลยเงียบพยักหน้ารับ ได้แต่ยิ้มๆแล้วก็แล้วก็พาเพื่อนเปลี่ยนไปคุยเลยอื่นแบบเนียนๆ(ความสามารถพิเศษเฉพาะบุคคน)
พอกินข้าวเสร็จเดินออกจากซอย ขึ้นรถ คือเราคิดมันตลอดจนกลับถึงบ้าน เหมือนคิดเรื่องนี้แล้วมันคิดถึงช่วงสอบที่ผ่านมา เพื่อนมันถามคำตอบกัน บางคนก็จดโพย บางคนก็ลอก เราไม่ได้ใส่ใจเกรดเรามากก็เลยทำได้เท่าที่ทำนั้นแหละ ไม่ได้ก็มั่ว แถไม่ไหวก็เว้นว่าง รอโดนครูด่าแล้วค่อยไปเรียนตามให้เข้าใจเอา แต่แบบที่เราทำก็ไม่ใช่ว่าจะดีนะ ควรจะเข้าใจแล้วสอบไปถึงจะดีที่สุด ยิ่งบางคนหันมาเอากระดาษคำตอบเพื่อนไปลอกเลย เป็นแบบนี้มานานแล้ว แต่ทำไมไม่ทันได้คิดเลยว่าจริงๆมันไม่ควรเป็นเรื่องปกตินะ แบบนี้มันไม่ถูก ไม่เคยสังเกตเรื่องพวกนี้เลยจนกระทั้งตอนนั้น คิดซ่ำไปซ่ำมาสุดท้ายต้องมานอนปวดหัวทั้งวันอีก
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้าไปคุยกับใครเรื่องนี้ทำนองนี้อีกเลย กลัวว่าถ้าเขาตอบเหมือนกลุ่มเพื่อนเราอีก คงหัวเสียไม่ก็ประสาทเสียมากแน่ๆ
ทุกวันนี้ก็ยังคุยกันตามปกติค่ะ แต่คือมันอึดอัดมากจริงๆ ไม่รู้ทำไม เราคิดมากไปหรืออะไรก็ไม่รู้แต่เรารู้สึกมันไม่ถูกต้อง คิดดูสภาพว่าต้องใช้ชีวตกับคนที่เรารู้ว่าเขาพร้อมจะโกง พร้อมจะทำผิดกฎอะไรก็ชั่งตลอดเวลาก็อึดอัดจนจะทนไม่ได้แล้ว มันน่าขนลุก
เรารู้สึกว่ากลายเป็นข้อแตกต่างทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้
หรือเราจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปในสังคมแบบนี้ได้ คือการที่เราต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชึ้ต่อไปหรือไม่ก็โกงๆตามเขาไป
แค่คิดว่าต้องแกล้งปิดหูปิดตาต่อไปแบบนี้ ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วค่ะ
"การโกง"เรื่องปกติ ไปแล้วหรือเปล่าคะ
ขออนุญาติเล่าเรื่องที่ไปเจอมาจากเพื่อนอาจจะยาวไม่นิดแต่อยากให้ลองอ่าน ที่เราเขียนเป็นความเห็นจากเราคนเดียวทั้งหมด อาจจะมีความคิดเห็นที่เป็นอัคติจากความคิดเราเองติดมาด้วย ก็ขอโทษด้วยนะคะ
เรื่องเกิดจากเราไปนั้งกินข้าวกลางวันกับเพื่อนที่ข้างโรงเรียนหลังจากที่เรียนพิเศษเสร็จแล้ว อีกไม่นานพวกเราก็คงจบม.6 หัวข้อที่ต้องคุยกันเป็นธรรมดาก็คงจะไม่พ้นเรื่องที่เรียน กินข้าวไปคุยกันไปเหมือนทุกวันก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ จนกระทั้งเพื่อนคนหนึ่งเริ่มพูดถึงมหาลัยพร้อมโชว์ใบสมัคร ซึ่งมหาลัยนี้เขาเคยมาแนะแนวให้กับเด็กที่โรงเรียน ถึงหัวข้อเรื่องทางมหาลัยมีทุน แล้วก็ถ้าเรียนจบไปรับรองมีงานทำมีงาสนทำเพราะมีบริษัทใหญ่ลิ้งกันกับทางเขาอยู่ เพื่อนเราก็เลยสนใจ แต่เรารู้สึกว่ามันแปลกๆ มันมีเงื่อนไขอีกหลายอย่างที่เราไปรู้มาแต่เขาไม่บอก เลยรู้สึกว่าเขาไม่จริงใจที่จะเสนอข้อมูลแบบครบถ้วน เพื่อให้โอกาศเลือกตัดสินใจ เราเลยรู้สึกไม่ค่อยดีกับมหาลัยนี้สักเท่าไหร่
เพื่อนก็ถามเราว่าจะสนใจไปสอบที่นี้ไหม เราเลยบอกเขาไปว่าเราไม่ค่อยชอบที่นี้เท่าไหร่ เพื่อนเลยถามเราว่าทำไม เราก็บอกว่าเราไปรู้ข่าวเรื่องเกี่ยวกับบริษัทที่เขาลิ้งกับมหาลัยนี้เคยได้ยินมาว่าเขาไปทำเรื่องที่ไปเดือนร้อนกับผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ทั้งทางตรงและผลกระทบทางอ้อม ซึ่งเรื่องนี้เราเองก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงหรอก เพราะถ้าเกิดเรื่องจริงคงไม่มีใครกล้าออกสื่อตรงๆ แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้ พอเราพูดยังไม่ทันเสร็จ เพื่อนก็หันมองหน้า แล้วก็เริ่มพูดสวนในทำนองว่ามันเป็นธุรกิจมันก็ต้องมีโกงกันบ้างแหละ ไม่มีใครไม่โกงหรอก ที่นี้พอเพื่อนพูดอย่างงี้เพื่อนที่เหลือบนโต๊ะเลยเริ่มพูดมั้งว่าอะคิดมากไปแหละ มันเป็นธุรกิจเว้ย มันก็ต้องโกงกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
คือตอนนั้นเราหน้าชาไปสักพักหนึ่งเลยค่ะ พระเจ้าช่วย เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แล้วที่ช็อกกว่านั้นก็ตอนที่นึกขึ้นได้ว่าที่นั้งกินข้าวอยู่กับเรา ในนั้นมีอนาคตสถาปนิก วิศวะ และก็แพทย์ เพื่อนเราที่ครูหลายท่านไว้ใจแล้วก็เรียนเก่งด้วย อีกคนก็หน้าตาดีรุ่นน้องที่เรารู้จักเงี้ยกรี๊ดเต็มเลย อีกคนครูก็เห็นว่าเขาเป็นเด็กดี อีกคนก็ดูเป็นคนน่าเชื่อถือ
เพื่อนก็พูดขึ้นมาอีกว่า ถ้ากูโตไปทำธุรกิจยังไงกันก็ต้องโกงกันบ้าง แบบหน้าตาเฉย แล้วที่ตกใจยิ่งกว่าคงจะเป็นการที่ทั้งกลุ่มกำลังพยายามพูดให้เราเปลี่ยนความคิดตามว่าการโกงมันไม่แปลกหรอก ทำๆไปเถอะ มันเป็นเรื่องธรรมดา ใครก็ทำกันแล้วก็หันไปคุยกัน แล้วก็สรุปว่า เห็นไหม ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลยสักนิด
พระเจ้าช่วย!
ตอนแรกก็นึกว่าเขาพูดกันเล่นๆ แต่ที่ไหนได้ คือคนพูดเขาจริงจังมาก ตอนแรกเราก็นึกว่าเพื่อนที่เริ่มเรื่องเขาพูดไปเพราะกลัวหน้าแตกเรื่องมหาลัยที่เขาจะเข้าหรือเปล่า เลยกะจะดูปฎิกิริยาเขาถ้าไม่โอเคก็คงจะพูดเรื่องดีๆของมหาลัยตามไปเนียนๆ ให้ไม่เสียความรู้สึกมาก แต่พอทุกคนเริ่มพูดในทำนองเห็นด้วยเห็นดีกันไป แล้วก็หันมาว่าเราอ่ะคิดเยอะไปแหละ อารมณ์เหมือนเราผิดอ่ะ คือตอนนั้นอึดอัดมาก คือสับสน งง คิดจนหัวจะระเบิด แต่ตอนนั้นเถียงไปคงไม่มีประโยชน์เราเลยเงียบพยักหน้ารับ ได้แต่ยิ้มๆแล้วก็แล้วก็พาเพื่อนเปลี่ยนไปคุยเลยอื่นแบบเนียนๆ(ความสามารถพิเศษเฉพาะบุคคน)
พอกินข้าวเสร็จเดินออกจากซอย ขึ้นรถ คือเราคิดมันตลอดจนกลับถึงบ้าน เหมือนคิดเรื่องนี้แล้วมันคิดถึงช่วงสอบที่ผ่านมา เพื่อนมันถามคำตอบกัน บางคนก็จดโพย บางคนก็ลอก เราไม่ได้ใส่ใจเกรดเรามากก็เลยทำได้เท่าที่ทำนั้นแหละ ไม่ได้ก็มั่ว แถไม่ไหวก็เว้นว่าง รอโดนครูด่าแล้วค่อยไปเรียนตามให้เข้าใจเอา แต่แบบที่เราทำก็ไม่ใช่ว่าจะดีนะ ควรจะเข้าใจแล้วสอบไปถึงจะดีที่สุด ยิ่งบางคนหันมาเอากระดาษคำตอบเพื่อนไปลอกเลย เป็นแบบนี้มานานแล้ว แต่ทำไมไม่ทันได้คิดเลยว่าจริงๆมันไม่ควรเป็นเรื่องปกตินะ แบบนี้มันไม่ถูก ไม่เคยสังเกตเรื่องพวกนี้เลยจนกระทั้งตอนนั้น คิดซ่ำไปซ่ำมาสุดท้ายต้องมานอนปวดหัวทั้งวันอีก
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้าไปคุยกับใครเรื่องนี้ทำนองนี้อีกเลย กลัวว่าถ้าเขาตอบเหมือนกลุ่มเพื่อนเราอีก คงหัวเสียไม่ก็ประสาทเสียมากแน่ๆ
ทุกวันนี้ก็ยังคุยกันตามปกติค่ะ แต่คือมันอึดอัดมากจริงๆ ไม่รู้ทำไม เราคิดมากไปหรืออะไรก็ไม่รู้แต่เรารู้สึกมันไม่ถูกต้อง คิดดูสภาพว่าต้องใช้ชีวตกับคนที่เรารู้ว่าเขาพร้อมจะโกง พร้อมจะทำผิดกฎอะไรก็ชั่งตลอดเวลาก็อึดอัดจนจะทนไม่ได้แล้ว มันน่าขนลุก
เรารู้สึกว่ากลายเป็นข้อแตกต่างทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้
หรือเราจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปในสังคมแบบนี้ได้ คือการที่เราต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชึ้ต่อไปหรือไม่ก็โกงๆตามเขาไป
แค่คิดว่าต้องแกล้งปิดหูปิดตาต่อไปแบบนี้ ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วค่ะ